หน้า: 1 2 [3] 4 5 6
 
ผู้เขียน หัวข้อ: เหตุผลที่จะโกรธจนถึงเลิกคบใครสักค  (อ่าน 27800 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 ขาจร กำลังดูหัวข้อนี้

rest in peace จังเลยครับ  กรี๊ดดดดด


ฮ่าๆๆ ก็พยายามให้มันเป็นจริงดั่งว่าอยู่น่ะค่ะ  (โดยที่ไม่ต้องหลับตลอดกาลด้วย)  กร๊าก
บันทึกการเข้า
ถ้าเป็นแฟนเก่า แนะนำว่าให้แข็งใจไม่ต้องไปสน ...สถานการณ์นี้เราจะกลายเป็น "ของตาย" แบบไม่อยากเป็นสักเท่าไหร่
เคยอยู่ในสถานการณ์แบบนี้เหมือนกัน ถ้าเป็นคนรู้จักหรือเพื่อนจะตัดสินใจตัดขาดได้ง่ายกว่า
แต่ถ้าคนเคยเป็นแฟนนี่โคตรลำบากใจเลย มันคล้ายกับว่าเราต้องการซื้อใจเขา (ทั้งๆที่รู้ว่ามันจะขาดทุนแน่นอน)
เข้าใจว่าของแบบนี้อารมณ์มันเหนือกว่าเหตุผล ....แต่ถ้าตัดขาดได้จะโล่งสบายอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน


แฟนเก่านี่แค่หนึ่งในนั้นค่ะ มีเพื่อนด้วย เพื่อนที่ไม่เคยโทร.หาเราเลย เป็นปีๆ จนวันหนึ่งไปโกหกที่บ้านว่ามากลับจากที่ทำงาน แต่ความจริงไปบ้านแฟน
เกิดเหตุฉุกเฉินเลยเข้าบ้านไม่ได้สี่ห้าชั่วโมง โทร.มาฟอร์มชวนกินเหล้า แล้วคายออกมาในที่สุดว่ากินฆ่าเวลา บางรายก็หาแต่เรื่องปวดหัวมาให้ตลอด
เรียกว่าเวลามีความสุขหายจ้อย พอทุกข์ก็จะกลับมา .. บางคนก็เป็นเรื่องนินทาลับหลัง เรื่องเงินทองก็มีให้รู้สึกแย่บ้าง
แต่แทนที่จะโกรธกับพฤติกรรมของเขา กลับไปรู้สึกว่าน้อยใจที่เพื่อนรักเราน้อยเกินไป แล้วก็จะยังอยากให้อภัยเขาเสมอ ..
อย่างกรณีแบบนี้ ไม่มีเรื่องการเมือง ไม่ได้จะฆ่าจะแกงกัน แต่หงุดหงิดเรื่อยๆ แบบนี้ ไม่ถึงกับเลิกคบก็คงพอไหวมั้งคะ  ยิ้มน่ารัก

คนที่แอ้ไม่คบ (ไม่ใช่เลิกเพราะไม่คบแต่แรก) คือพวกทำผิดศีลและบรรทัดฐานบ้านเมืองมากๆ น่ะค่ะ พวกล้อเล่นกับเรื่องปีนต้นงิ้ว พวกที่ใช้ความสวย-หล่อ
หลอกตังค์ชาวบ้าน พวกที่ชอบทำร้ายคนอื่น พวกโกงกินทุกรูปแบบ พวกนี้ไม่คบอยู่แล้วค่ะ ไม่อยากคุยด้วยซ้ำ  

(ใช้อารมณ์มากขึ้นยังคะแอน พอดีแอ้แบบ .. ซอมบี้หน่อยๆ ไม่ค่อยกรี๊ดกร๊าดค่ะ แก่แล้ว)  ฮิ้ววว
บันทึกการเข้า

แอบอ้าง
แต่แทนที่จะโกรธกับพฤติกรรมของเขา กลับไปรู้สึกว่าน้อยใจที่เพื่อนรักเราน้อยเกินไป แล้วก็จะยังอยากให้อภัยเขาเสมอ

