หน้า: 1 [2] 3 4 5 6
 
ผู้เขียน หัวข้อ: ทำไมคนไทยจึงรู้สึกว่าศิลปะเป็นเรื  (อ่าน 27545 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 ขาจร กำลังดูหัวข้อนี้
จริงๆ แล้วศิลปะไม่ใช่เรื่องไกลตัวหรอกครับ
แต่คนเรา ทำให้มันยากไปเองทั้งนั้นแหละ

ศิลปะ คือ สิ่งที่เกิดมาตอบสนองกับจิตใจ
เด็กขีดเส้นเส้นนึง แล้วทำให้เค้าเกิดจินตนาการได้ว่า
มันคือ ขอบฟ้า มันทำให้เค้ารู้สึกอิสระได้
นั่นก็เป็นศิลปะแล้วครับ แม้ว่าแม่มาดูแล้วจะรู้สึกว่า
มันก็แค่คราบสกปรก 1 เส้นบนผนังแค่นั้น

คนไทยเราชอบคิดว่า ดูศิลปะต้องดูให้รู้เรื่อง
เราดูไม่รู้เรื่อง ก็อย่าไปยุ่งกับมันเลย ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของคนชั้นสูง หรือศิลปินไป
ประกอบกับ คนไทยเรา บางครั้ง ก็ขี้กลัวครับ กลัวว่าทำมาไม่ดี คนจะด่าจะว่า เลยไม่ทำดีกว่า
รอติ คนอื่น สบายใจดี

รุ่นพี่จิตรกรรม คนนึง เคยสอนผมไว้นานแล้วว่า
เวลาดูศิลปะ ไม่ต้องรู้หรอก มันคือรูปอะไร แต่ว่า มันให้อะไรกับความรู้สึกเรามั่ง
ดูแล้ว ดีใจ เสียใจ เศร้า หดหู่ หรือไม่รู้สึกอะไรเลย นั่นแหละ คือการดูศิลปะ
ดังนั้น คนนี้ดูแล้วชอบ อีกคนดูแล้วไม่ชอบ อีกคนดูแล้วหดหู่ มันก็แล้วแต่คนตีความ
นั่นแหละ ความสนุกของศิลปะ

ผมก็ใช้แค่แนวคิดนี้ ทุกครั้ง ในการดูงานใครก็ตาม
ศิลปะ ไม่ใช่แค่การวาดรูปสวย มันก็แค่แขนงหนึ่งของมันเท่านั้น
แต่ศิลปะทุกแขนง ตอบโจทย์ทางอารมณ์ ได้ทั้งหมด
ไม่ว่าจะเป็น อารมณ์ของคนทำ และ อารมณ์ของคนดูก็ตาม

ปล. ยกตัวอย่างเฉยๆนะครับ

ลุงมั่น แกห้ามลูกไปเรียนศิลปะ ให้เรียนการเกษตร มาช่วยแกทำงาน
เพราะให้ความเห็นว่า ศิลปะ เรียนไปก็ไส้แห้ง วันๆเอาแต่วาดรูป ไร้สาระ
แต่ทุกบ่าย ลุงมั่น ชอบไปดูพระเครื่องกับลุงเจิม เสมอๆ โดยให้เหตุผลว่า
พระเครื่องแต่ละองค์ มันสวย ดูแล้วสบายใจ ยิ่งองค์ดังๆยิ่งแหล่ม โค้งเว้าประหนึ่งดอกบัว
แต่ตกเย็นไป ลุงมั่น ก็ยังคงด่าลูกเรื่องจะไปเรียนศิลปะอีกอย่างเคย

นี่แหละครับ ศิลปะ กับคนไทย ล่ะ  ฮิ้ววว
บันทึกการเข้า

- R u Happy with ur Rock&Roll ? -
อิคคิวต้องแยกให้ดีครับ
คำอ้างติดงานเบี้ยว ผู้พูดไม่ได้ตั้งใจว่าให้หมายความอย่างนั้นแน่ๆ
เป็นการแก้ตัวเรื่องติดรูปเบี้ยวว่า อย่าไปสนใจมันเลย ประมาณนั้นมากกว่า

ศิลปะสำหรับผมแล้ว ก็คืองานที่ทำไว้ให้ชื่นชม ให้เกิดความสุนทรีย์ ให้เกิดอารมณ์ต่างๆ ตามประสบการณ์ของแต่ละคน
เช่น อ่านกลอนบทนี้แล้วรู้สึกเศร้า คนเขียนโคตรเก่งเลย อะไรอย่างนี้

