อุ๊กับจินนี่ตอบเจ๋งมากเลย ตามนั้นล่ะครับ
ชัดเจน เห็นด้วย ถูกทุกข้อ
เหตุการณ์ตอนติวก็ตามที่จินนี่ว่าครับ ละเอียดด้วย
คำถามที่ว่า"ทันมั้ยพี่" คงไม่มีใครเขาตอบกัน
ถามวินมอไซค์อาจได้คำตอบ แต่ถามพี่ติว
ที่ไหนก็คงตอบด้วยรอยยิ้มเหมือนกันทั้งหมด
ที่ยิ้มนี่ เพราะไม่รู้ไง ไม่มีใครรู้จริงๆหรอก ว่าทันไม่ทัน
จริงๆรุ่นเราคนที่ติดคะแนนสูงสุดเป็นสาวพิดโลก
ก็ไม่เคยติวอะไรเลย เด็กมัธยมธรรมดานี่แหละ
ไม่เคยเข้ากรุงเทพ แถมตอนนั้นไม่มีข้อมูลทางเน็ตให้อ่าน
อ่านเอาจากหนังสือเพื่อนติวอย่างเดียว
(เป็นหนังสือเกี่ยวกับติวสอบศิลปะของสนพ.สิปประภา
แต่มันเจ๊งไปนานแล้ว) เป็นพวกเขียนการ์ตูน เอาแต่อ่านการ์ตูน
มันว่าเอาฝีมือมาจากการ์ตูน คงไม่ต้องบอกว่าฝีมือมันเทพขนาดไหน
ตอนนี้เรียนอิลลัสเตรชั่นอยู่ที่ปารีส (ปารีสจริงๆ ไม่ใช่โรงหนังปารีสตรงโบ๊เบ๊)
แต่นอกนั้นแทบทุกคนก็ติวมาทั้งนั้น มากน้อยตามแต่บุญกรรม
มีทั้งที่เริ่มจากไม่เก่ง มาติวจนเก่ง ทั้งที่เทพมาแล้วก็มาติว
ไม่ว่าใครจะมั่นใจในตัวเองแค่ไหน หรือเทพแค่ไหน
แต่ถามจริงๆว่า ถ้ามันมีอะไรที่ทำให้เรามั่นใจได้อีกหน่อย
อย่างการติว เรื่องอะไรเราจะไม่ติวใช่ไหม
เรื่องอะไรเราจะเสี่ยงอนาคตกับการคาดเดาของเราเอง
คนพวกเดียวที่ไม่ติวคือ คนที่ไม่รู้ว่ามันมี หรือไม่สามารถหาใครติวได้
เช่น อาจอยู่จังหวัดชายแดนลาว นั่นคือเขาไม่มีทางเลือก
ถ้ายังสงสัยว่าควรติวหรือเปล่า
ก็ลองดรออิ้งรูปสักรูป ใช้เวลานานเท่าไรก็ได้ตามใจชอบ
เสร็จแล้ววิจารณ์งานตัวเองซิว่า ที่เราวาดนั่น น้ำหนักครบ 7 ระยะหรือยัง
แล้ว 5 กฎเหล็กของดรออิ้ง โครงสร้าง-น้ำหนัก-ระยะ-แสงเงา-การจัดวาง
มันมีครบในงานเราหรือยัง ถ้าตอบคำถามพวกนี้ไม่ได้
ก็ควรสงสัยความมั่นใจของตัวเองไว้ก่อนแล้วครับ
ไม่รู้จะยกตัวอย่างใคร ยกตัวอย่างตัวเองแล้วกัน
เราก็เคยติวแค่ติว 7 วันของคณะนั่นล่ะ
เนื่องจากก่อนหน้านั้นอยู่ชายแดนตามที่ยกตัวอย่าง
อินเตอร์เน็ตมี ก็เหมือนไม่มี กูเกิ้ลยังไม่มีด้วยซ้ำ
เลยไม่รู้จักเลยว่าเขามีที่สำหรับติวอะไรกัน
มารู้ก็ตอนติวทางการของคณะ ก่อนหน้านั้นก็อาศัย
หนังสือเพื่อนติว ก็วาดไปตามเรื่อง
จริงๆการติวแค่ 7 วันมันไม่ได้ช่วยให้ใครเก่งขึ้นมาทันตาเห็นอยู่แล้ว
