ถ้าจะให้พูดถึงเรื่องแบบนี้จริงๆ เป็นเพราะจิตสำนึกในเรื่องของงานศิลปะ คนไทยเราอ่อนมากๆเลยนะครับ
เรื่องของการต่อยอดเลยเป็นไปได้ช้าและดูเหมือนจะหายไป ไม่เฉพาะเรื่องของศิลปะหรอกครับ วัฒนธรรมเราก็อ่อนถึงอ่อนมากเลยทีเดียว
ถึงต้องมีการตั้งกระทรวงมาเพื่อบอกว่า อะไรเป็นวัฒนธรรมดี อะไรเป็นวัฒนธรรมไม่ดี
ถ้าสมมติลองจับเอาคนทั่วๆไปของในแต่ละประเทศมาประเทศละคน
แล้วก็ลองถามถึงความเห็นเรื่องของศิลปะ หรือให้แสดงการทำศิลปะอะไรสักอย่าง
ผมคิดว่า คนไทยเราแสดงออกได้ไม่มากเท่ากับคนญี่ปุ่น ฝรั่ง หรือประเทศไหนที่มีพื้นฐานศิลปะแน่นมากได้หรอกครับ
เนื่องด้วยว่า คนไทยเราไมไ่ด้คิดว่า ศิลปะ เป็นส่วนสำคัญอย่างหนึ่งในการดำรงค์ชีวิตนะครับ..
ยิ่งในภาวะ ปากกัดตีนถีบ เงินคือสิ่งสำคัญ ประชากรส่วนใหญ่ยิ่งไกลออกจากศิลปะมากขึ้น
ที่พูดถึงคนสมัยก่อน สามารถพัฒนางานศิลปะได้ ชาวบ้านยังทำงานศิลปะไปถวายวัด พัฒนางานศิลปในกลุ่มของตัวเองได้อย่างมีเอกลักษณ์
เพราะ "เวลา" ในการใช้ชีวิต มันเหลือมากน้อยไม่เท่ากันนั่นแหละครับ
เมื่อก่อนหลังทำงานสวนงานไร่ เวลาที่เหลือ คือช่วงปลดปล่อยอารมณ์
มีเวลามานั่งทำอะไรเพื่อนสนองความสบายใจ เพื่อศาสนา หรือเพืื่่ออะไรก็ตามแต่
เมื่อ เวลาและความตั้งใจ มันมีมาก ศิลปะและความเจริญมันก็ตามมามากนั่นแหละครับ
สมัยนี้เลิกงานในไร่ในสวน ก็เปิดทีวีดูละครหลังข่าว ไม่ก็หางานเสริมทำ ไม่งั้นจะเอาเงินไหนมาจ่าย ธกส.
ตกดึกหน่อยก็ปิดไฟนอน รุ่งขึ้นออกไปสวนใหม่ เรื่องของการมานั่งเอาเวลา ปั้นเครื่องใช้ สานไผ่ตอก หรือ ทำงานศิลป์ต่อยอด
จะไปทำตอนไหนละครับ... อย่าลืมนะครับ ศิลปะ ไม่ใช่ปัจจัย 4 และมันไม่ใช่แค่ ลำดับ 5 6 7 8 ด้วย มันอยู่เลขสองตัวนั่นแหละ
ศิลปะไทยจะโตต่อได้ ก็คงต้องเป็นที่วิธีคิดก่อนแหละครับ ว่าศิลปะ มันคือหนึ่งในปัจจัยของการดำรงค์ชีวิต
คนเราอยู่กับศิลปะแบบเป็นเรื่องหนึ่งในชีวิตประำจำวัน ไม่ต้องขนาดเป็นจิตกรวาดรูปกันนได้ทุกคนขนาดนั้น
แค่ตระหนักว่า ศิลปะมันใกล้ตัว ทำอะไรก็อยากมีออกแบบของฉันบ้าง ดูแล้วแสดงอารมณ์ได้ว่าฉันรู้สึกยังไงกับสิ่งเหล่านี้
ผมว่า มันจะโตแบบก้าวกระโดดได้เลยแหละครับ ปัจจุบัน ศิลปะเป็นเรื่องของกลุ่มคน เ้ป็นเรื่องของคนเข้าใจยาก เป็นเรื่องชั้นสูง
เป็นของที่ไม่ควรแตะต้อง หรือแม้แต่ คนไทยยังดูถูกงานออกแบบไทยๆด้วยกันอยู่เลย เรื่องการพัฒนาก็คงยากครับ
แต่ผมก็เห็นแนวโน้มการออกแบบที่เป็นไทยๆ โตไปในทางที่ดีขึ้นเยอะแล้วจริงๆนะครับ มันไม่เคยหยุดนิ่งจริงๆหรอก
เพียงแต่มันอาจจะไม่ได้ชัดเจนว่า เห้ย ลายไทยนี่ ไท๊ย ไทย แต่มันจะมีกลิ่นของ ไืทย จนเห็นแล้วก็ไทยเลยจริงๆนะ ไม่ว่าในวงการไหนก็เถอะ
ศิลปะไทย จริงๆมันรวมเอาศิลปะต่างชาติมาผนวกตั้งแต่ดั้งเิดิมแล้วนะครับ เพียงแต่เมื่อก่อน อิทธิพลของการรวมกัน มันใกล้
เพราะการสื่อสารเราไม่ได้กว้างเหมือนสมัยนี้ ไปตีเมืองเขามาได้ หรือได้มาเพราะติดต่อค้าขายกันทางเรือ
ดั้งนั้น เวลาเอางานเขมร งานพม่า งานเวียดนาม จีน หรือประเทศใกล้เคียง มารวมเข้าด้วยกัน มันเลยดูกลมกลืน เป็นของไทยๆ
พอปัจจุบันโลกกว้าง งานตะวันตก เข้ามามาก ซึ่งมันต่างกันสุดขอบ เวลาผสานกันมันเลยดูเหมือนลอกกันมา ไม่เข้ากันมาก
ทำให้บางครั้ง มันดูไม่เป็นไทยจ๋า เลยเกิดความเหมือนจะไม่แตกต่างกันขึ้น ไม่พัฒนา
แต่มันก็เป็นการลองผิดลองถูกอย่างนึง ซึ่งมันก็คือการพัฒนาทางหนึ่งเหมือนกันนะครับ