หน้า: 1 ... 78 79 80 81 82 83 84 [85] 86 87 88 89
 
ผู้เขียน หัวข้อ: แด่เด็กมัธยม  (อ่าน 333200 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 ขาจร กำลังดูหัวข้อนี้
คะแนนโอเนตออกเรียบร้อย

ตอนนี้เข้าสู่ช่วงเลือกคณะ ฮือๆ~

ในใจตอนนี้ ไม่การตลาด ก็ วารสาร

ซึ่งทั้งคู่มีโอกาสติด อยู่ที่ว่าเราจะเอาอะไรไว้ก่อน

เดจาวูอ่ะ

ตอนพี่อยู่ม.6 ก็ลังเลงี้เลย
ต่างกันที่ตอนนั้นพี่ได้โควต้าการตลาดแล้วล่ะ แต่ในใจตอนนั้นคิดว่าอยากเรียนนิเทศจุฬา ไม่ก็วารสาร
ความคิดมากมายมันวิ่งวนในหัวเรา สับสน+แรงกดดันรอบข้าง
ตัดสินใจแบบตัดรำคาญไปว่าเอาโควต้าการตลาดนี่หล่ะ
พอผลคะแนนออก...น่าจะเลือกวารสารนะ (สมัยนั้นให้สอบ2รอบ)
สับสนๆๆ คิดวนไปเวียนมา เถียงกันเองในหัวทั้งวัน

สุดท้ายขี้เกียจคิดไรมาก+แรงกดดันรอบด้านให้เลือกการตลาด เลยเอาโควต้าการตลาด
พอได้เรียนแล้วนึกเสียดาย น่าจะเลือกสิ่งที่ใจอยากมากกว่านะ
การที่จะเรียนในสิ่งที่ไม่ได้อยากจะเรียนมากมันทำให้ความตื่นตัวลดลง ความขี้เกียจมีมากขึ้น ความกระตือรือร้นในการเรียนหายไป ถ้าไม่คุมสติบังคับตัวเองให้รับผิดชอบและตั้งใจกับมันก็มีสิทธิ์เตลิดเปิดเปิงไปมาก ครั้นจะทำมันให้ได้ดีเพราะขึ้นหลังเสือมาแล้วก็ต้องบีบคั้นตัวเองสุดเช่นกัน


ตอนนั้นคิดว่าถ้าได้เรียนในสิ่งที่อยากเรียนชีวิตวัยเรียนคงสนุกกว่านี้


พูดเหมือนผ่านมานาน....(มันก็นานจริงๆแหละ)



ถามนิ้งว่า ชอบเป็นพ่อค้าแม่ค้ารึป่าว? การตลาดมันเป็นศาสตร์ที่ว่าด้วยการค้าขาย
เรียนมา4ปี ทฤษฎีทั้งหมดมีไว้เพื่อตอบโจทย์ว่าทำยังไงให้ขายของได้ ทำไงให้มีกำไร ทำไงให้คนซื้อ
บันทึกการเข้า
บ้า บ้า บ้าที่สุด  ฮือๆ~
บันทึกการเข้า

ยิ้มน่ารัก น้องดำ
เครียด มหาลัยอะไรดี  โวย
บันทึกการเข้า
แล้วพี่บอยจะเลือกอะไร ตื่นเต้นแทน  กรี๊ดดดดด
บันทึกการเข้า
ของผมเรียนมันทั้งสองอย่างเลยครับ เรียนการตลาดก่อนครึ่งปี ไม่ชอบเลยไปสอบใหม่ เข้าวารสาร

และถึงบัดเดี๋ยวนี้ ก็ค้นพบว่าเราสามารถเลือกวิชาโทเป็นการตลาดได้  กร๊าก
ถึงแม้จะไม่เข้มข้นเท่าการตลาดแท้ๆ แต่ก็ได้อะไรมามากสำหรับการดำเนินธุรกิจแบบ creative  เจ๋ง

ปล. เอกโฆษณาเท่านั้นเน้อ

รูปแบบของพี่ตอนเรียนคือ เรียนเอกโฆษณา โทมาร์เก็ต แต่ทำหนังกับเพื่อนๆด้วย และทำอาร์ตของคณะ เอามันทุกอย่างที่ไขว่คว้าได้  กร๊าก


