หน้า: [1] 2 3 4
 
ผู้เขียน หัวข้อ: เกษตรข้ามชาติ  (อ่าน 13859 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 ขาจร กำลังดูหัวข้อนี้
เมื่อกี้ ดูข่าว เรื่องนี้พอดี
รู้สึกแปลกๆ ความคิดยังไม่ตกตะกอนเท่าไร แต่มาตั้งเอาไว้ก่อน
แต่ที่รู้สึกได้แว๊ปแรก คือใจเสีย จากข้อมูล ที่ว่า แนวโน้ม พื้นที่เกษตรภาคกลางถูกนายทุนต่างชาติกว้านซื้อ
โดยมีคนไทยเป็นนอมินี่  ปัญหาเรื้อรังจากอะไร
เกษตรกร ไม่มีความรู้ เห็นแก่เงิน หรือถูกทอดทิ้ง จนน้อยเนื้อต่ำใจจนถึงขั้นอิจฉาวงการอุตสาหกรรม
ที่ถูกเอาใจมาเนิ่นนานจากรัฐบาลมากกว่า...

ข้อมูลนายทุนต่างชาติ ทั่วโลกให้ความสนใจภาวะการขาดแคลนอาหารของโลกจึงมองเห็นความสำคัญของการเกษตร
และมองเห็นถึงความน่าสนใจของวิธีการทำนาแบบไทย คราดว่าจะเข้ามาศึกษาและจ้างงานชาวนา ประมาณ 2 ปี หลังจากนั้น
จะนำเครื่องไม้เครื่องมือ มาใช้แทนคน
มีกฏหมายมาควบคุมในส่วนนี้ คร่าวๆ แต่ในทางปฏิบัติก็น่าจะยากพอตัว เพราะแค่ยื่นเงินให้เยอะๆ
ในภาวะแบบนี้ชนชั้นที่คนไทยเรียกว่ารากหญ้า คงง่ายต่อการรับเงินไว้แล้วขายไป
สถานการณ์แบบนี้จะโทษใครได้ ข้าวที่เราทานอยุ่ทุกวัน มันถูกกว่าของฟุ่มเฟือยต่างๆ เยอะเลยนิ
อุตสาหกรรมของฟุ่มเฟือย มันเลยเติบโตกว่าอุตสหกรรมการเกษตร เรื่องขายนาไปเป็นสาวโรงงาน
มันเลยเป็นทางเลือกที่ชาวนาส่วนใหญ่เขาทำกัน ทิ้งการทำนา ทำไร่ ที่ มันเป็นวัฒนธรรม
วิถี ประเพณีของเรามาช้านาน จะเรียกได้มั้ยว่า คนไทยทุกคนก็มีพื้นฐานมาจากสิ่งนี้ด้วยกันทั้งนั้น
แต่เรากำลังจะถอดทิ้งมัน เรากินข้าวทุกวัน คอยเตือนใจเอาไว้ไปงั้นเอง ทำอะไรได้บ้างเน้อ
จะโทรบอกพ่อว่า จะยากจนแค่ไหนอย่างไง ก็ขอให้ทำนาต่อไปนะพ่อจ๋า จะอดมื้อกินมื้อ
เพราะซอสมันแพง แต่กินข้าวเปล่าก็อร่อยดีเหมือนกัน ถ้าใครเคยกินข้าวเปล่า จะรู้สึก
กลิ่นมันหอมถึงจมูกเลยนะครับ เมื่อก่อนตอนออกมาจากบ้านนอกใหม่ๆ คิดถึงข้าวเปล่าที่กลิ่นหอมแบบนั้น
แต่ก็ได้กินแค่ข้าวเปล่าที่มีแต่กลิ่นน้ำตาตัวเอง ต่อไป ก็กลัวว่าคนไทยจะต้องกินข้าวแพงเกิน
จนหันมากินแต่น้ำตาตัวเองเหมือนกัน ในขณะที่ฝรั่งมัน ซื้อข้าวเราไปถูกๆ
เอาไปกินฟุ่มเฟือยจนเราเห็นอาจจะต้องรุ้สึกกล้ำกลืนกันถ้วนหน้า...