บ้านเราไม่ค่อยให้ความสำคัญ (ไม่ใช่ไม่สนใจ) กับงานศิลปะ เพราะว่ามันมักจะมีราคาล่ะมั้งครับ
แต่ถ้าว่าอย่างนี้แล้วล่ะก็ ไม่ใช่แค่งานศิลปะที่เราไม่ให้ความสำคัญ
เรื่องอื่นเราก็ไม่ให้ความสำคัญด้วยนะ

บันทึกการเข้า

        AH_LuGDeK, AH_LuGDeK_R
ศิลปะ ของผม มันซึมแทรกอยู่ทั่วทุกหัวระแหงแห่งวิถีการใช้ชีวิต ทั้งรู้ไม่รู้

ส่วนถ้าใครเห็นว่าศิลปะไกลตัวคงเป็นเพราะนิยามศิลปะของเขามันอาจจะแคบเกินไป ก็เป็นได้
บันทึกการเข้า

ล้ำลึกคนึงหาในดวงจิต ใจเคยคิดตัดสวาทมิอาจสิ้น
ดั่งก้านบัวหักกลางชลาสินธุ์ ผิว่าสิ้นไร้เยื่อยังเหลือใย
เล่นตลกก็เป็นศิลปะแขนงหนึ่ง  เจ๋ง
บันทึกการเข้า


การที่เราไม่ขำมุขจักรี แสดงว่ามุมมองต่อศิลปะของเราแคบเิกินหรือเนี้ย  ฮือๆ~
บันทึกการเข้า

เราจะต้องการอะไรมากมายไปกว่า อะไรมากมาย
เราบอกกันว่า อาหารอร่อยไม่อร่อยมันก็แล้วแต่คนกิน
แต่ว่าอาหารที่มันไม่อร่อยนั้นมันก็มีอยู่จริง
บันทึกการเข้า

ในหมู่คนตาบอด คนตาบอดข้างเดียวได้เป็นราชา
เราบอกกันว่า อาหารอร่อยไม่อร่อยมันก็แล้วแต่คนกิน
แต่ว่าอาหารที่มันไม่อร่อยนั้นมันก็มีอยู่จริง

ชอบ  กร๊าก
บันทึกการเข้า

เราจะต้องการอะไรมากมายไปกว่า อะไรมากมาย

ต้องจำกัดวงขึ้นมาว่า

"ไกลตัว" นี่มันคืออะไร ขอบเขตอยู่แค่ไหน

และถามกับคนกลุ่มไหนด้วย



ผมว่าจะชัดเจนขึ้นครับ
บันทึกการเข้า

perfectionist
ถ้าพูดจากความรู้สึก
ก็ไม่รู้สึกว่าศิลปะเป็นเรื่องไกลตัว
แต่บางครั้งยากที่จะเข้าถึง ด้วยหลายเหตุเช่น แพง ตีความไม่ได้ ไม่เข้าใจ ฯลฯ
ที่นี้สิ่งที่มันยาก แล้วไม่ใช่ปัจจัย 4 ก็จำต้องถูกมองข้ามไปก่อน
มองว่ามันเป็นเรื่องของการจัดลำดับความสำคัญ
ศิลปะมักจะรุ่งเรื่องในยุคที่คนส่วนใหญ่อยู่ดีกินดี
เราจะให้ความสำคัญเมื่อพร้อมอย่างที่แอนว่าไว้

นี่ว่ากันแบบ Stereotype เลยละกันนะว่าภาพมันออกมาเป็นแบบนี้
รอให้เรารู้สึกว่าท้องเราอิ่มก่อน แล้วค่อยคุยเรื่องศิลปะน่ะครับ

