หน้า: 1 2 3 4 [5] 6 7 8 9 10 11 12 ... 15
 
ผู้เขียน หัวข้อ: ทำไมต้องเรียนออกแบบ?  (อ่าน 143693 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 ขาจร กำลังดูหัวข้อนี้

มันขี้คายไปได้เยอะแหละ แต่ก็ยังไม่ "ถึง" เสียที


ที่จริงลุงอ๋าหมายถึง คลี่คลาย ใช่ไหมค่ะ

บันทึกการเข้า

อ่านกระจู๋นี้แล้วทำให้คิดถึงสมัยเรียนหนังสืออยู่จังครับ  สิ่งที่พอจะมาแบ่งปันกันได้บ้างในฐานะที่พอจะเป็นdesignerหรือนักออกแบบคนหนึ่งที่ทำงานด้านนี้อยู่คงพอจะบอกได้นิดหน่อยตามนี้นะครับ
1. คุณรักที่จะเรียนหรือทำงานด้านนี้จริงไหม
2. คุณรักแล้วลงมือทำจริงจังแค่ไหน
3. ครอบครัวของคุณหรือคนรอบข้างสนับสนุน หรือ รับรู้ ในสิ่งที่คุณทำไหม
4. ถ้าคุณเคยเจอปัญหาแล้วคุณล้มลง คุณลุกขึ้นสู้อีกไหม
5. (อันนี้อาจไม่ค่อยเข้ากะหัวข้อ) เพื่อนผมหรือรุ่นพี่รุ่นน้องผมหลายคนไม่ได้เรียนมาทางด้านนี้โดยตรง บางคนจบบัญชี บางคนจบช่างยนต์ แต่งานเค้าหลายๆ งานทำให้ผมอึ้ง ทึ่ง ว่าแม่งคิดได้ไง ทำได้ไง แต่คนพวกนี้ไม่ได้ซื้อหัวสมองหรือใช้แสตมป์จากเซเว่นแลกเอานะครับ เค้าต้องพยายามและมุ่งมั่นมากกว่าพวกที่เรียนมาโดยตรงหลายเท่า ดังนั้นถ้าคุณเรียนอยู่แล้วเิกดมีอุปสรรค ปัญหา คุณยังโชคดีกว่าเพื่อนผมที่ยกตัวอย่างมาอีกนะ พยายามเข้านะครับ ซ้อม ซ้อม ซ้อม และก็ซ้อมเท่านั้นครับ

ผมคงไม่สามารถจะแนะนำหรือชี้แนะแนวทางอะไรได้มาก(เพราะในหลายๆ กระจู๋ได้บอกไปเกือบหมดแล้ว) แต่สิ่งที่อยากจะบอกคือ
อย่าอีโก้จนลืมตัวเองไปว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้าเสมอ วันนี้ถ้าคุณคิดว่าคุณเก่งแล้ว พรุ่งนี้ก็จะมีคนที่เก่งกว่าคุณมาอีก
เรียนรู้ให้เยอะๆ ดูงานให้เยอะๆ แล้วคิดตามว่า เค้าคิดยังไงถึงได้ทำงานออกมาแบบนี้ คนดูแล้วรู้สึกยังไง เทคนิคเป็นยังไง องค์ประกอบเป็นยังไง สีสันเป็นยังไง ถ้าดูงานแล้วรู้สึกอยากทำให้ได้แบบนั้น อึ้งว่ามันทำยังไงวะ มันใช้อะไรคิดวะ แม่ง...
รู้สึกอิจฉา อยากทำได้ หรือรู้สึกว่ากูทำได้ดีกว่าอีกหวะ
ขอให้จำความรู้สึกนี้ไว้
แล้วลงมือทำนะครับ
บุญรักษาครับ
บันทึกการเข้า

"คุณอาจจะได้พบความสุขเมื่อคุณหยุดค้นหามัน"
อ่านตอนล่าสุดแล้วขนลุกซู่  กรี๊ดดดดด

เห็นด้วยมากๆ กับที่ว่าความมั่นใจในสไตลของตัว จะกลายมาเป็นกรงขัง สร้างทางตันให้ตัวเอง

เยี่ยมไปเลย  เจ๋ง
บันทึกการเข้า

กร๊าก เดี๋ยวรออ่านจนถึงช่วงทำงานเลยครับพี่เก้อ
บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ
 ไหว้ เดี๋ยวสอบเสร็จจะตามเก็บอ่านตั้งแต่แรกค่ะ
บันทึกการเข้า

there are no regrets in life, just lessons . .
สมัยเรียน ผมเจอเพื่อนแปลกๆ  เฮ้ย!?

