หน้า: 1 ... 7 8 9 10 11 12 13 [14] 15 16 17 18 19 20 21 ... 34
 
ผู้เขียน หัวข้อ: ธรรมเนียมของภาพยนตร์  (อ่าน 114869 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 ขาจร กำลังดูหัวข้อนี้
นอกเรื่องนิดนะคะ

โบว์เรียนคณะเดียวกะน้องภทร แต่คนละมหาลัย
คืออาจารย์ประวัติศาสตร์หลายๆคนมากเลยค่ะ
ชอบนินทาเบื้องสูง ชอบเม้าท์เรื่องโน้นเรื่องนี้ให้ฟัง
เล่าออกอากาศไม่ได้เลยค่ะ อาจจะโดนคุกเอาง่ายๆ
แล้วถ้อยคำจากปากคนที่เป็นอาจารย์มันทำให้เด็กคล้อยตามเอาง่ายๆเลยนะคะ
แย่จัง มองย้อนกลับไปใช่เลย จะจัดการยังไงดีล่ะ
บันทึกการเข้า

เออ นะ... ขอถามกันเล่น ๆ หน่อยค่ะ อย่าคิดมาก  อืมมมมห์


๑) ถ้านอนอยู่บนเตียง หรือไม่ก็อยู่ในที่รโหฐาน หรือที่่ที่ไม่มีใครเห็น เป็นต้น

     แล้วเพลงสรรเสริญพระบารมีเกิดดังขึ้นมาจากที่แห่งหนึ่ง จะลุกขึ้นยืนกันไหมคะ


๒) สมมุติว่า ถ้าคุณอยู่ท่ามกลางคนมาก ๆ แล้วเพลงสรรเสริญฯ เกิดดังขึ้นมา แต่ไม่มีใครยืน

     คุณจะลุกขึ้นยืนไหมคะ


๓) สมมุติว่า อีกสิบปีข้างหน้า คนไทยส่วนมากเกิดเห็นว่า การยืนตรงให้แก่เพลงสรรเสริญฯ

     เป็นเรื่อง ยังไงดีฟระ...  ลันล้า อะ ไม่มีใครทำกันแล้ว ไดโนเสาร์เต่าล้านปี พ้นสมัย ใครทำนี่สุด ๆ หลุดโลกไปเลย ฯลฯ

     คุณจะคงลุกขึ้นยืนให้แก่เพลงสรรเสริญฯ ไหมคะ


อยากรู้เท่านั้นเอง ขอบคุณจ้า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25 เม.ย. 2008, 18:58 น. โดย YURi+ » บันทึกการเข้า

ผมทำนะครับ
ผมทำเพราะผมมีเหตุผลในใจของผมเอง
ผมทำ ไม่ได้เพราะสนใจว่าคนรอบข้างต้องทำ หรือไม่ก็ตามกระแส
มันอยู่ในใจมากกว่าในหัวสมองน่ะครับ  ฮิ้ววว

แต่ถ้าถามว่าทำทุกครั้งมั๊ย ผมตอบได้เลยว่าไมได้ทำทุกครั้ง
เช่นเมื่อเดินทาง หรือไม่สะดวกที่จะทำผมก็ไม่ได้ยืนไปซะทุกครั้ง
แต่แน่นอน ใจผมเคารพกับความรู้สึกตรงนั้นแทนมากกว่านั่งฟังไปเฉยๆ
ถ้ามีโอกาส ผมทำแน่นอนอยู่แล้ว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25 เม.ย. 2008, 19:11 น. โดย O.D.U.M » บันทึกการเข้า

- R u Happy with ur Rock&Roll ? -
จอยทำนะ
ทุกวันนี้ในร้านอาหารที่ไม่มีใครลุกขึ้นยืนเคารพธงชาติแล้ว
แต่จอยก็ยังทำ
บันทึกการเข้า
ยืนค่ะ   (อิอิ)
บันทึกการเข้า