(ตูใช้คำว่า "เรา" นะ)
บันทึกการเข้า

เราเป็นเช่นเราเชื่อ    :: tK ::    :: สีมา ::
 กรี๊ดดดดด+ให้ทุกคนเลยนะครับ
แล้วใครพอมีวิธีที่ทำให้เราเข้าถึงศิลปะได้มากกว่านี้ไหมครับ ปัจจุบันเท่าที่ผมดูการเป็นนักออกแบบหรือศิลปินได้รับการยอมรับกับแค่คนกลุ่มๆนึงเท่านั้น ขอถามอีกข้อครับ สมมุติมีป้าคนนึงได้รูปๆนึงมาเป็นรูปที่ดีมากๆแต่มีหมอดูมาทักว่ารูปนี้เป็นกาลากีณ๊ต้องเอาไปทำลายทิ้งซะอยากถามว่าป้าคนนี้จะทำอะไรกับภาพ(ขอให้นึกว่าป้าคนนี้เป็นคนไทยส่วนมากนะครับ)
ปล3. ของที่พี่แอนบอกผมมองว่าที่เราไม่รู้สึกอิ่มท้องเพราะเราไม่รู้จักพอมากกว่านะครับแล้วเมื่อไหร่เราทุกคนถึงจะรู้สึกว่าอิ่มท้องอะครับ การเสพศิลปะจริงๆผมว่าไม่จำเป็นต้องใช้เงินมากเลยนะครับแค่ไปเดินดูตามนิทรรศการหรือดูในโทรทัศน์ หรือดูสิ่งรอบๆตัวเราแล้วให้เวลากับสิ่งนั้นก็ยังได้เลยนะครับที่ๆผมอยากให้เป็นคือป้าขายข้างแกงมาเดินดูงานศิลปะหรือลุงขับรถแท๊กซี่คุยกันเกี่ยวกับงานออกแบบ 
ทุกวันนี้ทุกคนส่วนมากจะบอกว่าเสียเวลาทำมาหากินแต่ดันมีเวลาไปประท้วงมีเวลาดูละครหลังข่าว มีเวลาไปเดินเที่ยว
ทั้งๆที่สิ่งเหล่านั้นมันไม่สามารถเอามาเพิ่มเป็นมูลค่าได้เลย
ปล2. ศิลปะไม่จำเป็นต้องเป็นงานภาพวาดสีน้ำมันที่อยู่ตามแกลอรี่นะครับขอให้รวมพวกงานออกแบบไปด้วย
บันทึกการเข้า

คืองี้ ถ้าจะเอาคีย์เวิร์ดสักคำที่จะเป็นไกด์ให้ข้อมูลตีสิสของอิคคิว
เดาว่าน่าจะต้องเป็นคำว่า "รสนิยมทางศิลปะ" ครับ

มันจะฉีกออกจากประเด็นลึกซึ้งที่พี่โอดำหรือลุงอ๋าห์ว่าไว้ว่ากองขยะก็เป็นศิลปะได้
นั่นเพราะเรามองมันยังงั้นไงครับ - แบบเดียวกะที่ฝรั่งมองอะไรที่เว้รี่ไทย ..ว่ามันคืออ้าร์ต และเท่

ย้ำที่บวบบอกว่า มาถามคนแถวนี้ก็ไม่ได้คำตอบที่เป็นมวลรวมหรอก
เพราะพวกนี้มันมองกันอีกแบบกับคนไทยเยอะแยะมากมายอยู่แล้ว



เล่าให้อ่านเล่นๆ อันนึง
ตอนที่ไปซื้อของแต่งบ้าน แล้วเดินเข้าร้านที่เขาขายของแต่งบ้าน
จะมีของบางอย่าง(เช่นภาชนะหวาย) ที่มันดูบ๊านบ้าน ทำมื้อทำมือ แต่ราคานี่อยากจะกระโดดโหม่งเต้าหู้ตาย
ในขณะเดียวกันพอไปแถวปทุม เข้าไปในร้านขายอุปกรณ์การเกษตร เพื่อจะหาซื้อไอ้ของชนิดเดียวกันนี่แหละ
ปรากฏว่าราคามันถูกมากจนน่าตกกะใจ เลยซื้อมาจากร้านนั้นแหละ
บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ
ถ้าอิคคิวถามว่า ให้คนไทยเข้าถึงศิลปะได้มากกว่านี้ ทำได้ยังไง
ต้องบอกว่า ใช้วิธียัดเยียดครับ  ฮิ้ววว

แต่ต้องเป็นการยัดเยียดแบบไม่รู้ตัวนะ  ฮิ้ววว
ต้องอาศัยทั้งวงการสื่อ ทั้งวงการออกแบบ ทั้งวงการการศึกษา ช่วยๆกันส่งผ่านเรื่องนี้เข้าไปในเรื่องประจำวัน หรือการรับรู้ประจำวัน
ทำให้คนทั่วไปรู้สึกว่า งานออกแบบและศิลปะ มันอยู่รอบๆตัวเรา  มันไม่ใช่แค่เรื่องในแกลอรี่ เรื่องในวงการศิลปะ เรื่องในวงการคนรุ่นใหม่