แต่ทั้งนั้นทั้งนี้ จะวารสาร หรือ นิเทศจุฬาก็ได้ เอาที่คะแนนมันใช่
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07 เม.ย. 2011, 09:49 น. โดย Layiji » บันทึกการเข้า

นักเขียนการ์ตูนรายปี
เดจาวูอ่ะ

ตอนพี่อยู่ม.6 ก็ลังเลงี้เลย
ต่างกันที่ตอนนั้นพี่ได้โควต้าการตลาดแล้วล่ะ แต่ในใจตอนนั้นคิดว่าอยากเรียนนิเทศจุฬา ไม่ก็วารสาร
ความคิดมากมายมันวิ่งวนในหัวเรา สับสน+แรงกดดันรอบข้าง
ตัดสินใจแบบตัดรำคาญไปว่าเอาโควต้าการตลาดนี่หล่ะ
พอผลคะแนนออก...น่าจะเลือกวารสารนะ (สมัยนั้นให้สอบ2รอบ)
สับสนๆๆ คิดวนไปเวียนมา เถียงกันเองในหัวทั้งวัน

สุดท้ายขี้เกียจคิดไรมาก+แรงกดดันรอบด้านให้เลือกการตลาด เลยเอาโควต้าการตลาด
พอได้เรียนแล้วนึกเสียดาย น่าจะเลือกสิ่งที่ใจอยากมากกว่านะ
การที่จะเรียนในสิ่งที่ไม่ได้อยากจะเรียนมากมันทำให้ความตื่นตัวลดลง ความขี้เกียจมีมากขึ้น ความกระตือรือร้นในการเรียนหายไป ถ้าไม่คุมสติบังคับตัวเองให้รับผิดชอบและตั้งใจกับมันก็มีสิทธิ์เตลิดเปิดเปิงไปมาก ครั้นจะทำมันให้ได้ดีเพราะขึ้นหลังเสือมาแล้วก็ต้องบีบคั้นตัวเองสุดเช่นกัน


ตอนนั้นคิดว่าถ้าได้เรียนในสิ่งที่อยากเรียนชีวิตวัยเรียนคงสนุกกว่านี้


พูดเหมือนผ่านมานาน....(มันก็นานจริงๆแหละ)



ถามนิ้งว่า ชอบเป็นพ่อค้าแม่ค้ารึป่าว? การตลาดมันเป็นศาสตร์ที่ว่าด้วยการค้าขาย
เรียนมา4ปี ทฤษฎีทั้งหมดมีไว้เพื่อตอบโจทย์ว่าทำยังไงให้ขายของได้ ทำไงให้มีกำไร ทำไงให้คนซื้อ

ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเป็นพ่อค้าแม่ค้าเลย กร๊าก แต่ชอบพวกวางแผนงาน และแม่ก็ดูแฮปปี้ดีถ้าเราจะเลือกการตลาด
แม่บอก พี่เรียนการงาน น้องเรียนการตลาด จะได้ทำธุรกิจครอบครัวไปเลย โห
ของผมเรียนมันทั้งสองอย่างเลยครับ เรียนการตลาดก่อนครึ่งปี ไม่ชอบเลยไปสอบใหม่ เข้าวารสาร

และถึงบัดเดี๋ยวนี้ ก็ค้นพบว่าเราสามารถเลือกวิชาโทเป็นการตลาดได้  กร๊าก
ถึงแม้จะไม่เข้มข้นเท่าการตลาดแท้ๆ แต่ก็ได้อะไรมามากสำหรับการดำเนินธุรกิจแบบ creative  เจ๋ง

ปล. เอกโฆษณาเท่านั้นเน้อ

รูปแบบของพี่ตอนเรียนคือ เรียนเอกโฆษณา โทมาร์เก็ต แต่ทำหนังกับเพื่อนๆด้วย และทำอาร์ตของคณะ เอามันทุกอย่างที่ไขว่คว้าได้  กร๊าก


แต่ทั้งนั้นทั้งนี้ จะวารสาร หรือ นิเทศจุฬาก็ได้ เอาที่คะแนนมันใช่

มันเลือกโทการตลาดได้ด้วยหรอคะ ไม่รู้เรื่องเลย ไอ้มืดหมี
ยังคิดๆกับเพื่อนเลย ทำไมไม่มีวารสาร แล้วโทการตลาดบ้าง  กร๊าก