ยิ้มน่ารัก น้องดำ
เออ นะ... ขอถามกันเล่น ๆ หน่อยค่ะ อย่าคิดมาก  อืมมมมห์


๑) ถ้านอนอยู่บนเตียง หรือไม่ก็อยู่ในที่รโหฐาน หรือที่่ที่ไม่มีใครเห็น เป็นต้น

     แล้วเพลงสรรเสริญพระบารมีเกิดดังขึ้นมาจากที่แห่งหนึ่ง จะลุกขึ้นยืนกันไหมคะ


๒) สมมุติว่า ถ้าคุณอยู่ท่ามกลางคนมาก ๆ แล้วเพลงสรรเสริญฯ เกิดดังขึ้นมา แต่ไม่มีใครยืน

     คุณจะลุกขึ้นยืนไหมคะ


๓) สมมุติว่า อีกสิบปีข้างหน้า คนไทยส่วนมากเกิดเห็นว่า การยืนตรงให้แก่เพลงสรรเสริญฯ

     เป็นเรื่อง ยังไงดีฟระ...  ลันล้า อะ ไม่มีใครทำกันแล้ว ไดโนเสาร์เต่าล้านปี พ้นสมัย ใครทำนี่สุด ๆ หลุดโลกไปเลย ฯลฯ

     คุณจะคงลุกขึ้นยืนให้แก่เพลงสรรเสริญฯ ไหมคะ


อยากรู้เท่านั้นเอง ขอบคุณจ้า

1.ถ้าอยู่ คนเดียว บางครั้งก็ทำบางครั้งก็ไม่ทำครับ แต่เวลาทำก็ทำเพราะรู้สึกเคารพจริงๆ แต่เวลาไม่ทำคือช่วงที่ตัวเองอาจจะขี้เกียจ
ถึงรักเคารพ แต่ขอไม่แสดงออกซํกหน่อยเถอะ เพราะผมก็ไม่ใช่คนดีอะไร แต่ระลึกอยู่เสมอว่าถ้าทำได้จะดีมากครับ

2.ถ้าอยู่กับคนเยอะๆ ก็ต้องดูว่า คนส่วนใหญ่เขายืนมั้ย ถ้าเขาไม่ยืนกัน เราก็ไม่ยืนครับ แต่ถ้ามีคนส่วนน้อย ซัก10-20 คน ยืน ผมก็ยืนนะครับ เพราะเราต้องปรับตัวเข้ากับสังคมให้ได้ถึงจะคิดว่ามันไม่ควรก็เถอะ และที่สำคัญผมก็คิดแบบน้องภัทรครับว่ารักอยุ่ที่ใจแต่ผมคิดต่างกว่าหน่อยตรงที่  ทำเมื่อมีโอกาส
และเวลาที่เขาจจัดไว้ให้ทำ เพราะมันไม่ลำบากมาก เผื่อจะลดปัญหาที่อาจจะการทำให้สังคมแตกแยกได้บ้างครับ
สรุปง่ายๆ คือ ถึงคิดแตกต่าง แต่ต้องยอมรับ มติของสังคมเพื่อการอยุ่ร่วมกันครับ


3.ถ้าอีกสิบปีเสียงส่วนใหญ่ในประเทศเห็นตามน้องภัทร คือคิดเหมือนกับน้องภัทรเลย คือไม่มีใครยืนตรงเคารพเพลงสรรเสริญ เพลงชาติเลย
ผมก็ต้องว่าตามเสียงส่วนใหญ่ของสังคมครับ ถึงแม้จะไม่เห็นด้วยก็ตาม แต่เราจะไม่พยายามทำตัวมีปัญหาให้สังคมแตกแยกครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25 เม.ย. 2008, 19:30 น. โดย จักรี » บันทึกการเข้า

ล้ำลึกคนึงหาในดวงจิต ใจเคยคิดตัดสวาทมิอาจสิ้น
ดั่งก้านบัวหักกลางชลาสินธุ์ ผิว่าสิ้นไร้เยื่อยังเหลือใย
1.ถ้าอยู่ คนเดียว บางครั้งก็ทำบางครั้งก็ไม่ทำครับ แต่เวลาทำก็ทำเพราะรู้สึกเคารพจริงๆ แต่เวลาไม่ทำคือช่วงที่ตัวเองอาจจะขี้เกียจ
ถึงรักเคารพ แต่ขอไม่แสดงออกซํกหน่อยเถอะ เพราะผมก็ไม่ใช่คนดีอะไร แต่ระลึกอยู่เสมอว่าถ้าทำได้จะดีมากครับ