ไอ้พวกขยันทำงาน หาข้อมูล นั่งทำงานเช้าเย็น นี่ สู้ไอ้พวกที่วันๆ เที่ยวๆ กินๆ นอนๆ เล่นเกม แล้วเผางานวันสุดท้าย ไม่ได้เลย  (เหงื่อแตกพลั่ก)

สงสัยมันทำบุญมา  งานนี่เทพทุกงาน  หน้ามึน

...

เคยเรียนกะจารย์ถาปัตย์คนนึงชื่อไรหว่า? เป็น Guest ของ อ.ไพโรจน์ มาสอน 2 คาบ

แบบว่าวัยรุ่นมากๆ ... ตอนนี้เหมือนจะเป็น รอง อธิการ มหาลัย มั๊ง

บันทึกการเข้า
อุ้ย ... !!
เหมือนจะมาอ่านช้าไป...

ฮิปโปสอบไปหมดละอะ เหอะะะะะะะ
อ่านไปละแอบมีไขว่เขว นิดหน่อย ฮือๆ~

ยังไงก้อสอบไปแล้ว ... เลือกทางที่ดีที่สุดไปแล้ว
สู้ตาย !! อิ๊ ~
บันทึกการเข้า

... ความรักไม่จำกัดเพศ แต่มนุษย์เองนั้นแหล่ะที่กำหนดเพศให้มัน ...
เรื่องขี้คาย หรือหาแนวในการทำงานเป็นสิ่งนึงที่คนทำงานด้านศิลปะ-ออกแบบ ค้นหาตัวเองกันแทบทุกคน ต้องหาอะไรใหม่ๆมาใส่มาฝึกตัวเองตลอด สิ่งที่ได้มาจากการเรียนออกแบบ มันทำให้เราฝึกตัวเองต่อยอดไปได้ รู้ว่าจะเคี่ยวตัวเองยังไง รู้จักให้โจทย์ตัวเองในการฝึกเพื่อลบจุดบอดหรือจุดที่ตัวเองยังไม่ถนัด ......ฝึกไปเรื่อยๆมันก็จะเจอไม้ตายใหม่ๆ เหมือนในหนังจีนกำลังภายใน

บางคนเจอไม้ตายแล้ว พอใจกับมันหยุดอยู่แค่นั้น ภูมิใจกับกระบวนท่าโดยที่พื้นฐานยังไม่มั่นคง ไม่หาอะไรมาเสริมเขี้ยวเล็บ ....นานๆไปมันก็จะอยู่กับที่แค่นั้น เดี๋ยวนี้จะเห็นงานที่บ้ากระบวนท่าอยู่มากมายตามเว็บ Myspace ซึ่งเป็นงานที่คลั่งไคล้กระบวนท่าจนละเลยพื้นฐานที่แท้จริงกันไป  จนกลายเป็นอะไรที่ขาดๆเกินๆ ....... การฝึกตัวเอง ถ้าฝึกจนได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว ลองทิ้งมันไปหาอะไรใหม่ๆฝึก จะสนุกกว่า ได้อะไรมากกว่า เป็นการเปิดโอกาสให้กับตัวเอง ...แต่อย่าลืมผสมผสานและย่อยสิ่งที่ฝึกไปรวมกับสิ่งที่เรามีอยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นมันจะออกมาแค่กระบวนท่าที่ลอกเลียนคนอื่นแบบชัดเจน .... ท้ายสุดเมื่อทุกอย่างมันเริ่มจะกลั่นกรอง งานมันก็จะออกมามีกระบวนท่าในแบบตัวเองที่เกิดจากพื้นฐานที่ฝึกมาอย่างหนัก ซึ่งไอ้การหาสไตล์ตัวเองมันเป็นสิ่งท้ายๆที่ควรจะฝึกฝน ไม่ใช่สิ่งแรกๆที่เราจะต้องค้นหามัน ...ถึงเวลาเมื่อไหร่ ฝึกมากพอเมื่อไหร่ มันจะไหลมารวม มาผสมกันเอง ..ซึ่งบางทีก็แปลกใจว่า โอ้ ตรูทำได้ขนาดนี้แล้วเหรอ แต่พอเวลาผ่านไป ฝึกอะไรไปเพิ่มอีก มันก็จะขึ้นระดับไปอีก จนไม่กล้าจะมานั่งปลื้มกับไอ้งานชิ้นที่โคตรภูมิใจตะกี้นี้อีกต่อไป .... ถ้าหันกลับไปดูงานส่วนใหญ่ที่เราเคยๆทำมา แล้วรู้สึกว่างานพวกนี้แม่งน่าอาย มีจุดด้อยตรงโน้น ตรงนี้เต็มไปหมด แต่ทำไมตอนนั้นเรากลับมองไม่เห็นจุดด้อยที่ว่า อันนี้มันคือการพัฒนาขึ้น