รู้สึกแบบนี้แหล่ะ ถึงมาตั้งกระจู๋ ....แต่พอมาช่วงหลังๆ ความคิดตัวเองเปลี่ยนไปอาจจะเรียกได้ว่าเห็นแก่ตัวขึ้น
มีความคิดประมาณ "ทำไมเพื่อนพวกนี้มันไม่เข้าใจเราบ้าง" จากที่เมื่อก่อนไม่เคยคิดเรื่องพวกนี้เลย ชอบช่วยเพื่อนตลอด
ซึ่งอาจจะทำให้เพื่อนบางคนคิดว่า "เราเปลี่ยนไป" หรือ "เราไม่เข้าใจมัน" รู้สึกว่าตัวเองผิดอยู่ลึกๆเหมือนกัน
แต่ถ้าไม่ตัดขาดไปซะก็จะลำบากใจเราเองไปเรื่อยๆ และก็จะทำแบบไม่เกรงใจกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า

....พวกเพื่อนที่ชอบมายืมเงิน มักจะเล่นมุกมาชวนกินเหล้ากันแทบทั้งนั้นเลยแฮะ จากนั้นก็เข้าเรื่อง  ฮิ้ววว
ส่วนเพื่อนที่ชอบทักษินนี่ ช่วงนี้ห่างๆกับมันสักระยะ เดี๋ยวกินเหล้ากันได้ต่อยกันตาย  กร๊าก


แอบอ้าง
นอกเรื่องนิดนึงครับ
เจ้าของกระจู๋ ไปขายเสื้องาน FAT T-shirt มาใช่มั้ยครับ
เห็นร้าน แต่ไม่รู้จักตัวจริง  ฮิ้ววว
ปีนี้ไปช่วยเพื่อนขายครับ ดันติดงาน+ทำลายเสื้อตัวเองไม่ทัน
บันทึกการเข้า
มีเพื่อนคนนึง ถ้ามองจากมุมของรุ่นพี่ หรือรุ่นน้อง จะไม่รู้เลยว่าเค้านิสัยไม่ค่อยดี เพราะเหมือนกะจะสนิทกัน

แต่จริงๆ แล้วเค้านิสัยเสียเรื่องเงินมาก เพื่อนๆ ในรุ่นจะรู้ดี เค้าจะใช้เิงินแบบนิสัยมือเติบ ทำงานได้เงินมาเท่าไหร่ ก็หมดเร็ว

(เพื่อนบางคนก็ว่า เคยโดนขโมยตังค์ด้วย เผลอๆ เค้าติดการพนันอีก) ยืมเงินคนนู้นคนนี้ไปทั่ว คืนบ้าง ไม่คืนบ้าง

เมื่อถามจะบอกว่าเรื่องเร่งด่วน แต่ไม่ยอมบอกรายละเอียด ส่วนตัวเป็นคนใจอ่อน เลยให้ยืมทุกทีสิน่า เอือม

ปัจจุบันไม่ึถึงกับจะเลิกคบ แต่มันไม่สนิทใจเหมือนแต่ก่อนครับ ทั้งๆ ที่ถ้าเค้าไม่นิสัยเสียเรื่องนี้ อย่างอื่นก็นับว่าโอเคเลย เอือม
บันทึกการเข้า
เงื่อนไขเดียวที่จะตัดขาดถาวรคือ มันหักหลังครับ

เพื่อนกันผมขออย่างเดียว อย่าหักหลังกัน แค่นั้นพอ จริงๆ
บันทึกการเข้า

เงื่อนไขเดียวที่จะตัดขาดถาวรคือ มันหักหลังครับ

เพื่อนกันผมขออย่างเดียว อย่าหักหลังกัน แค่นั้นพอ จริงๆ


เห็นด้วยอย่างแรงส์  อืมมมมห์ กะจะบอกว่าแบบนี้แหละ แต่นึกไม่ออก
บันทึกการเข้า
ขอนิยามคำว่าหักหลังหน่อยได้มั้ยคะ
สงสัยจริงๆ นะ

หักหลังนี่มีไรบ้าง มันไปมีแฟน มันแย่งแฟนเรา มันโกหกเรา มันหลอกเรา มันนินทาเรา
นี่คือการหักหลังกันป่าวอ้ะ
บันทึกการเข้า

ที่สุดถ้ามันจะไม่คุ้ม
แต่มันก็ดีที่อย่างน้อยได้จดจำ
ว่าครั้งนึงเคยก้าวไป...
ขอนิยามคำว่าหักหลังหน่อยได้มั้ยคะ
สงสัยจริงๆ นะ

หักหลังนี่มีไรบ้าง มันไปมีแฟน มันแย่งแฟนเรา มันโกหกเรา มันหลอกเรา มันนินทาเรา
นี่คือการหักหลังกันป่าวอ้ะ