2.ถ้าอยู่กับคนเยอะๆ ก็ต้องดูว่า คนส่วนใหญ่เขายืนมั้ย ถ้าเขาไม่ยืนกัน เราก็ไม่ยืนครับ แต่ถ้ามีคนส่วนน้อย ซัก10-20 คน ยืน ผมก็ยืนนะครับ เพราะเราต้องปรับตัวเข้ากับสังคมให้ได้
ถึงจะคิดว่ามันไม่ควรก็เถอะ และที่สำคัญผมก็คิดแบบน้องภัทรครับว่ารักอยุ่ที่ใจแต่ผมคิดต่างกว่าหน่อยตรงที่  ทำเมื่อมีโอกาส
และเวลาที่เขาจจัดไว้ให้ทำ เพราะมันไม่ลำบากมาก เผื่อจะลดปัญหาที่อาจจะการทำให้สังคมแตกแยกได้บ้างครับ


3.ถ้าอีกสิบปีเสียงส่วนใหญ่ในประเทศเห็นตามน้องภัทร คือคิดเหมือนกับน้องภัทรเลย คือไม่มีใครยืนตรงเคารพเพลงสรรเสริญ เพลงชาติเลย
ผมก็ต้องว่าตามเสียงส่วนใหญ่ของสังคมครับ ถึงแม้จะไม่เห็นด้วยก็ตาม แต่เราจะไม่พยายามทำตัวมีปัญหาให้สังคมแตกแยกครับ


แหม + 2เลย  กรี๊ดดดดด
บันทึกการเข้า
อยากให้ตาอ้วนดำนั่นมาอ่านของพี่จักรีจังเลย  กรี๊ดดดดด

บันทึกการเข้า

๑) ถ้านอนอยู่บนเตียง หรือไม่ก็อยู่ในที่รโหฐาน หรือที่่ที่ไม่มีใครเห็น เป็นต้น

     แล้วเพลงสรรเสริญพระบารมีเกิดดังขึ้นมาจากที่แห่งหนึ่ง จะลุกขึ้นยืนกันไหมคะ


๒) สมมุติว่า ถ้าคุณอยู่ท่ามกลางคนมาก ๆ แล้วเพลงสรรเสริญฯ เกิดดังขึ้นมา แต่ไม่มีใครยืน

     คุณจะลุกขึ้นยืนไหมคะ


๓) สมมุติว่า อีกสิบปีข้างหน้า คนไทยส่วนมากเกิดเห็นว่า การยืนตรงให้แก่เพลงสรรเสริญฯ

     เป็นเรื่อง ยังไงดีฟระ...  ลันล้า อะ ไม่มีใครทำกันแล้ว ไดโนเสาร์เต่าล้านปี พ้นสมัย ใครทำนี่สุด ๆ หลุดโลกไปเลย ฯลฯ

     คุณจะคงลุกขึ้นยืนให้แก่เพลงสรรเสริญฯ ไหมคะ




๑. >>> ไม่ค่ะ เพราะเวลานอน ไม่เคยเปิดทีวี เพลงสรรเสริญืก็คงไม่สามารถลอยมาจากไหนได้ (ฮา)

เอาใหม่ ตอบจริงจังดีกว่า ถ้านอนอยู่คงไม่ลุกค่ะ (ต้องใช้คำว่า คง เพราะยังไม่เคยมีประสบการณ์ได้ยินเสียงเพลงสรรเสริญแว่วมาตอนกำลังอยู่ในท่านอน) แต่ถ้านั่งอยู่คงจะลุกล่ะค่ะ เพราะปรกติดูทีวีหรือกินข้าว ถ้าเป็นเวลาเพลงชาติขึ้น ดังจากทีวี ก็จะลุก แต่ไม่ได้ลุกเพื่อแสดงความรักชาติหรอกนะคะ ลุกเพราะคิดถึงเพลงชาติ เพราะตั้งแต่โตมานี่แทบไม่เคยตื่นทันเคารพธงชาติเลย สรุปคือ ยืนเพราะคิดถึงความหลังเมื่อครั้งยังเยาว์  ลันล้า