ไอ้เรื่องทำงานออกมาให้มีเอกลักษณ์ มันจำเป็นมากหรือจำเป็นน้อย ขึ้นอยู่กับงาน ขึ้นอยู่กับลูกค้า .... อย่างงานสายนักเขียนการ์ตูน ถือว่าจำเป็นมากที่ลายเส้นต้องมีเอกลักษณ์ แต่ต้องมีเอกลักษณ์ที่เกิดจากพื้นฐานที่แน่นมาแล้ว มันถึงจะออกมาในแบบที่ไม่ขัดสายตา และสามารถพัฒนาต่อไปในรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์ลักษณะแบบนั้นได้ไปเรื่อยๆ ...ยกตัวอย่างอะไรดีล่ะ .... เอางานการ์ตูนที่เขียนโดย ฟูจิโอะ ฟูจิโกะ ที่เขียนโดเรมอนก็แล้วกัน เชื่อว่าถ้าใครเคยอ่านโดเรมอน แล้วไปอ่านปาร์แมน ย่อมจะจำลายเส้นคนเขียนได้ แทบจะรู้ว่าคนเขียนเป็นคนเดียวกันแน่ๆ ...แต่ถ้าเจาะลึกย้อนไปดูตอนที่เขาเขียนโดเรมอนตอนแรกๆ ลายเส้นมันไม่ได้สวย สัดส่วนมันไม่ได้สวย เหมือนในงานยุคหลังๆ ... อันนี้คือพัฒนาการที่ต่อยอดหลังจากเจอลักษณะเฉพาะตัวแล้ว .... ผลงานของนักเขียนการ์ตูนหลายๆคน มักเป็นไปในทำนองนี้

แต่สำหรับงานออกแบบมันทำแบบนั้นได้ยาก อย่างมากก็คงแอบใส่กลิ่นๆไปได้นิดหน่อย ... ซึ่งงานที่ทำให้ลูกค้าโดยตรงบางชิ้นงานมันไม่ได้ฝึกอะไรเพิ่มให้ตัวเราได้มากเท่าไหร่ จะได้เพิ่มก็คือประสบการณ์กับการเพิ่มสปีดในการทำงานแค่นั้น ...... แต่สำหรับงานบางตัวหรือลูกค้าบางเจ้าก็ทำให้เราได้ลองอะไรใหม่ๆบ้างในบางครั้ง แต่เท่าที่เจอมาเอง งานที่มันสามารถให้เราลองอะไรใหม่ๆในแบบที่เปิดจริงๆ แล้วทำออกมาได้ดี มันมีไม่ถึง 30% ของงานที่ทำจริง ส่วนใหญ่จะเป็นงานที่น่าเบื่อและซ้ำๆซากๆ ..... คนที่ทำงานในสายนี้จำนวนนึง เลยต้องหาทางออกในการฝึกตัวเองเพิ่ม หรือปลดปล่อยด้วยวิธีอื่นๆ เพราะเอาไปปล่อยกับงานลูกค้าหรืองานจริงไม่ได้ เช่น ทำงาน Experiment ออกมา หรือถ้าเป็นคนทำโฆษณาก็อาจจะทำ Scam Ad. ซึ่งมันเหมือนแบ่งตัวเองเป็น 2 ส่วน .... 1.) ทำงานให้ลูกค้า อยากได้อะไรก็ทำให้เขา แต่ถ้ามีโอกาสปล่อยอะไรได้ก็ทำเต็มที่ 2.) ทำงานสนองตัวเองด้วยวิธีที่บอก
บันทึกการเข้า
ขอบคุณครับ ไหว้

นานๆ ทีจะได้ทำงานสนองตัวเอง
จะต้องฝึกบ่อยๆ แล้ว
บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ
แวะมาแปะแบนเน่อครับผม
บันทึกการเข้า

ในหมู่คนตาบอด คนตาบอดข้างเดียวได้เป็นราชา
ชอบแบนเนอร์จัง ยิ้มน่ารัก
บันทึกการเข้า
หัวข้อหลังๆโดนใจมากครับ  ไหว้
บันทึกการเข้า

