พิมพ์ไปพิมพ์มา ไหงมันยาวนักก็ไม่รู้
เอามาลง 2 อันก่อนแล้วกันครับ
อันถัดๆไป จะพยายามทยอยพิมพ์ครับ
แต่ละอันค่อนข้างละเอียดเหมือนกัน
ผมก็วิจารณ์ไปตามเรื่องนะครับ
ผิดพลาดล่วงเกินอย่างไร
เชิญไปลงที่ บก. ได้เต็มที่เลยนะครับ
บันทึกจากรากหญ้าชอบไอเดียของจักรีงวดนี้มากเลยครับ
แบรนด์ของจักรียิ่งชัดเจนและคมมากขึ้นเรื่อยๆ
ตีมปิดเทอม กับการนำแสนอด้วยมุมมองนี้
แสดงถึงน้ำเสียงของกอลลั่มจักรีได้ชัดเจนมาก
รวมไปถึงน้ำเสียงของคนเขียน เลือกมุมที่จะนำเสนอ
และหาวัตถุดิบตัวเรื่องได้มีสเน่ห์ที่สุด
กราฟิกสดและมีพลังมากครับ พลิกหน้ามาปะทะสายตาผู้อ่าน
อย่างฉับพลัน ดึงดูดให้เราอยากรู้เรื่อง ทำหน้าที่ได้ดีเท่าที่กราฟิก
ประกอบบทความจะทำได้เลยล่ะ แบบที่นึกไม่ออก
เลยว่าจะเล่นทางอื่นให้ดีกว่านี้ได้ยังไง หน้าคู่สุดท้าย
ผมยกให้เป็นหนึ่งในการจัดหน้า+เทคนิคที่ดีที่สุดของเล่มนี้
เจ๋งไปเลยครับ เบลล์
ยิ่งไอ้คลิกชมภาพชุดของน้องพระเอกลิเกคนจน
ทำเอาอึ้งไป คงเพราะไม่มีความรู้เรื่องนี้ด้วย
จินตนาการไม่ออกเลยว่าจะทำยังไง
ลูกเล่นจอกระตุก สีของจอภาพ และตารางภาพด้านล่าง
กลมกลืนไปกับองค์ประกอบอื่นๆ ไม่โดดอย่างทีผมคิดว่ามันจะเป็นแฮะ
เออ ตกลง อันนี้ใครทำเนี่ย
ทั้งนี้ ต้องยกความดีให้ตัวเนื้อหาน้องพระเอกลิเกด้วย
ผมว่าีไม่มากนักนะครับ ที่พระเอกลิเกตัวน้อย
แต่งหน้าจัด ที่เราอาจคุ้นเคยเมื่อพวกเขา
ปรากฎอยู่บนหน้าปกวีซีดีเห่ยๆ จะมาอยู่ในรูปลักษณ์
กราฟิกที่เทขาดใจ่แบบนี้ เท่าที่นึกออก ผมไม่เคยเห็นเลย
จึงเป็นที่มาของคำชมที่ว่า"สด"มากนี่แหละ
วัตถุดิบด้านเนื้อหาที่ดีมาก และกราฟิกที่สดมาก
จึงทำให้เราคาดหวังกับเนื้อหาเป็นอย่างยิ่ง
ยอมรับว่าผิดหวังไปพอประมาณ จักรีเกร็งหรือเปล่า?
ผมว่าอ่านแล้วเกร็งมากๆ สเน่ห์ในตัวหนังสือ-คารมคมคาย
-คลังคำ และอารมณ์ขันที่ถูกที่ถูกเวลามีอยู่ในตัวจักรีล้นเลยนะ
ไหงคราวนี้ดูผิดฟอร์ม ดูทางการ และห่างเหินกับผู้อ่านยังไงอยู่
วิธีเล่าดึงอารมณ์ยังไม่ได้ ผมว่าปัญหาอยู่ที่การเน้นเรื่องของ
การอนุรักษ์วัฒนธรรมมาก คำนี้ผมว่ามันฟังดูราชการ
และเหินห่างจากความรู้สึกคนทั่วไปมากเลยนะ
คำๆนี้ ผมว่าเล่าผ่านชีวิตของน้องพระเอกเน้นๆเลย
อาจดูเป็นวิธีที่กระทบใจคนกว่า ก็มองเห็นไอเดียนี้
ของจักรีในบทความนะครับ แต่ดูเหมือนยังไม่สุด
ยังมีความพยายามในการอธิบายตรงๆผ่านคำว่า
อนุรักษ์ศิลปะไทยอยู่ ผมว่าชีวิตของน้องพระเอก
สามารถบอกเล่าคำว่า"อนุรักษ์ศิลปะไทย"ได้ชัดเจนพออยู่แล้ว
โดยไม่จำเป็นต้องเอ่ยอีก ถ้าเน้นๆที่ชีวิตไปเลย
น่าจะกระทบใจมากกว่า
โดยรวมเรื่องทั้งหมดที่ผู้อ่านอยากรู้ ก็ได้รู้
ได้เข้าใจจุดประสงค์ ข้อความของจักรีครบถ้วน
ยิงเข้าโกลล์ทำคะแนนนำเลยล่ะ แต่เนื่องจาก
ความคาดหวังในฝีเท้าของจักรีมันบอกผมว่า
จักรีต้องลีลาลากหลบพลิ้วไหวกว่านี้ ยิงสนั่นกว่านี้ไง