อุปกรณ์การดำรงชีวิต หนัง ละคร โฆษณา เสื้อผ้า การใช้ชีวิต อุปกรณ์การทำงาน วิถีการทำงาน งานศาสนา งานประเพณี ไปจนถึง ความตาย
มันมีศิลปะเข้าไปรวมอยู่ด้่วยในทุกเรื่อง ถ้าเราทำให้คนทั่วไป รับรู้ว่า มันคือสิ่งชินตา สิ่งซึ่งเราสร้างสรรใหม่เองได้ หรือมีความสุขที่ได้ใช้มัน
ศิลปะก็เข้าถึงคนทั่วไปได้ง่ายขึ้นครับ เพราะเราจะไม่เคอะเขินที่จะทำ ที่จะรับรู้หรือแสดงออก เพราะใครๆทั่วไปเค้าก็ทำกัน เค้าก็แสดงออกกัน
การจะไปแก้เรื่องอะไรสักอย่าง มันต้องใช้เวลาและความเคยชินเข้าช่วย มันถึงจะเปลี่ยนไปได้ในวงกว้าง

แต่ที่สำคัญที่สุด คือ ทัศนคติของคนที่เกี่ยวข้องในแต่ละฝ่ายครับ ถ้าในวงการยังมีคนแบบ อดีตนายกสมัคร หรือ คนในกองเซนเซอร์
ี่ัตัดหนังด้วยความรู้สึก ไม่ได้ตัดด้วยความรู้แล้วเนี่ย ยังไงศิลปะก็ยังเข้าถึงคนทั่วไปยากครับ เพราะแม้แต่คนที่มีหน้าที่ชี้นำคนอื่น ยังคิดได้แค่นี้
ก็อย่าคาดหวังอะไรต่อจากนี้เลยครับ

สรุปของแบบนี้ ต้องทำเป็นวงกว้าง ต้องร่วมมือกันหลายฝ่าย ซึ่งมันจะยากก็ไอตรงนี้แหละครับ ที่จะทำให้คนทั่วทุกวงการมีทัศนคติิที่ตรงกัน

แต่ในปัจจุบัน ผมมองว่า เรื่องศิลปะ เข้าถึงคนทั่วไปได้มากขึ้นแล้วนะครับ เพราะวิถีชีวิตคนในปัจจุบัน
เปลี่ยนไปจากแต่เดิมเยอะ การออกแบบและศิลปะ เข้าถึงคนกลุ่มมากด้วยสื่อทีวี วิทยุ อินเตอร์เน็ท ยิ่งโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่
ที่ไม่ได้โตมาด้วยแนวคิดที่ว่า มันเป็นเรื่องของงานช่าง เป็นเรื่องของศิลปินวาดรูปไส้แห้ง พวกศิลปินสกปรก วันๆเอาแต่บ้าๆบอๆ ไม่ทำมาหากิน
ผมว่า อาจต้องใช้เวลาอีกสัก 1-2 ช่วงอายุคน ทัศนคติเรื่องงานศิลปะก็จะเข้ามาในหมู่คนไทยมากขึ้นไปเรื่อยๆครับ

่เรื่องมันก็วกกลับมาสู่ วงการออกแบบและศิลปะเองอีกนั่นแหละครับ
ว่าเราจะป้อนข้อมูลการรับรู้เรื่องศิลปะ ให้คนทั่วไปได้รับรู้ ดีชั่วมากน้อยแค่ไหน  ฮิ้ววว

แต่ก็อีกนะ ถ้าตีความเรื่องศิลปะกว้่างๆจริงๆ อย่างที่แอนว่า เรื่อง "รสนิยมทางศิลปะ" ของคนไทย มันไปในทางไหน มันก็อาจไปอีกแนวทางเลยนะ วัฒนธรรมการแต่งตัวแบบ บ้านๆ รสนิยมศิลปะทางละคร แบบ ละครหลังข่าว ตบตี ความรุนแรง หรือ วัฒนธรรมการแต่งตัว ทาหน้าทาตา สีสันฉูดฉาด กับกางเกงขาสั้นสีสันแสบๆ แบบ แวนซ์หรือสก๊อย มันก็เป็นถือศิลปะที่เค้าใช้กัน หรือ แสดงออก อย่างหนึ่ง

