คือ ผมพยายามขอรูปกับเพื่อนมาแล้วนะครับ
แต่ไม่มีใครยินยอมเลย จะเอารูปเขามาจากเวบ
ก็กลัวโดนด่า เลยต้องฝืนใจเอารูปตัวเอง
จะเห็นว่าที่เล่าๆมา การเรียนดูไม่ได้เตรียมตัวให้เราเข้าสู่การทำงานยังไงอยู่
คือมันก็มีแหละครับ ไอ้ตัวงานทั้งหลายที่เราทำนั่นแหละก็คืองานที่เราจะต้องจบไปทำ
เพียงแต่ตอนเรียนแทบไม่มีใครพูดถึงจบแล้วจะต้องทำงานแบบไหนยังไงบ้าง
มีแต่เนื้อหาในเชิงออกแบบพูดถึงแต่ตัวเนื้องานแทบทั้งหมด
ไม่ได้สอนให้เราจบไปเดาใจลูกค้า ซึ่งผมมองว่าจุดนี้เป็นข้อดี
และเป็นหนึ่งในเหตุผลที่เราหลงรักการเรียนนี้มาก
ไม่มีอาจารย์สักคนเลย ที่มาคอยบอกว่ายังงี้จบไปแล้วจะทำงานยังไง
-อ้อ มีบ้างที่พูดตอนหน่ายเวลาเราส่งงานช้า
อันนี้มันเกี่ยวกับความคิดเห็นผมเกี่ยวกับระบบการศึกษาในมหาลัยด้วย
น้องติวชนิดที่มาถามผมว่า พี่ๆเรียนภาคนี้แล้ว จบไปจะมีงานเยอะไหม
รายได้ยังไง ตกงานไหม เออ ถ้าพ่อแม่อยากรู้ ผมจะบอกให้สำหรับไปตอบพ่อแม่
แต่ถ้าอยากรู้เองผมจะตอบว่า อยากรวยอย่ามาเรียนศิลปะ
ถ้าเราตั้งใจจะมาเรียนเพื่อจะตอบโจทย์ว่า จบไปแล้วประกอบอาชีพอะไรยังไง
รายได้ดีไหม แล้วคณะก็สอนให้เรามีความรู้-ความสามารถ
เพื่อตอบโจทย์การประกอบอาชีพเหล่านั้น
สอบวัดความรู้กันเข้ามาแล้วผลิตนักศึกษา
เข้าสู่ระบบการทำงานเหล่านั้นเพียงเท่านั้น
แบบนี้มหาลัยจะต่างอะไรกับสถานที่อบรมพนักงานก่อนเข้าทำงานล่ะ?
แย่กว่าอีก ต้องอบรมตั้งสี่ปี
เอาแบบหนักกว่านั้นเรื่องทำงานทำการ หางานยากไหม รายได้ยังไง เขาวัดจากอะไรล่ะ?
ถ้าไม่ใช่วัดจากว่าเราจบไปแล้ว ไปสร้างผลกำไรให้เขาได้มากขนาดไหน
ดังนั้นผมจึงไม่ศรัทธาการตัดสินใจชนิดที่ว่าเลือกเรียนที่ไหนก็ได้
ที่สอนวิชาที่ทำให้เรามีความรู้สำหรับไปประกอบอาชีพนั้นๆ
มหาลัยไม่ควรจะเป็นเพียงสถานที่อบรมอาชีพ
ถึงทุกวันนี้ส่วนใหญ่มันจะเป็นยังงั้นก็เถอะ
บางคนตั้งจุดมุ่งหมายของชีวิตไว้ แล้วหาทางไปให้ถึง
ซึ่งก็นับว่าเป็นทางที่ถูกที่ควรทำ บางคนดันไม่ศรัทธาอะไรแบบนั้นเลย
รู้แต่ว่าจะไปทางนี้ล่ะ ถูกผิดไม่รู้ ปลายทางเป็นอะไรไม่รู้
รู้แค่ว่ามาทางนี้แหละ เท่แล้ว ชอบแล้ว มันจะนำไปสู่อะไรก็ช่างหัว
ซึ่งจะเลือกอย่างไหนก็ตามสะดวก ถ้ายังมีโอกาสเลือก
เพราะบางคนเขาก็ไม่มีโอกาสได้เลือก