เลยดูเหมือนจักรีเพลย์เซฟไปหน่อย
ทำแต้มนิ่งๆ สับขาหลอกเอาใจคนดูกว่านี้หน่อยซี้
เรื่องเล่าจากสาวเสิร์ฟเปิดมาหน้าคู่แรกกราฟิกสวยงามโดดเด้ง คู่สีลงตัว
จัดองค์ประกอบดึงดูดสายตา โยงไปถึงเรื่องได้ดีมาก
เห็นมาทางสไตล์นึกว่ากำลังอ่านแพรว หรือนิตยสารผู้หญิงอยู่ยังไงยังงั้น
แต่ก็ไปได้ดีกับเนื้อหานะครับ โทนสีสะอาด
กราฟิกหน้าใน ก็ดูอ่านสบาย อำนวยความสะดวก
แก่สายตาผู้อ่านได้เป็นอย่างดี แต่มันขาดรายละเอียดไป
เหมือนกันนะผมว่า เหมือนคิดองค์ประกอบและสีมาชุดนึง
เมื่อเห็นว่ามันลงตัวแล้วก็นำมาใช้ซ้ำ ส่งผลให้ดูออกจะโล่ง
และขาดจุดดึงดูดสายตาอื่นๆอีก
(สีดำและเส้นพาถตัวสาวเสิร์ฟผมว่าแข็งไปหน่อย)
การจัดแบ่งย่อหน้า-หัวข้อของบทความผมว่ายังไม่ดึงดูด
ให้เราเดินทางไปกับเรื่องนัก ถ้ามีภาพประกอบฮาๆน่ารักๆ
น่าจะช่วยได้มากกว่านี้ อีกอย่าง ผมว่าลายกราฟิกดอกไม้เหล่านั้น
ถ้าเป็นหม้อไห ช้อนส้อม คงจะเชื่อมโยงกับเนื้อหามากกว่า
ผมว่าพี่นุชเข้าใจวิธีการแล้วล่ะ ว่าจะต้องทำอย่างไร
คิดโทน ใช้สี ร้องออกมาได้ตรงโน้ต ตรงทำนองแล้ว
ขาดลูกคอ การหลบเสียง รายละเอียดที่จะโปรยสเน่ห์
ให้กับงานและพัฒนาไปสู่อีกขั้นของเส้นทางการเป็นนักร้อง
ส่วนของเนื้อหาเนื้อหา เนื่องจาก เป็นเรื่องที่ผมเข้าใจเป็นอย่างดี
(และคงเอียนไม่น้อยกว่าพี่ปาล์ม
)
จึงไม่แน่ใจนักในเรื่องความน่าสนใจ
ผู้อ่านท่านอื่นๆ จะอินกับมันมากน้อยแค่ไหน
เรื่องเล่าทำนองนี้ที่พี่ปาล์มเขียนเป็นไปในโทนอารมณ์ขันเบาๆ
หยิกแกมหยอกหรือฮาร์ดคอร์บ้างเพื่อกระตุกอารมณ์
เป็นระยะๆ ก็มาถูกทางแล้วแหละ อ่านสบาย
(บวกกับกราฟิกนิตยสารผู้หญิงก็ยิ่งส่งเสริมกัน)
แต่มันดูเหมือนยังไม่อิ่มตรงที่ มันไม่เห็นภาพน่ะครับ
ไม่ได้หมายถึงภาพถ่ายนะครับ ผมว่ากรณีนี้
ภาพประกอบน่ารักๆ เหมาะสุด เพราะเรื่องเล่า
มันดูไม่มีตัวตนสำหรับผู้อ่านทั่วไป เขานึกภาพไม่ออก
ถ้ามีภาพมาช่วย น่าจะกลมกล่อมมากขึ้น
อีกด้านหนี่ง โทนการเขียนที่อ่านสบาย
ก็ยังต้องการพริกสักเม็ดอยู่ดี เพื่อกระตุกความสนใจผู้อ่าน
เช่นชื่อหัวข้อฮาๆ เสียดสี การบ่นลูกค้า
ประสบการณ์แปลกๆก็น่าสนใจ ตรงที่มันมีอารมณ์กระชากๆดี
แต่มันยังไม่เกินกว่าที่คนอ่านจะคาดเดาได้
(พูดง่ายๆ ยังไม่แปลกนัก) คิดว่าสิ่งที่จะช่วย
ทดแทนให้มันอ่านสนุกได้คือ คุณสมบัติที่เรียกว่า
"ปากจัด" อาจต้องไปปรึกษาเกจิด้านนี้ดู
ทราบว่าพวกเรามีเกจิด้านนี้หลายคนเชียว
ส่วนตอนจบ รู้สึกเหมือนกระโดดลงจากเวทีเลยครับ
สะดุ้งนิดนึง แต่รวมๆแล้วก็อ่านเพลิน (เป็นเรื่องที่ผมอินด้วย)
คิดว่าด้วยประสบการณ์ที่พี่ปาล์มพบมา
ก็เป็นอะไรที่คนส่วนมากไม่เคยพบเจอ
ถือเป็นวัตถุดิบที่ดีเยี่ยมอยู่แล้ว การจะพาผู้อ่าน
เดินไปในโลกที่เขาไม่คุ้นเคยมาก่อน
ก็อาจจะต้องการวิธีการที่ไม่ธรรมดาเช่นกัน
เดี๋ยวมาต่อครับ