คือเวลามีน้องๆ มาถามว่าเรียนคอมพิวเตอร์ดีไหม
พี่ก็จะแนะนำประมาณนี้
สายงานนี้ต้องอัพเดทตัวเองตลอดเวลา
หยุดค้นคว้าหาความรู้เมื่อไหร่ก็ถอยหลัง
ความรู้ที่เรียนมาและประสบการณ์ต่างๆ
ต้องคอยรีเซ็ทหรือลบทิ้ง ทุกๆ สามหรือสี่ปี
เนื่องจากมันเอามาใช้ไม่ได้อีกต่อไป
ส่วนนึงเพราะสายงานคอมพิวเตอร์
เป็นวิชาความรู้แขนงที่เราเรียกว่า ความรู้เทียม
คือเป็นจริงในชั่วเวลานึงสั้นๆ เท่านั้น
และที่สำคัญคือ วิชาความรู้ทางด้านคอมพิวเตอร์
สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง
นั่นคือใครๆ ก็สามารถเป็นนักคอมพิวเตอร์ได้ถ้าอ่านหนังสือออก
และรักการเรียนรู้
ยิ่งเป็นเรื่องโปรแกรมมิ่งด้วยแล้วยิ่งเห็นชัด
อย่างตัวพี่เองเคยมีหัวหน้าเป็นโปรแกรมเมอร์ ที่จบนิเทศ จุฬา เป็นต้น
และเราสังเกตได้ว่า คนที่สร้างนวัตกรรมด้านซอฟท์แวร์ที่มีชื่อเสียงส่วนใหญ่
มักจะเป็นคนที่จบมาจากสายงานอื่นทั้งนั้น
แต่กลับกัน เราไม่สามารถเป็นหมอ ได้ด้วยการเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง
หรือเราไม่สามารถเป็นวิศวกรสาขาอื่นอย่างโยธา หรือเป็นสถาปนิก
ได้ด้วยการเรียนรู้ด้วยตัวเองนะจริงไหม
ข้อดีของสาขาวิชาชีพอื่นคือ
คำว่าประสบการณ์สิบปี มันคือสิบปีจริงๆ
อย่างนักออกแบบ หมอ หรือนักบัญชี
ในขณะที่สาขาคอมพิวเตอร์ ประสบการณ์สิบปี
ก็มีแค่สามปีที่เอามาใช้ได้ในปัจจุบัน
นี่เป็นเหตุผลว่า คนจบสายงานคอมพิวเตอร์หลายๆ คน
พออายุมากขึ้น มีครอบครัว มีลูก มีเวลาทุ่มเทให้งานได้น้อยลง
มักจะต้องเฟดตัวเองออกไปทำอย่างอื่น
หรือไม่ก็ต้องไปเป็นเซลล์(เห็นเยอะที่สุด เพราะงานเบากว่า แถมรายได้ดีกว่า)
เพราะไม่สามารถอัพเดทความรู้
เหมือนตอนที่ยังเป็นเด็กๆ
ที่สามารถทุ่มเทเวลาเรียนรู้ได้เยอะกว่าได้
ส่วนตอนเรียน วิชาโปรแกรมมิ่งแทบไม่มีสอน
ต้องหาเรียนรู้เอาเองทั้งนั้น และมีอีกหลายวิชาที่น่าเบื่ออย่างวิชาสถิติ
หรืออย่างวิชาคอมพิวเตอร์กราฟฟิค
ที่เวลาเรียนจริงๆ ปรากฎว่ามีแต่คณิตศาสตร์ปวดหัว
ไม่ว่าจะเป็นฟูเรียร์ ลาปาซ หรือ ดิสครีตแมท
ซึ่งจบมาก็ไม่เคยได้ใช้อีกเลย
อันนี้แค่เล่าประสบการณ์จริงให้ฟังนะครับ