น่ากลัวนะครับ..
บันทึกการเข้า

ล้ำลึกคนึงหาในดวงจิต ใจเคยคิดตัดสวาทมิอาจสิ้น
ดั่งก้านบัวหักกลางชลาสินธุ์ ผิว่าสิ้นไร้เยื่อยังเหลือใย


ข้าวสมควรจะแพงนะครับ

เพราะเรากินไอพอดไม่อิ่ม ดำรงชีวิตไม่ได้
บันทึกการเข้า

เราจะต้องการอะไรมากมายไปกว่า อะไรมากมาย
ตั้งแต่(ภรรยา)หุงข้าวเองนี่
ค่าข้าวถูกลงเยอะเลยครับ
บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ
เหมือนประเทศญี่ปุ่นสินะ
อาหารจะแพงมาก

เดี๋ยวสักวันพี่ไทยก็จะไม่มีข้าวไทยกินหรอก ชิ
บันทึกการเข้า

ตัวคนเดียว :]
แต่ถ้ามีปลามากุโร่กินทั้งเดือน ตูยอมนะ
บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ

ข้าวสมควรจะแพงนะครับ

เพราะเรากินไอพอดไม่อิ่ม ดำรงชีวิตไม่ได้
นั่นสิ.. เมื่อไหร่ชาวนาบ้านเราจะรวยมั่ง
บันทึกการเข้า

<a href="http://img3.f0nt.com/flash/66d37d0393ee1ab1e2e55182dfabf34e.swf" target="_blank">http://img3.f0nt.com/flash/66d37d0393ee1ab1e2e55182dfabf34e.swf</a>

A Long Patience: Wish Us Luck (and Happy Anniversary)
ถ้าข้าวใช้แทนน้ำมันรถได้ ก็จะแพงเหมือนกับข้าวโพดในเม็กซิโกไง

แต่.. คนจนไม่มีปัญญาซื้อกิน  เอาไปขายแพงๆทำเชื้อเพลิงดีกว่า  หมีโหด~
บันทึกการเข้า

หนังเย็บมือ Homemade www.facebook.com/oxhour


คนจนส่วนใหญ่คือแรงงานเกษตรนะเจ๊

ที่เห็นคนจนๆ อยู่ในเมืองนะ เพราะทำนาที่บ้านจนกว่า
บันทึกการเข้า

เราจะต้องการอะไรมากมายไปกว่า อะไรมากมาย
 โห
บันทึกการเข้า

หนังเย็บมือ Homemade www.facebook.com/oxhour
นั่นสิ ทำไม
เคยดูลุงที่เป็นปราชญ์ชาวนาที่ทำนาแบบเกษตรอินทรีย์
ไม่ต้องพึ่งยา พึ่งปุ๋ย ข้าวก็ได้ปริมาณดี คุณภาพดี
แล้วเค้าก็เปิดสอนด้วย
เห็นลุงอะไรซักอย่างที่ปักษ์ใต้ที่ปลูกกล้วยคว่ำหัวแล้วออกสี่ต้น
ภูมิปัญญาไทยด้านเกษตรนี่มากมายเลยนะ
แถมศูนย์พัฒนาของในหลวง มีหน่วยงานส่งเสริมการเกษตรของรัฐอีกบานเลย
ทำไม

ไม่อยากโทษการวางแผนพัฒนาของส่วนกลาง และกลไกตลาดนะ
(อีกนัยหนึ่งการคอรัปชั่นของนักการเมือง ข้าราชการ โดยมีนายทุนสนับสนุน)
แ่ต่ก็ยังหาอะไรที่เป็นสาเหตุที่ดีกว่านี้ไม่ได้
บันทึกการเข้า

<a href="http://img3.f0nt.com/flash/66d37d0393ee1ab1e2e55182dfabf34e.swf" target="_blank">http://img3.f0nt.com/flash/66d37d0393ee1ab1e2e55182dfabf34e.swf</a>