๒. >>> เนื่องจากไม่ได้มีเงื่อนไขพิเศษอะไรกำหนดมาในโจทย์ ขอตอบบนพื้นฐานว่าที่นั่นคือสถานที่ที่ปรกติธรรมดา ไม่ใช่ที่ซึ่งห้ามใครยืนสรรเสริญพระบารมี ไม่ใช่ท่ามกลางคนที่ต่อต้านหรือเกลียดชังราชวงศ์หรือเพลงสรรเสริญนะคะ

- ยืนค่ะ เพราะชอบยืนฟังเพลงสรรเสริญฯ ยืนแล้วมีความสุข คนอื่นไม่ยืนก็ไม่เกี่ยวกับเรา



๓. >>> อาจจะต้องแบ่งเป็นสองกรณีแล้วนะคะ

- ถ้าคนอื่นแค่เห็นว่ามันเชย ล้าสมัย ก็จะยังยืนค่ะ เพราะเราชอบของเราแบบนี้ เหมือนใส่กระโปรงยาวไปเรียน ไม่มีใครเขาใส่กันแล้ว ไปใส่มินิสเกิร์ตโชว์ขาอ่อนหมดแล้ว แต่ถ้าเราพอใจจะใส่กระโปรงยาว แม้จะใส่แล้วดูแปลก แต่ไม่ได้เบียดเบียนใคร และไม่ได้เดือดร้อนตัวเอง ก็จะใส่ค่ะ เพื่อนอาจจะทักนิดหน่อยว่า ต๊ายหล่อนทำไมแต่งตัวเชยแบบนี้ แล้วก็จบไป ไม่ได้เกิดผลอะไรขึ้นกับชีวิต

- แต่ถ้าคนอื่นเห็นว่าเป็นเรื่องบ้าบอคอแตก หลุดโลก น่าอับอายขายขี้หน้า เราก็คงไม่ลุกค่ะ อายเค้า ทำตัวหลุดโลกไม่เหมือนชาวบ้าน ถ้าสมมติเมื่อถึงบัดนั้น มีแต่เราที่หัวคิดล้าสมัยอยู่ อยากยืนอยู่ ชอบยืนอยู่เหมือนเดิมล่ะก็ คงไปแอบยืนเองคนเดียวในบ้าน ไม่ต้องทนสายตาคนรอบข้าง ไม่ต้องกลัวคำครหานินทา สมมติว่าเปรียบกับการใส่สายเดี่ยวไปเรียนก็แล้วกัน ในเมื่อคนอื่นเขาไม่ทำกันเพราะคิดว่ามันน่าอาย มันบ้า เราก็คงไม่กล้าผ่าเหล่าใส่ไปคนเดียวหรอกค่ะ อยากใส่ก็ใส่อยู่บ้าน ในที่ที่ไม่มีใครจะมามองเราด้วยสายตาตำหนิดีกว่า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25 เม.ย. 2008, 20:06 น. โดย Moji » บันทึกการเข้า
กลับบ้านมา ตรงมาอ่านก่อนเลย เขียนได้มันส์มากเลยครับทุกคน(ยกเว้นน้องๆบางคนที่ไม่ค่อยแน่นเรื่องนี้เป็นการส่วนตัว)


เราไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน เราอยู่ร่วมกันบนความแตกต่าง หากมีการขัดแย้งแบ่งฝ่ายกัน อำนาจนิยมเผด็จการจะกดคอคุณให้คุยไม่ได้อีกเลย
ประเทศไทยมีประชาชนเป็นใหญ่ บนพื้นฐานที่ว่าทุกอำนาจยังอยู่กันครบ เหมือนดินแดนในฝันที่มีทั้ง ราชา เผด็จการ อนารยชน ซ้ายขวา
ร่วมกันพัฒนาชาติบ้านเมือง

แล้วไอ้คำที่ว่า ประชาธิปไตย ทุกคนเท่าเทียมกัน ไอ้สุนัขบางตัวมันพูดขึ้นมาเพื่อบอกว่า สิทธิกูจะกระทืบสิทธิมึง แค่นั้น มันหลงทาง

ประชาธิปไตย เป็นรูปแบบความขัดแย้งรุนแรงชนิดนึงที่ร่วมมือกันเพื่อผลักดันสังคม โดยมีทุกฝ่ายทั้งที่เคยมีและที่จะเกิดขึ้น
ผมว่าคนที่ยังไม่รู้ว่าประชาธิปไตยคืออะไรกันแน่ถามขึ้นมา แล้วด่าคนอื่น ให้ย้อนกลับไปดูสองบรรทัดบน