สงสัยต้องกลับมาคิดใหม่ละ เพราะตอนนี้เทใจให้การตลาดมากกว่าอยู่หน่อย แต่พอมีโทการตลาดวารสารเริ่มน่าสนกว่าแล้วสิ น้องดำ

ส่วนคณะก็คงเลือกวารสารแหละค่ะถ้าจะเลือกเพราะ +2800 โอกาสติดเยอะมากมาย

บันทึกการเข้า

"ความรักนั้น...ง่ายดายกว่าที่คิด...ยากเย็นกว่าที่เห็น"
มันเรียนกันไม่เป็นเล้ย ไอ้เด็กพวกนี้ ไม่ล่ะ
ตูก็โชคดีไป คนอื่นเขามีแต่กินบุญรุ่นพี่ ตูกินบุญรุ่นน้อง กร๊าก
บันทึกการเข้า

<a href="http://img3.f0nt.com/flash/66d37d0393ee1ab1e2e55182dfabf34e.swf" target="_blank">http://img3.f0nt.com/flash/66d37d0393ee1ab1e2e55182dfabf34e.swf</a>

A Long Patience: Wish Us Luck (and Happy Anniversary)
พรุ่งนี้จะถึงวันเลือกแล้ว ยังคิดไม่ตกเลย ฮือๆ~

ถ้าเลือกการตลาดก็มีปัญหาที่พ่อจะให้เรียนจุฬาอีก
เกิดสมมติติดขึ้นมาจริงๆนี่ เราจะไปเป็นตัวกากในคณะทันที
เพราะเลขกากมากถึงมากที่สุด กดดันตาย เศร้า
บันทึกการเข้า

"ความรักนั้น...ง่ายดายกว่าที่คิด...ยากเย็นกว่าที่เห็น"
อย่าไปแคร์คนอื่นให้มากเน่อ  เราตัวเราเป็นหลักนี่แหละ
ถ้าเรากาก ก็ใช้ความกากเป็นตัวผลักดันให้เราเก่ง จุ้บๆ  เกย์ออก


(ยังไม่ถึงเวลาเอนท์ไง เลยยังไม่อินกะความเครียด  ฮ่าๆ ฮือๆ)
บันทึกการเข้า

ยิ้มน่ารัก น้องดำ
จริง ก่อนหน้านี้ไม่เครียดเลย พอเข้าสู่ช่วงนี้เท่านั้นแหละ
จะเจอข้อความบ่น เครียด กันหมด

ปกติเป็นคนชิลมาก แต่พอมาถึงช่วงนี้ ชักชิลไม่ออก  ไอ้มืดหมี

คิดว่าคงเลือกการตลาดไว้อันดับ1น่ะแหละ
แต่รายละเอียดว่าจะเรียงอันดับยังไง ไว้ไปไฟท์กับพ่อต่อ  กร๊าก
(แต่ไงต้องมีวารสารพ่วงด้วยแน่นอน หมีโหด~)
บันทึกการเข้า

"ความรักนั้น...ง่ายดายกว่าที่คิด...ยากเย็นกว่าที่เห็น"
เพื่อนที่เคยแอดบอกว่า

อันดับ ๑ พ่อแม่อยากให้เรียน
อันดับ ๒ ตัวเองอยากเรียน
อันดับ ๓ คะแนนถึงมีโอกาสติด
อันดับ ๔ ติดชัวร์

มันเลือกได้ ๔ อันดับใช่มะ
บันทึกการเข้า
เอาอันแรกกออกไปเถอะ
บันทึกการเข้า

555 พ่อแม่เราบังคับนะ ถึงยังไงก็ต้องเลือก อย่างน้องสาว หม่าม๊าก็จะพูด จนกว่าน้องจะเลือกที่หม่าม๊าอยากให้เรียน
อธิบายเหตุผลยังไง ก็จะกลับมาที่เดิม

เขาอยากให้น้องสาวเรียนฟู้ดไซน์ แต่น้องสาวไม่อยากเรียน
ม๊าให้เราช่วยพูดให้ แต่เราไม่พูด อยากให้น้องตัดสินใจเอง
อยากขอคำปรึกษาก็ค่อยมาถามดีกว่า
จากเดิมที่น้องอยากเรียนสถาปัตย์ ม๊าพูดจนน้องเปลี่ยนไปมุ่งทางวิทย์
แต่ก็ไม่เอาฟู้ดไซน์แน่นอน