เพราะวัฒนธรรมอู่ข้าว อู่น้ำของเราไงละครับ

เราไม่เคยขาดแคลนของกิน กินทิ้งกินขว้างก็ยังไหว

ข้าวมีตั้งเยอะแยะ จะขายแพงทำไม
ผลไม้เหลือเป็นเข่งๆ เอามาเททิ้งขวางถนนก็ยังได้


เพราะมันถูกกกกกกกกกกกกกกกกกก
มองว่ามันถูกกกกกกกกกกกกกกกกกก
มันมีเยอะมีแยะ

บันทึกการเข้า

เราจะต้องการอะไรมากมายไปกว่า อะไรมากมาย
อันนี้คือแนวคิดที่ว่าทำไมพวกยุโรป รวมทั้งมองโกล (เมืองหนาว) ถึงขยันล่าอาณานิคมเพื่อหาทรัพยากรณ์
แล้วพวกอยู่เขตอบอุ่นชื้นอย่างเราถึงเป็นฮอบบิทอยู่กับบ้านสินะ


แต่ที่จริงการมีทรัพยากรณ์มาก กับการไม่เห็นคุณค่ามันต่างกันนะ
เมื่อก่อนถึงแม้ว่าคนไทยจะปลูกข้าวเอง และมีเหลือเฟือ แต่ก็มีระบบการจัดการ การจัดเก็บนะ

การปลูกฝังค่านิยมมันผิดมาตั้งแต่แผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติแล้วมั้ง
จอมพล ป. ยังกสิการแข็งขันเป็นกระดูกสันหลังของชาติ ไทยจะเรืองอำนาจเพราะไทยเป็นชาติกสิกรรม กันอยู่เลย
แล้วสินค้าส่งออกอันดับหนึ่งของเราก็ยังเป็นเกษตรอยู่นะ
ไม่ใช่พวกชิป อะไหล่คอม โรงงานอะไรที่ยุค นิคส์ เคยสร้างวาทกรรมอยู่

ถ้าใช้จุดแข็งด้านเกษตรเป็นการต่อรองตลาดโลก แล้วส่งเสริมภาคเกษตรอย่างถูกวิธีเนี่ย ชาติเราก็เจริญในแบบนี้ได้
แต่ที่ผ่านมารัฐบาลส่งเสริมยังไงล่ะ เงินทุนและการประกันราคาขั้นต่ำ
ซึ่งเป็นเรื่องของเงินเท่านั้น ไม่ได้พัฒนากระบวนการจัดการ และ ตลาดเลยนะ
ลำไยราคาตกที่ จา พนมก็มากินลำไยช่วยชาติกันที
ไม่ได้ทำให้อาชีพเกษตรมันมั่นคงแต่อย่างใด
คนที่จะรวยกับการเกษตรก็มีนายทุนอุตสาหกรรมที่เอามาป็นวัตถุดิบ
พ่อค้าคนกลางที่หาลู่ทางตลาดได้ ตั้งแต่ระดับประเทศ ถึง นานาชาติ
อ้อ แล้วขายปุ๋ย ขายยา ขายเครื่องมือการเกษตร ที่จริงๆ แล้วทำให้ไปผิดทางอยู่ (แล้วก็ไม่มีใครออกมาทำอะไร)

วัฒนธรรมโดยรากเหง้าของเรา พี่ว่ามันไม่ได้เป็นสาเหตุซะโดยตรงนะ
แต่อยู่ที่การสร้างวาทกรรมของรัฐมากกว่า ที่ชี้นำความคิดคนนน่ะ
บันทึกการเข้า

<a href="http://img3.f0nt.com/flash/66d37d0393ee1ab1e2e55182dfabf34e.swf" target="_blank">http://img3.f0nt.com/flash/66d37d0393ee1ab1e2e55182dfabf34e.swf</a>
ผมก็เห็นด้วยนะครับ เรื่องการชี้นำของรัฐ