ความสวยไม่รับประกัน แต่ความมันเดี๊ยนรับรอง
ได้แต่ตามอ่าน  เท่จริงๆ

 เจ๋ง
บันทึกการเข้า

ว่ากันตามแอน เรื่องความเท่ห์นะ ผมเป็น
ปี 1
- เท่ห์มากครับ ได้เข้าเรียนศิลปะ และได้แต่งตัวเซอร์ๆ ไว้ผมยาว
- จ๊าบมากครับ ได้ถือกระดานไม้ แบกไปนู่นนี่ เพื่อดรออิ้งสถานที่ต่างๆ แล้วมีคนมอง
- สุดตรีนมากเลย ที่ได้ทำงานบ้านเพื่อน จาก 6 โมงเย็นยัน 6 โมงเช้า แล้วมาหลับในคาบ

ปี 2
- ยังเท่ห์อยู่ครับ ที่ได้เรียนศิลปะ แต่งตัวยังเซอร์อยู่ ผมยาวกว่าปี 1
- จ๊าบอยู่ แต่ไม้กระดานไม่ได้ถือละ เพราะเริ่มเรียนวิชาอื่นที่ไม่ใช่ดรออิ้ง
- ไม่สุดตรีนละครับ เพราะเริ่มทำงานที่บ้าน ไปเตร่ทำงานบ้านเพื่อนแล้วไม่ทัน อุปกรณ์มันต้องแบ่งกันทำ

ปี3
- เกือบเลิกเท่ห์ละครับ แต่ยังเรียนศิลปะอยู่ แต่งตัวดีขึ้นมานิด ผมตัดสั้นกว่าเดิม เพราะเริ่มฝึกงาน
- ไม้กระดานเก็บขึ้นหิ้งแล้วครับ เพราะหันมาจับเม้าส์ในห้องแอร์ ออกแบบคอมพิวเตอร์กราฟฟิค
- ซื้อ Mac มาใช้งานที่บ้านละครับ เพราะทนใช้ตามร้านไม่ไหว งานมันเยอะ

ปี 4
- ทุกอย่างตรงข้ามกับปี 1 ครับ เพราะผมเริ่มเข้าฝึกงานที่ใหม่ แต่มีบางอย่างที่ยังเหมือนเดิม
คือผมยาวได้ แต่รวบให้เรียบร้อย แต่งตัวตามสบายได้ แต่ต้องสะอาดสะอ้าน ที่สำคัญ ต้องทำงานที่ได้รับ
มอบหมายมา จากนาย ให้เสร็จตรงเวลาครับ ไม่งั้นไม่ผ่านฝึกงาน

1-4 ปีที่ผมได้เรียนมา คำนึงที่ได้จากการเรียนออกแบบคือ ความเข้าใจครับ
- เข้าใจในงาน ว่าเรากำลังจะทำอะไร และให้ใคร งานเป็นประเภทไหน
- เข้าใจในแนวของเรา ว่าเราทำงาน 1 งาน ด้วยแนวทางเรา สะดวกกว่าไปลอกเขา
- เข้าใจในคนร่วมงาน สำคัญนะ เพราะเวลาคุณเรียนออกแบบศิลปะ คุณต้องเอามันมาออกแบบการทำงานของคุณด้วย คนมีหลายประเภท คุณต้องคิดให้ดี ว่าจะทำยังไงกับผู้ร่วมสายงาน มันไม่เหมือนตอนเรียนโดยสิ้นเชิงครับ
- เข้าใจตัวเอง คุณต้องรู้ขีดจำกัด ของตัวเอง ว่าทำได้เท่าไหน ถ้าทำไม่ได้อย่าฝืน
ให้เข้าห้องสมุดเหมือนตอนเรียนครับ เปิดเนทหาความรู้ใส่กบาล เดี๋ยวโลกของคุณก็จะเปิดขึ้นอีกครั้ง
ผมแนะนำให้ดู ศึกษา และจับหลักให้ได้ ไม่ได้แนะนำให้ลอกนะ
บันทึกการเข้า

nuugo.blogspot.com
instagram.com/nuugo
ถ้าผม+ได้ คงกดให้คุณเก้อไปเยอะละ หลายๆอย่างคุณเก้อกับคนอื่นๆก็ได้เขียนไปหมดแล้ว ผมขอแจมภาพในความคิดของผมกับเรื่องนี้แล้วกันนะครับ