ผมไม่พูดดีกับคนที่พัฒนาอิสรภาพไปขัดต่อสันติภาพแน่ มันทำให้ผมรู้สึกไม่ดีในระดับตัวตนของผมเลย ไม่ใช่ด้านของสังคม
การลุ่มหลงในอิสรภาพจนทำลายตัวเอง ไม่ถือว่า สันติสุข ขัดต่อหลักการที่ดี คนไทยส่วนหนึ่ง ชอบอิสรภาพแต่ไม่ชอบสันติสุข
ระยำมาก เด็ดขนปีกตัวเอง



เรื่อง วิเคราะห์ ราชา และสถาบันอำนาจเบ็ดเสร็จทั้งหลายเป็นเรื่องต้องห้าม ตามระบบป้องกันการแตกแยกของสังคมมนุษย์
หากแต่การแตกแยกกันกลับทำให้อำนาจชนิดนั้นกลับมาอีกครั้ง ซึ่งอาจเปลี่ยนรูปแบบไป กฎหมายปกป้องเรานะครับ ระวังด้วย


ยืน ไม่ยืนมีมานานแล้ว อย่าแอ็บแบ้วกันเลยครับ
บันทึกการเข้า

ไม่ว่าคุณจะรอบรู้ เก่งกาจ กล้าหาญ เท่าไหร่ ก็ไม่มีค่าอะไร ถ้าไม่มีใครรักคุณ
ติดใจประโยคสุดท้ายล่ะคุณแน็ค  ฮิ้ววว
บันทึกการเข้า
สงสัยว่า จะแยกคำว่า สิทธิ กับ หน้าที่ ไม่ออก...

เรื่องบางเรื่องที่กล่าวมา เป็น หน้าที่ นะครับ
หน้าที่ที่ถูกกำหนดโดยสังคม เค้าเรียกเป็นบรรทัดฐานของสังคมครับ
ถึงแม้ว่าคุณจะแย้งก็เหอะว่าคุณมีสิทธิ์ที่จะไม่ทำ
แต่นั่นมันคือหน้าที่ ยิ่งถ้ามีการกำหนดโดยกฎหมาย คุณไม่ทำก็ผิดกฎหมายไงครับ
ทั้งนี้ (เชื่อว่า)ประชาชนส่วนใหญ่ที่ยังยืนเคารพธงชาติ ยืนตอนได้ยินเสียงเพลงสรรเสริญพระบารมี
ทำไปเพราะเคารพ รัก และเข้าใจ ด้วยหัวใจล้วนๆ ไม่ใช่เหตุผลอะไรที่ต้องยกมาอ้างหรอกครับ

ส่วนเรื่องการยอมรับความต่าง... โอเคนั่นคนละเรื่องกัน
แต่ในเมื่อมันเป็นบรรทัดฐานของสังคมในปัจจุบัน แล้วมันก็ไม่ได้เสียหายอะไรในการที่เราจะทำ
ทำไมเราถึงจะไม่ทำ
ยืนไปก็ไม่ได้ทำให้ร่างกายสึกหรอสักนิด เวลาก็ไม่ได้เสียมากมาย (ยกเว้นถ้ารีบนี่ก็ยกให้เค้า)
ไม่ยืนซะอีกที่จะทำให้โดนรุมประชาทัณฑ์ (เขียนผิดขออภัยครับ จำคำนี้ไม่ได้)



ผมเป็นคนนึงที่เข้าไปดูหนังแล้วก็ร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี
ยืนตรงเคารพตลอดเพลง จบเพลงก็โค้งคำนับให้พระองค์ท่านได้อย่างเต็มภาคภูมิ
ไม่ได้ทำเพื่อตามกระแส แต่ทำด้วยหัวใจครับ ไม่ใช่เหตุผล
(ถึงแม้ว่าเวลาอยู่คนเดียวจะไม่ยืนก็เหอะ)

ถ้าเมื่อวันนึงหากไม่มีการเปิดเพลงสรรเสริญพระบารมีในโรงภาพยนตร์
ผมว่าผมคงขาดความสุขในการดูภาพยนตร์ในโรงไปพอสมควรแหละ
บันทึกการเข้า

