ที่ผมเปรียบเทียบระหว่างการออกแบบ กับหมอ วิศวะ กฎหมาย คือผมจะต้องการเปรียบเทียบ
ให้เห็นความสำคัญของวิชาชีพ
หมอผ่าตัดพลาด เป็นเรื่องใหญ่
วิศวะกรคำนวณพลาดทำให้ตึกถล่มเป็นเรื่องใหญ่
ตัดสินความในศาลผิดพลาดเป็นเรื่องใหญ่
แต่พอมา
ออกแบบพลาดเป็นเรื่อง...
ขี้ปะติ๋วไปเลย
ผมไม่ได้พยายามยกย่องว่าวิชาชีพออกแบบนั้นเป็นอาจชีพที่เลิศหรู
มีจรรยาบันสูงส่ง หรือต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคม
แต่ถ้ามีคนกลุ่มหนึ่งต้องการที่จะยึดถืออาชีพนี้ล่ะจะต้องทำอย่างไร
ถ้าทำอาชีพนี้แล้วตอนอายุุ60ยังจะทำอยู่ได้มั้ย ? เราจะอยู่กับมันไปได้ซักแค่ไหน ?
คงมีคนบางส่วนที่อยากยึดถือเอาการออกแบบเป็นอาชีพ
เพราะฉะนั้นทางออกหนึ่งก็คือต้องไปเรียนตามมหาลัย
แต่การเรียนตามมหาลัยก็ไม่ได้เป็นคำตอบที่ถูกต้องซะทีเดียว
ยังมีอีกหลายวีถีการในการตอบคำถาม
เรียนรู้ด้วยตัวเอง
เรียนรู้โดยการเข้ามหาลัย
เรียนรู้โดยไปเมืองนอก
เรียนรู้ด้วยการทำงาน
เป็นต้น
เพราะฉะนั้นคำว่า " เรียนออกแบบ " ไม่ได้กำจัดอยู่ที่สถาบันการศึกษาเท่านั้น
ถ้าผมลดตัวอย่างลงเป็น
ทำไมต้องเรียนเป็นเชฟทำอาหาร
ทำไมต้องเรียนร้องเพลง
ทำไมต้องเรียนแฟชั่น
เหตุผลที่เค้าไปเรียนอาจจะเป็นเค้าบางในสิ่งๆนั้น
ต้องการที่จะเรียนรู้ให้ลึกซึ้งกว่าที่เป็นอยู่
หรืออาจจะเรียนทำเท่ หรือเรียนตามเพื่อนก็ได้
แต่อย่างน้อยก็ต้องยกย่องในระดับนึงว่าพวกเค้าเป็นคนที่ใฝ่หาความรู้เข้าสมอง
อาจจะเป็นการการรันตี
ในระดับหนึ่งว่าไอ้คนๆ เคยผ่านการทำงาน
ในแขนงนั้นๆ แล้วมาในระดับหนึ่ง
(ผมไม่ยกตัวอย่างที่ไม่ได้เรียนมา แต่สามารถทำเป็นอาชีพได้นะครับ พวกนั้นเมพไป)
เพราะว่าไม่น่ามีใครไปผ่าตัดไส้ติ่ง, คุมก่อสร้างอาคาร
หรือว่าความในศาลเล่นเป็นงานอดิเรกนะ
ผมไม่รู้ว่าใครทำงานออกแบบเป็นงานอดิเรกรึปล่าว
แต่ผมคนนึงล่ะที่ไม่ได้ทำเป็นแค่งานอดิเรก
แต่ก็อีกนั้นแหละเกมนี้เราก็ไม่ได้ตัดสินว่างานนี้โปร หรือไม่โปร
มีหนังสือเล่มนึงที่กำลัง(พยายาม)อ่านอยู่คือ
how to be a graphic designer without losing your soul
คือแค่ชื่อก็ทำให้คิดได้แล้วว่า
" ถ้ามึงเป็นกราฟฟิกดีไซน์เนอร์ มึงต้องสูญเสียจิตวิญญานแน่ๆ "
บางที่ผมอาจจะคิดมากไปก็ได้นะ อาจจะเป็นแค่ชื่อที่เค้าตั้งขึ้นเท่านั้นเอง