       ผมคิดว่าการได้เรียนวิชาออกแบบ ก็เหมือนการได้เข้าไปในสวน สวนหนึ่ง ซึ่งมีต้นไม้ผลไม้ สมุนไพรต่างๆ ปลูกรวมอยู่มากมายภายใต้สวนเดียวกัน มีชาวสวนคอยแนะนำว่าต้นนี้ กินได้ยังไง ใช้ทำอะไรอร่อย มีตัวอย่างให้ลองชิม คอยสอนว่าปลูกยังไง แน่นอนว่า สวนนี้ค่อนข้างใหญ่ และเรามีเวลาอยู่ในสวนนั้น น้อยทีเดียว แต่ละคนที่มาเรียนด้วยกัน ต่างก็เดินแสวงหาอาหารที่ตัวเองชอบ เลือกเดิน ชิมดู แล้วก็ลองปรุงออกมา...รสชาติของอาหารที่มาจากวัตถุดิบ หรือพืชชนิดเดียวกัน แต่ละคนก็ทำออกมาได้ไม่เหมือนกัน บางคนชอบหวานมาก หวานน้อย บางคนชอบเผ็ดจัด บางคนชอบเปรี้ยวจัด ถึงอยู่ในสวนเดียวกัน เราก็ทำอาหารออกมาได้ต่างกันเป็นหมื่นเป็นพันชนิด
       
       แน่นอนว่า ในเวลาอันน้อยนิดกับความกว้างใหญ่ของสวนนี้ ทำให้เราไม่สามารถเรียนรู้หรือเลือกทุกอย่างได้ถูกต้อง แต่อย่างน้อย ทุกอย่างเราก็เลือกได้โดยจริตของเราและปรุงออกมาตามรสนิยมของเรา เราคงรู้แล้วว่า เราชอบกินอะไร....
       ที่ปลายทางของสวนสวนนี้ จะมีกลุ่มของชาวสวนที่เคยแนะนำเราอยู่กลุ่มนึง คอยชิมอาหารของเรา ว่าเราจะปรุงมันออกมาเป็นแบบไหน หน้าตาอย่างไร ที่เค้าอยากรู้ คงแค่ว่าเราพร้อมจะสามารถออกไปทำอาหารให้คนข้างนอกกินได้แล้วหรือไม่....

       เมื่อเราออกมาจากสวนแห่งนั้น ณ.ตรงนี้ เราก็จะได้ยืนอยู่หน้าป่าใหญ่ที่เต็มไปด้วย ต้นไม้ สิงสาราสัตว์ สารพัดชนิด ให้เราได้บุกฝ่ามันเข้าไปเพื่อสร้างสรรค์ "อาหาร" ของเราเองออกมาเพื่อดำรงค์ชีวิต ในป่าแห่งนี้ จะไม่มีคนมาคอยยืนแนะนำให้เราอีกแล้ว ว่าอะไรกินได้ กินไม่ได้ ทำอะไรกินได้มั่ง และทำอย่างไร เราก็คงได้แต่อาศัยสิ่งที่ได้รู้มาจากในสวนแห่งนั้นมาช่วยในการลองผิดลองถูก..เพื่อค้นหาวัตถุดิบต่อไป ในการเอามาใช้สร้างสรรค์งานของเราต่อไป

ในป่าแห่งนี้ มีการเอาตัวรอดสูง ใครอยู่ได้ก็รอดไป ใครอ่อนแอก็คงต้องถูกกลืนกินไป...สารพัดความรู้เหล่านั้นแหละ ที่จะช่วยเราได้ในวันตกอับ...

ถึงหลายๆคนจะไม่ได้ผ่าน สวนอาหาร แห่งนั้นมา แต่ก็สามารถทำ อาหาร เหล่านั้นออกมาได้ดี อย่างน้อย พวกเขาเหล่านั้นก็คงต้องอาศัยหลายๆอย่าง มากกว่าคนที่เคยผ่านสวนเหล่านั้นมา พวกเขาคงต้องลองผิดลองถูก ค้นคว้าด้วยตัวเองและฝึกหัดเองอย่างมาก แต่ในท้ายที่สุดก็คงมีจำนวนไม่เยอะมากจากจำนวนทั้งหมดที่อยากเข้ามาทำอะไรแบบนี้ ที่จะอยู่รอดและทำอาหารให้คนอื่นๆกินต่อไปได้ตลอดไป           
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29 ต.ค. 2007, 11:35 น. โดย o-dum » บันทึกการเข้า

- R u Happy with ur Rock&Roll ? -
หน้า: 1 2 3 4 [5] 6 7 8 9 10 11 12 ... 15
 
 
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2007, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!