อ่านความเห็นของทุกท่านแล้วก็เพลินดีครับ
ส่วนเรื่องคำถามเกี่ยวกับสถาบันของน้องภัทร
ผมคงไม่ออกความเห็นอะไรแล้ว
เพราะเคยแสดงความเห็นไปหมดแล้วในจู๋อื่น

อีกอย่างนึงก็คือ ผมเคยเห็นน้องภัทรเอาพระราชดำรัสที่มีการตัดต่อ
แล้วมาเปรียบเทียบอยู่หนนึง ว่าพระราชดำรัสขัดแย้งกันเอง
ดังนั้นคงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะตอบ
ตราบใดที่ อคติ ในใจของน้องภัทรยังไม่หายไป

อคติ เมื่อผ่านไปนานๆ เข้า มันก็จะกลายเป็นความเกลียดชัง
และความเกลียดชังนี่แหละ ก็เป็นต้นเหตุของความขัดแย้งกันในสังคม

............................................

เพิ่งดูหนังสารคดีเกี่ยวกับทิเบต
(กระแสฟรีทิเบต กำลังมาแรงแถวนี้)
เลยไปขุดหนังเกี่ยวกับทิเบตมาดูหลายๆ เรื่อง

คนทิเบต(ส่วนใหญ่เป็นพระ)ตายไปล้านกว่าคน
ในช่วงที่จีนเข้าไปยึดครอง
เด็กถูกบังคับให้ฆ่าพ่อแม่
ลูกศิษย์ถูกบังคับให้ฆ่าอาจารย์
วัดกว่าหกพันแห่งถูกทำลาย
ดาไลลามะ ต้องลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศ

แต่เกือบหกสิบปีผ่านไป ทุกอย่างไม่ได้เป็นไปอย่างที่จีนคิด
จราจลครั้งล่าสุดที่กรุงลาซาเมื่อเร็วๆ นี้ ชี้ให้เห็นว่า
รากเหง้าทางวัฒนธรรม ความเป็นพุทธของคนทิเบต
มันฝังรากลึกเกินจะหยั่ง มันไม่ใช่แค่ ไม่มีดาไลลามะ ไม่มีกษัตริย์
มันไม่ใช่แค่ ไม่มีวัด ไม่มีศาสนา แล้วจะสามารถปกครองจิตใจผู้คนได้
(ศาสนาเป็นเรื่องต้องห้ามของจีน
ณ ปัจจุบัน ประชากรจีนเกือบเก้าสิบเปอร์เซนต์ ไม่มีศาสนา
เพราะท่านประธานเหมาเชื่อว่า ศาสนา คือยาพิษ )

ดังนั้นทฤษฎี พ.ศ. 0 จึงไม่ใช่ทฤษฎีที่ถูกต้องอีกต่อไป
ผมได้แต่หวังว่า ผู้นำของขบวนการในไทย
จะเอากรณีของทิเบตล่าสุดมาศึกษา
และทบทวนกระบวนการต่างๆ
ที่พวกกำลังนำมาใช้อยู่กับประเทศไทย

เพราะประเทศไทยคงไม่ใช่เปิด
The little red book มาอ่านแล้วทำตาม
เพราะ The little red book ไม่ใช่คัมภีร์
แต่เป็นแค่เครื่องมือหนึ่้ง ในกระบวนการ
โฆษณาชวนเชื่อ ในตอนนั้น

ประวัติศาสตร์บอกเราว่า
ความรุนแรง การสร้างความขัดแย้งในสังคม
ไม่ได้เกิดประโยชน์ใดๆ และไม่เคยส่งผลดี
ต่อประเทศชาติ และจิตใจของผู้คนเลยสักนิดเดียว
เรียนรู้จากประวัติศาสตร์กันบ้างเถอะครับ  ไหว้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25 เม.ย. 2008, 20:45 น. โดย ณต » บันทึกการเข้า
กลับมาแล้วจ้ะ
ไปทำงานข้างนอก ส้มโทรมา อีบวบส่ง SMS มา
บอกว่า "ตื่ง ตื่ง มีเลื่องแล้ว" ก็เลยเข้ามาอ่านจู๋นี้