คือ ทำทุกอย่างที่ให้เราเสื่อมเสีย พังพินาศอ่ะจ้ะ


อย่างแย่งแฟนเรานี่ก็ใช่ 
เอาเรื่องของเราไปบิดเบือนให้คนอื่นเข้าใจเราผิดๆ จนคนอื่นไม่ชอบเราทั้งๆที่เราไม่รู้เห็นอะไรด้วย  แล้วก็งงตามสถานการณ์  (เคยจับได้เพราะคนที่มันเอาไปเล่าเขาสนิทกับเรามากกว่า  ก็ถือว่าซวยไป  อืมมมมห์)

แต่พอรู้เรื่องก็สงสารเขา เลือกที่จะไม่ด่าว่า  แต่เฉยๆๆไปเลย   อืมมมมห์  กลายเป็นสมเพชมากกว่า
บันทึกการเข้า
โอ้ว
โอเคฮ่ะ ไหว้
บันทึกการเข้า

ที่สุดถ้ามันจะไม่คุ้ม
แต่มันก็ดีที่อย่างน้อยได้จดจำ
ว่าครั้งนึงเคยก้าวไป...
ยังไม่เคยเลิกคบเพื่อนคนไหนเหมือนกัน  เศร้า

แต่ถ้าจะเลิกคบ คงเพราะว่ามันต้องเหี้ยในเรามากๆ ไม่ก็บ่อยๆ  โวย
บันทึกการเข้า

ถ้าวันนึงเพื่อนเกิดหักหลังหรือทำเหี้ยมากๆกับเรา ก็จะกลายเป็นแค่คนรู้จักไง

ช่วงที่เรียนเคยเจอเพื่อนหักหลังแค่หนเดียว ครั้งเดียว ...คือนิสัยไอ้คนนี้มันจะแปลกๆหน่อย เหมือนจะเก็บกด ทางบ้านฐานะไม่ค่อยดีเท่าไหร่
ไอ้นี่มันจะต่อต้านการรับน้อง-การทำกิจกรรม แอนตี้รุ่นพี่ ในกลุ่มมันก็จะมีเพื่อนอีก 3-4 คน ...ส่วนเพื่อนๆคนอื่นในแผนกที่ทำกิจกรรมก็จะมองว่าไอ้นี่แม่งแปลกๆ ไม่เอารุ่นพี่รุ่นน้อง บรรยากาศมันในแผนกก็จะแปลกๆ แล้วไอ้นี่มันเรียนอยู่ห้องเดียวกัน ปล่อยให้มีบรรยากาศแบบนี้ต่อไปแม่งแย่แน่ๆ ไอ้เราก็เลยเหมือนตัวกลางไปไกล่เกลี่ย

...แต่ด้วยความหวังดีเลยทำให้เราซวย เพื่อนกับรุ่นพี่ดันมองว่ามึงไปยุ่งกับมันทำไม ไอ้นี่มันไม่เอาใครทำไมไปยุ่ง ... กลายเป็นเพื่อนคนอื่นๆเกลียดเราซะอีก ซึ่งแน่นอนตรูไม่สน ส่วนตัวแล้วคิดว่าเหตุผลประมาณ "กูจะไม่คบมึงต่อ ถ้ามึงไปสนิทกับคนที่กูเกลียด" เหตุผลนี้มันงี่เง่า ....ตอนนั้นก็เลยตามเลย ประมาณว่า ถ้าไอ้เพื่อนคนอื่นมันจะแอนตี้เราไปด้วยเพราะเรื่องนี้ ก็เรื่องของมึง ....ไปๆมาๆก็เลยคบกับเพื่อนกลุ่มนี้ได้ประมาณปีนึงแบบสนิทสนม มันก็เกิดเรื่องเกิดราว ทำให้รู้ว่าทำไมเพื่อนแม่งเห็นแก่ตัวแบบนี้ เกือบจะต่อยกับมันกลางโรงอาหาร และที่แสบสุดก็คือไอ้เพื่อนคนนี้ดันไปใส่ไฟให้เพื่อนในกลุ่มไม่ยุ่งกับเราอีก (เอากับมัน)

