นต่อมาผมก็คุยทางอีเมล์กับเธออีกครั้ง ... การคุยทางอีเมล์นี่มันลำบากอยู่เหมือนกันเพราะว่าพอเราพิมพ์ไปแล้ว ก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะตอบกลับมาเมื่อไหร่ ดังนั้นก็เลยกลายเป็นว่ากว่าจะคุยกันสักประโยคสองประโยคก็ต้องใช้เวลาเกือบชั่วโมง
" เวลาคุยกันทางเมล์มันลำบากเหมือนกันนะ " ผมเอ่ยในวันรุ่งขึ้น
" อืม ก็จริงเหมือนกัน " เธอเห็นด้วย
" งั้นเราลองคุยกันในห้องแชทดีไหม " ผมเสนออย่างไม่คิดอะไร
เธอทำท่าครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะส่ายหน้า " ไม่ดีกว่าค่ะ แอนพิมพ์ช้า กว่าจะคุยกันก็นานเหมือนกัน "
" จริงๆก็ไม่ยากนะครับ ลองหัดพิมพ์สักหน่อยเดี๋ยวก็เร็วขึ้นเองแหละ " ผมชวนต่ออย่างไม่ลดละ
" ไม่ดีกว่าค่ะ "
... เธอปฏิเสธอย่างนุ่มนวล ... แล้วผมจะทำอย่างไรดี ...
คิดออกแล้ว!
"งั้นคุณมีเบอร์โทรศัพท์มือถือไหมครับ ผมจะได้โทรเข้าไปได้ ไม่ต้องเสียเวลาพิมพ์ด้วย"
"ค่ะ" เธอรับก่อนจะเขียนเบอร์ส่งให้ผม ... ผมรับมาก่อนจะเดินกลับมานั่งอ่านหนังสือต่อกับวศิน ใจจริงก็อยากนั่งคุยกับเธอต่อ แต่รู้สึกว่ามันคงไม่เหมาะหากจะนั่งคุยกับเธอต่อเพราะมันจะทำให้ดูเหมือนกับว่าเราที่เป็นนักศึกษาที่ถูกส่งมาฝึกงานกลับเอาเวลามานั่งจีบกัน ... ดังนั้นผมก็เลยกลับมานั่งห่างๆ ... ปล่อยให้กลุ่มของเธอนั่งกับนักเรียนนายสิบพยาบาลต่างสถาบันที่กำลังนั่งจีบเพื่อนๆพวกเธอกันอยู่
"เฮ้ยเสี่ย ตกลงได้เบอร์แล้วใช่ไหม" วศินถาม ... คงเพราะเห็นผมจดเบอร์เก็บเข้ากระเป๋าไป ... ผมพยักหน้ารับ
"ถามหน่อยสิเสี่ย ... คิดยังไงจะไปสอนพิมพ์สัมผัสเพื่อมาคุยในห้องแชท ... ทำไมไม่ขอเบอร์วะ"
คำถามนี้ผมตอบไม่ได้แฮะ เออว่ะ ทำไมเราไม่ขอเบอร์แต่แรกฟระ