มาช่วยเพิ่มความมันแล้วครับผม คุณแอน..
ก่อนอื่น ต้องขอออกตัวก่อนว่า
ไม่แน่ใจว่าความเห็นที่ผมเขียน(หรือโดน quote)ไปครั้งที่แล้ว
ทำให้ท่านๆ ทั้งหลายในนี้ ผิดใจกันอะไรรึเปล่า เพราะรู้สึกองศามันร้อนฉ่าผิดปกติ
ฉะนั้นหากที่ผมเขียนไปล่วงเกินท่านใดไป ผมขออภัยด้วยครับ
หลังจากมานั่งย้อนอ่านความเห็นในกระทู้นี้อีกพักนึง
ก็พอจะเข้าใจอะไรเลาๆ ขึ้นอีกนิด
จุดที่คุณทัชชี่กับคุณนายพลเห็นต่างกันเรื่อง font
(นอกเหนือจากประเด็นว่าควรจะตามมาตรฐาน Unicode เป๊ะๆ หรือไม่)
ก็คงอยู่ที่ว่า การนำตัวอักษรไทย ไปใส่ไว้ใน 1 byte เป็น Extended ASCII
(ตามตาราง ASCII ที่คุณนายพลอุตส่าห์ไปหามาโพสไว้ข้างบน)
มันนับเป็นมาตรฐานได้รึเปล่า ซึ่งผมว่ามันมองได้หลายมุมนะ
ซึ่งแต่ละมุมก็มีเหตุผลกันทั้งคู่
ถ้ามองจากจุดของการใช้ภาษาไทยบนคอม
ตั้งแต่ก่อน Unicode จะได้เริ่มมีการใช้อย่างแพร่หลาย
มันก็จะเป็นอย่างที่ผมได้เขียนไว้ข้างต้นครับ
คือมันมีมาตรฐานเพื่อใส่ตัวอักษรไทยร่วมกับอังกฤษเข้าใน 1 byte อยู่
เป็นมาตรฐาน มอก. ซึ่งระบบต่างประเทศเช่น DB ก็รู้จัก
ซึ่งมาตรฐาน TIS-620 font แบบเพียวๆ นี่
มันเป็นอะไรที่มีมาตั้งแต่ก่อน Win 95 แล้ว
(ตอนที่ Unicode เริ่มโดนเอามาใช้งานภาษาไทยจริงจังใน Win 95
เราถึงต้องไปพึ่ง ThaiMaster 95/NT ทั้งหลายแหล่
เพื่อให้ font ดึกดำบรรพ์ที่สร้างจากมาตรฐาน TIS-620 (Win-874) เพียวๆ
ยังใช้งานบน Unicode-based OS อย่าง Win 95 ได้นั่นเอง)
ฉะนั้น ถ้ามองจากจุดนี้ ผมก็เข้าใจคุณนายพลนะ
เพราะถ้าจะดูกันเฉพาะที่ byte แรก ไม่นับส่วน Unicode ที่เสริมเข้ามา
หากคุณนายพลจะเรียกว่า template font นี่ว่ามันเป็นมาตรฐาน ก็คงค้านไม่ได้
เพราะมันก็เป็นจริงๆ ถึงแม้จะเป็นมาตรฐานเก่าแล้วก็ตาม
(อย่าง ASCII นี่ ตามเวบเค้าบอกว่ามันมีมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1963
ผมยังไม่เป็นวุ้นเลย ผ่านมาเวอร์ชันล่าสุดก็ยังเป็นปี 1986 ซึ่งก็ยังเก่าอยู่ดี
หรือตัวมาตรฐาน TIS-620 เอง version แรกมันก็มีมาตั้งแต่ปี 1986 นู่น)
ทีนี้มามองในมุมกลับกันบ้าง..
คือถ้าเรามองจากคนที่พิมพ์งานมาตั้งแต่ Win 95 จนถึงผู้ใช้งานในปัจจุบัน
ก็จะเห็นได้ว่าการใช้คอมในชีวิตประจำวันส่วนใหญ่
ปกติก็จะไม่ได้ใช้ legacy desktop applications ที่เป็น extended ASCII อีกต่อไปแล้ว
(ยกเว้นก็แต่กับ Illus กับ Photoshop นี่แหละ
ที่เพิ่ง support Unicode ได้จริงๆ เอาตอน CS คลอด)
สรุปง่ายๆ คือ ณ เวลานี้ ฐานผู้ใช้ส่วนใหญ่ก็ใช้ Unicode-based OS/app กันอยู่แล้ว
ฉะนั้น ถ้าพิจารณาขีดความสามารถของซอฟท์แวร์ส่วนใหญ่ในปัจจุบัน
กับทั้งความร่วมมือของทุกชาติทุกภาษาที่จะใช้ Unicode เพื่อแก้ปัญหา Interoperability
การนำตัวอักษรไทย ไปใส่ไว้ใน 1 byte ร่วมกับตัวอักษรอังกฤษ เช่น font ของคุณนายพล
ก็นับเป็นการ hack หรือการ downgrade Unicode font อยู่กลายๆ
เพื่อให้ app ที่ล้าหลังที่ไม่ support Unicode ได้ทำงานอย่างที่ผู้ใช้ต้องการ
อันนี้คือมุมมองที่สอง.. ซึ่งถ้าจะมองจากมุมนี้ ผมเองก็ค้านไม่ออกอีกนั่นแหละ
มานั่งตรองดูแล้ว ผมเลยว่า มันเป็นเรื่องของมุมมองนะ
ถ้ามองแบบนึง template font ของคุณนายพล
มันก็คือ unicode font ที่โดนล่วงละเมิด (ว๊ายยกรี๊ด..)