ส่วนตัวแล้วคงไม่พูดอะไรซ้ำๆ เช่นเดียวกับที่ลุงณตบอกแหละครับ
ก็คงรู้กันดีแล้วว่าตูคิดอย่างไร ใครคิดอย่างไร และสังคมคิดอย่างไร


คำถามของภัทรเข้าท่าดี

เลยอยากย้อนถามนิดนึงว่าสมมติน้องภัทรตื่นมากลายเป็นเป็นลุงโอ๋ ..ที่เกลียดแมนยูมากๆ
วันนึงได้มีโอกาสไปอังกฤษ แล้วก็ได้ไปดูพรีเมียร์ลีกพอดี ในศึกวันแดงเดือดปะทะลิเวอร์พูล
แต่ดันซื้อตั๋วผิดไปนั่งฝั่งกองเชียร์แมนยู ง่ะ

- เสื้อลิเวอร์พูลที่ใส่มาในกระเป๋า จะหยิบขึ้นมาใส่ไหมครับ
- จะตะโกนเชียร์ลิเวอร์พูลไหมครับ
- น้องภัทรจะวิจารณ์นักเตะแมนยูที่นั่นไหมครับ

ที่ยกตัวอย่างเรื่องไกลๆ ตัวแบบนี้จะได้ไม่พานอกเรื่อง ไปหยิบยกเอาตัวบทกฎหมายจากกูเกิ้ล
หรืออะไรที่อาจารย์ที่คณะท่านกล่อมเกลามาน่ะครับ โปรดเข้าใจตามนี้นะจ๊ะ

ป.ล.
ใครจะแสดงความเห็นเรื่องนี้ ก็ตอบแทนภัทรได้นะครับ
แต่ข้ามขั้นตอนที่ว่าตื่นมาปั๊บกลายเป็นลุงโอ๋ไปได้เลย เพราะสยองเกิ๊น ง่ะ
บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ
เจอแว้ว ๆ...........


แอบอ้าง

พระราชบัญญัติวัฒนธรรมแห่งชาติ พุทธศักราช ๒๔๘๕


     - มาตรา ๖ วัฒนธรรมซึ่งบุคคลจักต้องปฏิบัติตาม นอกจากจะได้กำหนดไว้โดย

พระราชบัญญัติแล้ว ให้กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกาได้.....


     - มาตรา ๑๕ ผู้ใดฝ่าฝืนพระราชกฤษฎีกาซึ่งออกตามความในมาตรา ๖ มีความผิด

ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งร้อยบาท หรือจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือทั้งปรับทั้งจำ



   ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

      จอมพล ป. พิบูลสงคราม

            นายกรัฐมนตรี


แอบอ้าง

พระราชกฤษฎีกากำหนดวัฒนธรรมแห่งชาติ พุทธศักราช ๒๔๘๕


     คณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ในพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อาศัยอำนาจตามความใน

มาตรา ๖ แห่งพระราชบัญญัติวัฒนธรรมแห่งชาติ..... จึงให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ดังต่อไปนี้


     - มาตรา ๓ บุคคลทุกคนจักต้องรักษาจรรยามารยาทอันดีงามในที่สาธารณะหรือที่ปรากฏแก่สาธารณชน โดย

       (๑) ไม่ก่อให้เกิดเสียงอื้อฉาวโดยใช่เหตุ หรือใช้วาจาเสียดสีหรือลามกหยาบคาย หรือแสดงกิริยาวาจา

เป็นเชิงเสียดสีเย้ยหยันผู้ที่ปฏิบัติตนในทางเชิดชูหรือส่งเสริมวัฒนธรรมของชาติ

       (๒) ไม่ใช้กำลังเบียดเสียดยื้อแย่งในที่ชุมนุมชน เช่น ในการโดยสารยานพาหนะ การเข้าซื้อบัตรผ่านประต

หรือเข้าประตูสถานที่สำหรับมหรสพ เป็นต้น

       (๓) ไม่ก่อความรำคาญด้วยการห้อมล้อมหรือกีดขวางผู้อื่นโดยไม่มีเหตุสมควร

       (๔) ไม่ก่อให้เกิดความปฏิกูล หรือขีดเขียนในที่อันไม่ควรทำ

       (๕) ไม่อาบน้ำตามถนนหลวงอันเป็นที่ชุมนุมชน

       (๖) ไม่นั่ง นอน หรือยืนบนราวสะพาน

       (๗) ไม่นั่ง หรือนอนบนทางเท้า

       (๘) ไม่ใช้กำลังยื้อแย่งทาน หรือรับของแจก


     - มาตรา ๔ ในการปฏิบัติต่อบ้านเรือน บุคคลทุกคนจักต้องรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อย