ที่หม่าม๊าอยากให้เรียนฟู้ดไซน์ ก็เพราะโดนญาติเป่าหูมานั่นแหละ
เป็นญาติที่เรากับน้องไม่ชอบ เลยยิ่งต่อต้าน ไม่อยากเรียนไปใหญ่เลย
บันทึกการเข้า
- ถ้าแม่แค่อยากให้ แล้วเราอยากเลือกให้ ก็เอาไว้ห้อยท้าย ไม่ใช่อันดับ 1
- ถ้าแม่ซีเรียสจริงจัง ก็ตั้งใจเลือกให้ไม่ติดชัวร์ๆ แล้วเอาไว้อันดับ 1


ของเค้าที่บ้านเลี้ยงปล่อย ไม่เคยบังคับอะไรเลย

มีแค่แม่อยากให้เรียนนิติ เพราะแม่ทำงานสายนั้นแล้วดูว่ารุ่ง(อัยการ ผู้พิพากษา ทนาย มีแต่คนนับถือ)
โดยเหตุผลโน้มน้าวคือ "นิติไม่ต้องเก่งมากก็ได้ แค่ขยัน"
แต่เราเป็นประเภทตรงข้างกะที่แม่บอกสิ้นเชิงนี่สิ

มีตาอยากให้เรียนนายร้อยตั้งแต่ ม.3 เพราะตาเป็นตำรวจ
แต่ไม่ชอบออกกำลังกาย ไม่ชอบใช้แรงเยอะๆ ก็ปล่อยผ่านไป

สุดท้ายแม่บอกอยากเลือกอะไรก็เอาเถอะ
นัดอยู่กับมันไปทั้งชีวิต เรียนที่ชอบไปแล้วกัน
อาจเพราะทั้งพ่อและแม่ ไม่ได้เรียนไอ้ที่อยากเรียน(เนื่องจากฐานะทางบ้าน)
เลยเลี้ยงเราแบบปล่อยๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11 เม.ย. 2011, 15:39 น. โดย I'm Nut » บันทึกการเข้า

ถ้าไม่ชอบอะไรแล้วดันไปเรียนจะตกอยู่ในสภาพที่ไปเรียนแบบเซ็งๆ
ซึ่งการเรียนมันก็น่าเซ็งทุกคณะอยู่แล้ว
แต่ถ้าเซ็งแล้วมีตัวที่ชอบบ้างมันจะทำให้เรียนแล้วมีแรงจูงใจ แล้วน่าจะทำได้ดี
ส่วนพี่ขนาดวิชาที่อยากเรียนยังทำเกรดไม่ดีเลยว่ะ ไม่รู้ทำไม C+ มันทุกตัว
ส่วนตัวที่ไม่อยากเรียนดันได้ A มั่ง B+มั่ง กร๊าก

ส่วนเรื่องจบมาแล้วจะทำงานอะไร ไว้เรียนก่อนแล้วค่อยคิดก็ได้
ซึ่งมันก็ไม่ได้หมายความว่าเรียนคณะนี้จบมาต้องเป็นไอ้นี่ไอ้นั่นเท่านั้นซะเมื่อไหร่

ก่อนเอ็นพี่อยากเป็นสถาปนิก เพราะอยากทำ model จำลอง  กร๊าก นี่ตูเอาเรื่องของเล่นมากำหนดชีวิตเหรอเนี่ย
แต่ไม่ได้เรียนสายวิทย์เลยอด แต่พอเรียนสายวารสาร นิเทศ
มันได้ใช้กับธุรกิจในทุกวันนี้ ซึ่งก็คือเอาของเล่น(การ์ตูน เกม กล้อง)มาทำเป็นอาชีพอยู่ดี  กร๊าก กร๊าก
ทุกวันนี้ไอ้ของเล่นเนี่ยแหละมันทำให้ชีวิตมันสนุกตลอดเวลา ได้ถ่าย ได้เล่นคอม ได้วาดการ์ตูน
แต่เล่นแบบมีพื้นฐานจากสิ่งที่เรียนมา ว่าจะทำไงให้แหวกแตกต่างจากคนอื่นโดยมีการตลาดเป็นกรอบ

 แป๊ะยิ้ม

สู้ๆ
บันทึกการเข้า

นักเขียนการ์ตูนรายปี
หน้า: 1 ... 78 79 80 81 82 83 84 [85] 86 87 88 89
 
 
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2007, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!