จนเสียความเป็นมาตรฐานไป เนื่องจากมันไม่ support Latin-1
แต่ถ้ามองอีกแบบ มันคือ โบราณวัตถุ
ที่มีฐานมาจากมาตรฐานฟอนต์ในสมัยคุณปู่ทวดยังเตะปี๊ปดัง (คือก่อน Win 95 นั่นอีก)
แล้วเอามันมาต่อเติม mutate จนกลายเป็น
เจ้าเป็ดน้อยที่ลุยได้หมดทุกหัวระแหง
คือบินฉันก็ทำได้นะ เดินฉันก็เ็ป็น ว่ายน้ำได้อีกตะหากแน่ะ
โดยในสายตาของผู้ใช้คนไทยส่วนใหญ่แล้ว มันเป็นได้ทั้งฟอนต์ Unicode และไม่ใช่ Unicode
ทั้งที่จริงๆ แล้วจะว่ามันเป็นฟอนต์ TIS-620 เพียวๆ ก็ไม่ใช่ (เพราะมันมีติ่ง Unicode เสริมเข้ามา)
หรือจะว่ามันเป็นฟอนต์ Unicode ก็ไม่เชิง (เพราะส่วนที่ควรจะเว้นไว้ให้ Latin-1 ก็ไม่เว้น)
ผมเลยว่า มันเหมือนไอ้ที่เค้าว่ากันเรื่อง น้ำครึ่งแก้วน่ะ
คนนึงก็ว่า แหม่ น้ำหายไปตั้งครึ่งแก้ว
อีกคนก็ว่า อืม มีน้ำอยู่ตั้งครึ่งแก้ว
Half-full glass, Half-empty glass
มันก็แก้วใบเดียวกัน น้ำเท่ากัน จะมองกันมุมไหนเท่านั้นเอง
จริงๆ solution ของทั้งสองท่านก็มีประโยชน์ทั้งคู่
โดย solution ของคุณทัชชี่ เป็นประโยชน์มากใน
ระยะยาวเพราะเมื่อใช้มาตรฐานปัจจุบันอย่าง Unicode แล้ว
มันก็ประหยัดเวลา ทรัพยากร (และความปวดเศียรเวียนเกล้า) ในอนาคต
เพราะไม่ต้องเป็นห่วงว่าพออัพเกรด app แล้ว
จะต้องมาเสียเวลานั่งอัพเกรดเอกสารเก่ากันหูตูบ
เหมือนสมัยที่เราย้ายจาก Win 3.11 มาเป็น Win 95
จนต้องไปพึ่งใช้โปรแกรมอย่าง ThaiMaster 95 จนอะไรๆ มันเข้าที่
แต่ solution ของคุณนายพล ก็เป็นประโยชน์มากใน
ระยะสั้นคือถึงแม้จะมีปัญหาในภายหลัง
ตอนอัพเกรด app มาเป็นมาตรฐานที่ใช้ได้ทั่วโลกอย่าง Unicode ก็ตาม
แต่มันก็ช่วยแก้ปัญหา ณ เวลาปัจจุบันได้ทันท่วงที
จึงพูดได้ว่า ถึงแม้จะดูเหมือนเป็นการถอยหลัง
ก็ไม่ใช่การถอยหลังเข้าคลองซะทีเดียว
ออกจะเป็นการถอยหลังเพื่อกลับไปตั้งหลักมากกว่า
ถ้าถึงคราวที่คอมทุกเครื่องใช้แต่โปรแกรมที่ support Unicode
solution นี้ก็เป็นอันปลดระวางได้โดยไม่ตะขิดตะขวงใจ
เพราะที่สุดแล้ว เราคงต้องยอมรับว่า
ถึงแม้เมื่อหลายปีก่อน apps ส่วนใหญ่จะผ่านช่วง transition phase
เปลี่ยนจาก pre-Unicode ไปเป็น Unicode หมดแล้ว
แต่สำหรับซอฟท์แวร์ในสาขาอาชีพ DTP อย่าง Photoshop หรือ Illustrator
มันเพิ่งจะเริ่มเข้าสู่ transition phase เมื่อไม่นานมานี้
ฉะนั้นสิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้ ก็เลยต้องค่อยเป็นค่อยไป
ต้องอาศัยเวลาให้ฐานผู้ใช้ค่อยๆ เคลื่อนเข้าสู่ Unicode อย่างเต็มตัว
คือถึงช่วงนี้เราๆ บางท่านอาจจะหันมาใช้ฟอนต์เป็ด ก็คงต้องทนเป็ดมันหน่อย
สุดท้ายผมเลยเห็นคล้ายๆ คุณแอนนะ คือ เห็นด้วยกับทั้งคู่น่ะ
ผมเขียนงงรึเปล่าก็ไม่รู้สิเนี่ย
เฮ่อ.. เหนื่อย พิมพ์เยอะ