กลายเป็นว่าช่วงนั้นใช้ชีวิตอยู่คนเดียวประมาณ 1-2 เดือน ประมาณว่าเพื่อนกลุ่มที่เคยสนิทมันก็ไม่คบเรา เพื่อนกลุ่มอื่น+รุ่นพี่แม่งก็มองเราแปลกๆ ....แต่ท้ายสุดมันก็มีเพื่อน+รุ่นพี่บางคนเข้าใจเรา จนทุกวันนี้ก็คบกันอยู่ ....เรื่องนี้เป็นบทเรียนราคาแพงตอนเรียนอยู่ปี 1 เลย ทำให้เสียเพื่อน เสียรุ่นพี่ไปเยอะ กับความไว้ใจเพื่อนนิสัยแย่ๆแค่คนเดียว ..... แล้วที่สำคัญคือไอ้สถาบันที่เรียนในตอนนั้นก็คือเพาะช่าง มันเรียนแค่ 2 ปีคือ ปวส. นั่นแหล่ะ จากนั้นจะต้องไปสอบเรียนต่อ 2 ปีหลังต่อเนื่องที่อื่น อย่าง คลอง6, ลาดกระบัง, สวนดุสิต .....การเสียเวลาไป 1 ปีกับเพื่อนแย่ๆมันเลยเป็นช่วงเวลาที่มากพอดู

.... แต่ท้ายสุดไอ้เราก็เอาคืนได้ (แบบไม่ตั้งใจ) ตอนที่มาเรียนต่อรอบค่ำที่สวนดุสิต ไอ้เพื่อนคนนั้นมันสอบไม่ติด แต่เพื่อนคนอื่นๆที่เหลือ 3-4 คน สอบติดเข้ามาเรียนได้ ....มันก็พยายามมาคืนดีกับเรา เพราะเรียนรอบค่ำนี่โดยมากต่างคนต่างเรียน บางคนทำงานไปด้วยเลยไม่มีเวลาสุงสิงกับเพื่อนที่เรียน ....แต่ด้วยนิสัยของตัวเองเป็นคนที่เกลียดแล้วเกลียดเลย ก็ไม่คุย ไม่ยุ่งกับเพื่อนกลุ่มนี้ เพราะถือว่าซื้อใจกันไปแล้วตอนนั้น ...มันก็เรียนกันไปแบบอยู่กัน 3-4 คนจนจบนั่นแหล่ะ ด้วยนิสัยที่ไม่ค่อยเอาใครของพวกมัน จะว่าน่าสงสารก็น่าสงสาร แต่ถ้าให้ไปคบอีก พูดได้ว่าเข็ดแล้วและไม่เอาอีก

อันนี้ลองเล่าประสบการณ์เลวร้ายดู จริงๆมีเรื่องเสียเพื่อนเพราะแย่งแฟนอีกเยอะ เดี๋ยวค่อยมาเล่า  ยิ้มน่ารัก
บันทึกการเข้า
เหตุผลคงคล้าย ๆ ไอซ์
แต่คงไม่ถึงกับเลิกคบตัดญาติขาดมิตรหรอก

ก็แค่

ไม่ยุ่งด้วยในทุกกรณี   ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม




บันทึกการเข้า

เลวยั้นเงา
 ไหว้ เข้ามาอ่านประสบการณ์ของผู้อาวุโสครับ
บันทึกการเข้า

ขอนิยามคำว่าหักหลังหน่อยได้มั้ยคะ
สงสัยจริงๆ นะ

หักหลังนี่มีไรบ้าง มันไปมีแฟน มันแย่งแฟนเรา มันโกหกเรา มันหลอกเรา มันนินทาเรา
นี่คือการหักหลังกันป่าวอ้ะ
เออ จริงๆ มันกว้างนะเนี่ย ง่ะ.. ไอ้แค่คำว่าหักหลังนี่
เพิ่งนึกได้... อธิบายไม่ถูกแฮะว่าต้องมาหักหลังยังไงเราถึงจะเลิกคบ

ปกติก่อนจะคบใครเป็นเพื่อนได้นี่ผมเรื่องมากมากๆ เลยครับ
ก็เลยไม่เคยมีปัญหาโดนหักหลังเลยซักครั้ง
ด้วยความที่รสนิยมไม่เหมือนกันด้วยแหละ เลยไม่เคยมีปัญหาเรื่องเพื่อนแย่งแฟนอะไรอย่างนี้ กร๊ากกกก
บันทึกการเข้า

หักหลัง


1. แย่งแฟน   
2. เอาความลับไปเป๋ยเผิด (ที่เป็นความลับมาก ๆ และทำให้เราเสียชื่อเสียง)
บันทึกการเข้า

เลวยั้นเงา
หน้า: 1 2 [3] 4 5 6
 
 
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2007, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!