เรื่องการทำงาน คิดว่าหลายๆคนคงอ่านเรื่องประเภท
เรียนแล้ว สามารถจบมาทำงานอะไรได้บ้าง กันมาแล้ว
ผมคงไม่เขียนซ้ำ แต่จะเอาจากชีวิตจริงๆเลยดีกว่า
ว่าไอ้เพื่อนๆที่เรียนกันมาเนี่ย จบแล้ว มาทำงานทำการอะไร
หาเลี้ยงชีพกันจริงๆ บางคนก็เลยเถิดไปทำอะไรต่อมิอะไรบ้าบอไม่รู้
ความจำเป็นของชีวิตแต่ละคนแตกต่างกัน
จะได้เห็นภาพกันจริงๆว่า ชีวิตจริงๆมันเป็นยังไง
เท่าที่นั่งนึก เพื่อนๆในห้องผมจบมาทำงานทำการประมาณนี้กันครับ
- เป็นนักออกแบบกราฟิก อันนี้แหงๆ เป็นกันหลายคน
- เป็นอนิเมเตอร์ ทำการ์ตูนสามมิติ ตามบริษัทจำพวกนี้นี่ก็หลายคน
มีทั้งการ์ตูนที่ฉายทางทีวี และที่ฉายตามโรง(มันก็มีก้านกล้วยเรื่องเดียวนั่นแหละ)
- เป็นนักเขียนภาพประกอบ ตามนิตยสารหรือสำนักพิมพ์ต่างๆ
- เป็นสไตลิสต์
- เป็นดีไซเนอร์ แบรนด์เสื้อผ้า ที่นึกออกมีแจสปาลกับเกรย์ฮาวด์
- เป็นนักออกแบบดิสเพลย์ สยามพารากอนไรงั้น
- เป็นเจ้าของร้านกาแฟแถวสีลม
- เป็นนักทำโมชั่นกราฟิก เอฟเฟ็กต์ โพสต์โปรดักชั่น มิวสิควิดีโอ อันนี้ก็หลายคน
มีบางคนรวมกลุ่มกับรุ่นพี่เปิดบริษัท(ถ้าผมยังอยู่นั่นก็คงอยู่ในข้อนี้แหละ)
- เป็นนักทำโมชั่นกราฟิกรายการเพลงที่ฉายๆกันตามโทรทัศน์
- เป็นผู้กำกับมิวสิควิดีโอ อย่างของพาราดอกซ์เพลงอะไรสักอย่างจำชื่อไม่ได้
- เป็นนักออกแบบเวบไซต์
- เป็นนักเขียนวิจารณ์เพลง
- เป็นนักเขียนสารคดีเกี่ยวกับดนตรี อันนี้เชี่ยวชาญดนตรีป็อป
และเป็นนักสะสมเพลงป็อปไทยยุค80
- เป็นนักเขียนและ บก.นิตยสาร อะไรสักอย่างนึง จำชื่อไม่ได้
- เป็นครีเอถีฟ ในเอเจนซี่โฆษณา
- เป็นอาร์ตได
- เป็นนักรีทัช ในเอเจนซี่โฆษณา
- เป็นนักเรียน คือเรียนต่อน่ะ อิตาลี 2 คน ฝรั่งเศส 1 คน
อังกฤษ 3 คน คนนึงมาทุนกพ. ส่วนอีกคนมาล้างจานเอา
- เป็นพ่อค้า ขายข้าวขาหมูกิจการที่บ้าน ว่างๆก็ไปทำงานสามดี
(ร้านอยู่หลังสวนเชียวนะครับ ดังด้วย)
- เป็นหมอดูฮวงจุ้ย
- เป็นผู้หญิง คือเมื่อก่อนก็ดูเป็น แต่ยังไม่ครบทุกส่วน ตอนนี้ครบทุกส่วนแล้ว
ครบแล้วก็ไปเป็นนักแสดงโชว์ ออกแบบโชว์ด้วย
ถึงขั้นไปเดินสายไปหลายประเทศเลยเชียว
เกือบจบแล้วครับ เหลือประเด็นสุดท้ายอีกนิดเดียว
การเรียนกับข้อเท็จจริงในการทำงาน และเรียนมาโดยตรง
กับไม่ได้เรียนมา ต่างกันตรงไหนยังไง