แต่ถ้าผมไม่มาติวนั่น ก็คงไม่รู้ว่าทำยังไงจะเอาฝีมือที่เรามี
มาแปลงเป็นความสามารถในการทำโจทย์ข้อสอบ
ประมาณว่า พี่ติวเขาช่วยเราเอาฝีมือที่เราพกมา
มาแปรรูปให้พร้อมใช้งานสำหรับสอบเข้า
จริงๆก็ไม่ค่อยเล่าให้น้องติวฟังเท่าไร เพราะเดี๋ยวจะมีกำลังใจเกินเหตุ
แบบว่า เนี่ย ติวแค่ 7 วันยังติดเลย แต่ก่อนหน้านั้นดันไม่พูดถึง
ก่อนหน้านั้นตั้งแต่ ม.1 - ม.4 ในหนึ่งปี 365 วัน
คิดว่ามีวันที่ไม่วาดการ์ตูนอยู่สัก 20 วัน คือตอนนั้นวาด
การ์ตูนส่งไทคอมิก(น่าจะยังมีอยู่นะ) ก็ต้องวาดทุกวัน
อันไหนที่เห็นว่าตัวเองยังวาดไม่สวยก็หัดวาดซ้ำๆ อย่าง วาดมือไม่สวย
ก็หัดวาดมือ วาดวันละสิบมือทุกวันๆ อะไรทำนองนั้น
ดังนั้นที่เห็นวาดไอ้เส้นๆอะไรพวกนั้นได้ในปัจจุบันนี้
ก็ไม่ใช่ว่ามันไหลมาเอง ถ้าเห็นแต่ผลลัพธ์ว่าคนนั้นคนนี้เส้นสวย
เขียนเท่ (ชมตัวเองซะงั้น สมมติเอาว่าเท่ก็แล้วกันนะครับ ผมจะได้จบประโยคได้)
ลองไปดูตอนที่มันนั่งหัวเกรียน(หน้าสิวๆด้วย) วาดรูปทุกวันๆดูสิ
มันไม่เท่เอาซะเลย
อาจจะงง ทำไมต้องวาดการ์ตูนถึงแค่ ม.4 ก็เพราะว่าไอเดียในตอนนั้นคือ
เริ่ม ม.5 ต้องเตรียมเอ็นแล้ว ก็ไม่อยากเลิกเขียนการ์ตูนเรื่องหรอก
แต่คิดว่า แลกกับการห่างจากมันตอนนี้ ปีนึงหรือสองปี
เพื่อที่หลังจากนั้นจะได้อยู่กับมันอีกทั้งชีวิต
มานึกดูตอนนี้ มันก็เป็นการแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่าจริงๆ
ก็ลองเอาสมการการแลกเปลี่ยนนี้
ไปบวกลบคูณหารกับชีวิตตัวเองดูแล้วกันครับ
แต่ที่แน่ๆ ถ้าเป็นของศิลปากร ความสามารถทางคอม
หรือพอร์ตที่ผ่านมา ไม่ได้ช่วยอะไรเลยตอนสอบ
ถามบักเก้อครับว่า
วงการนี้ มีที่สำหรับคนธรรมดาฝีมือธรรมดาๆหรือเปล่า
ฟังดูเหมือนผมรุ่นใหญ่ รู้เรื่องในวงการยังไงไม่รู้
ผมไม่รู้นะครับ ผมยังเด็กๆอยู่เลย
ก็คงว่าตามที่รุ่นดึกอย่างพี่จอย พี่โก้ตอบไว้แล้วน่ะครับ
อืม ผมเคยคิดเหมือนกันนะครับ เวลาเปิดสมุดโทรศัพท์
เออนะ มันต้องมีคนเป็น Layout Artist สำหรับจัดกราฟิกสมุดโทรศัพท์เหมือนกัน
อยากรู้จักอยากสัมภาษณ์ชีวิตการทำงานเค้าดู คงน่าสนใจมาก
ไม่รู้ซิครับ รู้สึกเคารพคนทำหน้าที่พวกนี้มากเลย
แบบนี้พอจะตอบคำถามของพี่ณตได้ไหมครับเนี่ย
ปล.เอ้อ เฮ้ย ไอ้สามนี่สรุปจะมาทางนี้จริงๆแล้วเรอะ