เท่าที่ปรากฏแก่สาธารณชน โดย

       (๑) ไม่ตากผ้าหรือสิ่งอื่นให้รุงรังอย่างอุจาด

       (๒) ไม่ขีดเขียนหรือปิดข้อความหรือภาพอันอุจาด

       (๓) ไม่ปล่อยให้สิ่งของมีลักษณะรุงรัง

       (๔) ไม่ทำส้วมและที่สำหรับทิ้งมูลฝอยและสิ่งปฏิกูลอันมีลักษณะอุจาด


       - มาตรา ๕ บุคคลทุกคนจักต้องรักษาเกียรติของประเทศชาติ

       ภายใน...ที่ที่ข้าหลวงประจำจังหวัดโดยอนุมัติรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยกำหนดไว้

ห้ามมิให้แต่งกายโดยประการที่จะทำให้เกียรติของประเทศชาติเสื่อมเสียไป เช่น นุ่งผ้าหยักรั้ง นุ่งแต่กางเกงใน

นุ่งกางเกงชนิดสำหรับใส่นอน นุ่งผ้าขาวม้าหรือไม่สวมเสื้อ หรือสตรีสวมแต่เสื้อชั้นใน หรือมีแต่ผ้าคาดอก เป็นต้น.....


       - มาตรา ๖ บุคคลทุกคนจักต้องเคารพตามระเบียบเครื่องแบบหรือตามประเพณี คือ

       (๑) เคารพธงชาติขณะที่ชักขึ้นและลงประจำวันพร้อมกัน ตามเวลาประกาศของทางราชการ

       (๒) เคารพธงชาติ ธงไชยเฉลิมพล ธงเรือรบ ธงประจำกองยุวชนทหาร หรือธงประจำกองลูกเสือ

เมื่อชักขึ้นหรือลงประจำสถานที่ราชการ เมื่อเชิญมาตามทางราชการ หรืออยู่กับที่ประจำแถวหรือหน่วยทหาร....

       (๓) เคารพเพลงชาติ เพลงสรรเสริญพระบารมีและเพลงเคารพอื่น ๆ ซึ่งบรรเลงในงานตามทางราชการ

ในงานสังคม หรือในโรงมหรสพ



       - มาตรา ๗ ในที่สาธารณะสถานหรือที่ปรากฏแก่สาธารณชน คนไทยจักต้องไม่ขอ

สิ่งใด ๆ จากคนต่างด้าวอันจะส่อให้เขาดูหมิ่น


       - มาตรา ๘ คนไทยจักต้องมีสมรรถภาพและมารยาทเกี่ยวกับวิธีดำเนินงานอาชีพ

โดยขมักเขม่นและเอาใจใส่ แสดงกิริยาวาจาอันสุภาพในการติดต่อกับลูกค้า ผู้ว่าจ้างและผู้โดยสารยวดยานพาหนะ


       - มาตรา ๙ คนไทยจักต้องส่งเสริมความเจริญก้าวหน้าในทางวรรณกรรมและศิลปกรรม

โดยไม่กระทำการใด ๆ อันจะทำให้เกียรติของประเทศชาติหรือพระพุทธศาสนาเสื่อมเสียไป...........


       - มาตรา ๑๐ คนไทยจักต้องนิยมไทย โดยไม่เหยียดหยามชาติไทยหรือคนไทยใน

ประการที่จะส่อให้เสื่อมเสียเกียรติของชาติ



   ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ

      จอมพล ป. พิบูลสงคราม

            นายกรัฐมนตรี



จำุคุกไำม่เกินหนึ่งเดือน ปรับไม่เกินหนึ่งร้อยบาท หรืิอทั้งจำทั้งปรับ นะ......

บันทึกการเข้า

หน้า: 1 ... 7 8 9 10 11 12 13 [14] 15 16 17 18 19 20 21 ... 34
 
 
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2007, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!