ถ้าอิคคิวถามว่า ให้คนไทยเข้าถึงศิลปะได้มากกว่านี้ ทำได้ยังไง
ต้องบอกว่า ใช้วิธียัดเยียดครับ
แต่ต้องเป็นการยัดเยียดแบบไม่รู้ตัวนะ
ต้องอาศัยทั้งวงการสื่อ ทั้งวงการออกแบบ ทั้งวงการการศึกษา ช่วยๆกันส่งผ่านเรื่องนี้เข้าไปในเรื่องประจำวัน หรือการรับรู้ประจำวัน
ทำให้คนทั่วไปรู้สึกว่า งานออกแบบและศิลปะ มันอยู่รอบๆตัวเรา มันไม่ใช่แค่เรื่องในแกลอรี่ เรื่องในวงการศิลปะ เรื่องในวงการคนรุ่นใหม่
อุปกรณ์การดำรงชีวิต หนัง ละคร โฆษณา เสื้อผ้า การใช้ชีวิต อุปกรณ์การทำงาน วิถีการทำงาน งานศาสนา งานประเพณี ไปจนถึง ความตาย
มันมีศิลปะเข้าไปรวมอยู่ด้่วยในทุกเรื่อง ถ้าเราทำให้คนทั่วไป รับรู้ว่า มันคือสิ่งชินตา สิ่งซึ่งเราสร้างสรรใหม่เองได้ หรือมีความสุขที่ได้ใช้มัน
ศิลปะก็เข้าถึงคนทั่วไปได้ง่ายขึ้นครับ เพราะเราจะไม่เคอะเขินที่จะทำ ที่จะรับรู้หรือแสดงออก เพราะใครๆทั่วไปเค้าก็ทำกัน เค้าก็แสดงออกกัน
การจะไปแก้เรื่องอะไรสักอย่าง มันต้องใช้เวลาและความเคยชินเข้าช่วย มันถึงจะเปลี่ยนไปได้ในวงกว้าง
แต่ที่สำคัญที่สุด คือ ทัศนคติของคนที่เกี่ยวข้องในแต่ละฝ่ายครับ ถ้าในวงการยังมีคนแบบ อดีตนายกสมัคร หรือ คนในกองเซนเซอร์
ี่ัตัดหนังด้วยความรู้สึก ไม่ได้ตัดด้วยความรู้แล้วเนี่ย ยังไงศิลปะก็ยังเข้าถึงคนทั่วไปยากครับ เพราะแม้แต่คนที่มีหน้าที่ชี้นำคนอื่น ยังคิดได้แค่นี้
ก็อย่าคาดหวังอะไรต่อจากนี้เลยครับ
สรุปของแบบนี้ ต้องทำเป็นวงกว้าง ต้องร่วมมือกันหลายฝ่าย ซึ่งมันจะยากก็ไอตรงนี้แหละครับ ที่จะทำให้คนทั่วทุกวงการมีทัศนคติิที่ตรงกัน
แต่ในปัจจุบัน ผมมองว่า เรื่องศิลปะ เข้าถึงคนทั่วไปได้มากขึ้นแล้วนะครับ เพราะวิถีชีวิตคนในปัจจุบัน
เปลี่ยนไปจากแต่เดิมเยอะ การออกแบบและศิลปะ เข้าถึงคนกลุ่มมากด้วยสื่อทีวี วิทยุ อินเตอร์เน็ท ยิ่งโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่
ที่ไม่ได้โตมาด้วยแนวคิดที่ว่า มันเป็นเรื่องของงานช่าง เป็นเรื่องของศิลปินวาดรูปไส้แห้ง พวกศิลปินสกปรก วันๆเอาแต่บ้าๆบอๆ ไม่ทำมาหากิน
ผมว่า อาจต้องใช้เวลาอีกสัก 1-2 ช่วงอายุคน ทัศนคติเรื่องงานศิลปะก็จะเข้ามาในหมู่คนไทยมากขึ้นไปเรื่อยๆครับ
่เรื่องมันก็วกกลับมาสู่ วงการออกแบบและศิลปะเองอีกนั่นแหละครับ
ว่าเราจะป้อนข้อมูลการรับรู้เรื่องศิลปะ ให้คนทั่วไปได้รับรู้ ดีชั่วมากน้อยแค่ไหน
แต่ก็อีกนะ ถ้าตีความเรื่องศิลปะกว้่างๆจริงๆ อย่างที่แอนว่า เรื่อง "รสนิยมทางศิลปะ" ของคนไทย มันไปในทางไหน มันก็อาจไปอีกแนวทางเลยนะ วัฒนธรรมการแต่งตัวแบบ บ้านๆ รสนิยมศิลปะทางละคร แบบ ละครหลังข่าว ตบตี ความรุนแรง หรือ วัฒนธรรมการแต่งตัว ทาหน้าทาตา สีสันฉูดฉาด กับกางเกงขาสั้นสีสันแสบๆ แบบ แวนซ์หรือสก๊อย มันก็เป็นถือศิลปะที่เค้าใช้กัน หรือ แสดงออก อย่างหนึ่ง
ซึ่งถ้าเราถือว่ามันไม่เป็นศิลปะก็คงไม่ใช่ เพราะเค้าก็คิดว่ามันดี เค้าถึงแสดงออกกัน
แต่ก็อาจจะขัดกับการรับรู้ของเราว่ามันแปลก แต่จะว่าของเค้าไม่ดีก็คงไม่ได้
ดังนั้น จะบอกว่า ศิืลปะ ห่างจากคนไทย คงไม่ได้หรอกครับ แต่ไม่รู้ัตัวมากกว่า
ต้องตั้งใหม่เป็นว่า ศิลปะที่เป็นศิลป๊ะ ศิลปะ ต่างหาก ที่คนไทยดูว่ามันไกลตัวไป ถึงจะถูก
เรื่องนี้คงต้องคุยกันยาวแน่ๆครับ