ผมลองมองแบบเพ้อๆ ดูว่า
ถ้าเรายอมจมกันทุกคนปิดประเทศแล้วเริ่มต้นกันใหม่จากเกษตรกรรมเราจะอยู่กันได้หรือเปล่า
น่าจะดีมั้ย ลองกลับสู่สามัญ ชำระซะทุกอย่าง ธุรกิจก็ให้เป็นแบบที่พ่อหลวงเราว่าไว้ กินไม่หมดจึงค่อยขาย
วัฒนธรรม การเกษตรแบบเก่า มันจะพาวิถีแบ่งปันแบบเดิมๆ กลับมาได้หรือเปล่า
ปิดประเทศทำให้คนทั้งประเทศมองเรื่อง การแข่งขัน และเงินทอง เป็นเรื่องลองๆ ลงมา 
แล้วตั้งต้นกันใหม่ เลย  ใครก็ได้ช่วยไปปิดสนามบินที  แล้ว ผมจะกลับบ้านไปทำนา
ทำกินกันเองจะไม่ขายเลย ให้คนที่ไม่มีนำทำ หาข้าวซื้อกินลำบาก จนหันมาส่งเสริมพวกเราเยอะๆ หน่อย
คงจะเจ๋งดี  ว่าแล้วก็สะดุ้งตื่นซะงั้น!!
บันทึกการเข้า

ล้ำลึกคนึงหาในดวงจิต ใจเคยคิดตัดสวาทมิอาจสิ้น
ดั่งก้านบัวหักกลางชลาสินธุ์ ผิว่าสิ้นไร้เยื่อยังเหลือใย
ที่ญี่ปุ่นที่ว่าเกษตรกรรวยนี่ จริงๆไม่ได้รวยเพราะขายได้แพงหรอกนะครับ
รวยเพราะรัฐฯอุดหนุนเองเลย ถึงรวย

แต่ถามว่า ถ้าเลือกได้ ไม่นับพวกลุงป้าน้าเอา ที่ยังทำอยู่เพราะรักในท้องถิ่นนะครับ
ถามลูกหลานเขา ก็ตอบเหมือนกันทุกว่า อยากทำอย่างอื่น

รวย สบาย ความสุขวัตถุนิยม มันดึงดูดกว่ามาก



ไอ้ที่รวยจริงๆน่ะ ที่ไหนๆ ก็เหมือนกันคือ
พ่อค้าคนกลาง ที่เป็นมือที่สองจากแหล่งผลิตโดยตรง

ผมคิดว่าไม่ต้องให้คนหันไปทำนากันหรอก
แต่ลองไม่ให้มีพ่อค้าคนกลาง ผูกขาดแค่รัฐฯกับเกษตรกรล่ะ ได้ไหม?
รายได้ตรง ต่อหัวน่าจะเพิ่มขึ้น แต่คุณภาพการผลิต และอื่นๆ ก็คงสู้แบบปัจจุบันไม่ได้
ว่าไปว่ามา สะดุ้งตื่นเหมือนพี่จักรี น้องดำ
บันทึกการเข้า

บล็อกในมุมมืด
because we always.....expecting
พ่อค้าคนกลางนี่ส่วนใหญ่ผู้มีอิทธิพลนะครับ จะตัดยังไง ฮ่าๆ ฮือๆ
แต่เวลาไม่มีนี่สบายกันทั้งผู้ผลิต ผู้บริโภคนะ

มีใครเคยเดือนตลาดศาลายาบ้าง? ของบ้างอย่างถูกกว่าโลตัสเสียอีก ไม่อย่างจะคิดว่า discount store กำไรขนาดไหนเลย หมีโหด~
บันทึกการเข้า

<a href="http://img3.f0nt.com/flash/66d37d0393ee1ab1e2e55182dfabf34e.swf" target="_blank">http://img3.f0nt.com/flash/66d37d0393ee1ab1e2e55182dfabf34e.swf</a>

A Long Patience: Wish Us Luck (and Happy Anniversary)
หน้า: [1] 2 3 4
 
 
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2007, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!