ซึ่งถ้าเราถือว่ามันไม่เป็นศิลปะก็คงไม่ใช่ เพราะเค้าก็คิดว่ามันดี เค้าถึงแสดงออกกัน
แต่ก็อาจจะขัดกับการรับรู้ของเราว่ามันแปลก แต่จะว่าของเค้าไม่ดีก็คงไม่ได้
ดังนั้น จะบอกว่า ศิืลปะ ห่างจากคนไทย คงไม่ได้หรอกครับ แต่ไม่รู้ัตัวมากกว่า
ต้องตั้งใหม่เป็นว่า ศิลปะที่เป็นศิลป๊ะ ศิลปะ ต่างหาก ที่คนไทยดูว่ามันไกลตัวไป ถึงจะถูก

เรื่องนี้คงต้องคุยกันยาวแน่ๆครับ  กร๊าก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30 ก.ค. 2009, 11:10 น. โดย O.D.M. » บันทึกการเข้า

- R u Happy with ur Rock&Roll ? -
นั่นแหละๆ
เรายังไม่รู้ไงครับว่าไอ้ของที่มีอยู่น่ะมันเจ๋ง
มันมีรากมีเหง้าที่โคตรแข็งแรง แต่ไม่รู้เลยว่าอ้าว กูมีอะไรแบบนี้ด้วยเหรอ มันสำคัญด้วยเหรอ
ถ้าหันไปมองญี่ปุ่น เอารายการเกมซ่าท้ากึ๋นมาดูก็ได้
อันนั้นคือเขาข้ามเส้นคำว่าศิลปะประเพณี อนุรักษ์บูชาไปแล้ว
คือนี่เลย มึงเอาส้นตีนอะไรมาโชว์ก็ได้เลย ไม่ต้องรำไทย ไม่ต้องกิโมโน
ไม่ต้องอะไรสักอย่างให้ดูเกร็งหรือดูสูงส่ง
แต่กลับโคตรศิลปะเลย มันโคตรญี่ปุ่นเลย
บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ
นั่นแหละ แอน คือบางที คนเราคิดว่าไกลตัว เพราะเราเอา Reference มาจากข้างนอกไง
ว่า ศิลปะ คือ อาจารย์ศิลป์ ศิลปะคือ ปิกัซโซ่ ศิลปะคือ โพสท์โมเดิร์น อาร์ท นูโว ป๊อปอาร์ท คือ ปารีส มิลาน ซิกกราฟ หรือ ถวัลย์ ดัชนี
อะไรทั้งหลายแหล่นั่น โดยไม่ได้ดูรอบๆตัวว่า จริงๆแล้ว แค่การต้มผัก วาง เคียงกับ ถ้วยน้ำพริก โรยพริกสีสันสดๆลงไปเพื่อตกแต่ง
นั่นก็โคตรศิลปะแล้ว อาหารไทยหน้าตาดีๆหลายต่อหลายอย่าง ที่คนทำไม่รู้ว่ามันคือศิลปะการจัดวาง
บางทีเจ๋งกว่าการจัดจานแบบฝรั่งเศสอีกนะครับ

ผมเองโตมากกับการที่ แม่และยาย ทำผักแกะสลักไว้กินกับน้ำพริกมาตั้งแต่เด็กๆ
ซึ่งนี่แหละ โคตรศิลปะของแท้ที่คนไทยเสพเป็นเรื่องปรกติในสมัยก่อน และสืบทอดโดยไม่เคอะเขิน
การนุ่งผ้าถุง จริงๆผมว่ามันก็เป็นศิลปะอย่างนึงนะ ไม่ต้องถึงขั้น โจงกระเบนหรอก
การใช้ชีวิตโดยการนุ่งผ้าถุงลายแสบสัน กับ เืสื้อสีเจ็บๆนี่ มันอิมเพรสชันนิสท์ ชัดๆ ผมชอบมากเวลาเห็นชาวบ้านแต่งตัวแบบนี้
ยิ่งวัฒนธรรมทางภาคอิสาน ที่แต่งชุดสีสันจัดจ้าน นี่ก็โคตรป๊อปอาร์ทเลย สติกเกอร์ตามรถบรรทุกอีก ศิลป๊ะ ศิลปะ
ซึ่งถ้าโยงกลับไปกับคำถามเดิมว่า  ศิลปะไทย จริงๆเป็นยังไง นี่แหละครับ ศิลปะที่แสดงความเป็น ไท๊ย ไทย เลยล่ะ

เรื่องของเรื่อง คนไทยเรากลัวเรื่องความไ่ม่รู้ไงครับ คนไทยเราไม่ชอบยอมรับว่า เราไม่รู้
เราเลยไม่ค่อยกล้าแสดงออก ทาง รสนิยมศิลปะที่เรามี โดยกลัวว่า คนอื่นจะว่าเราเชย ไม่รู้อะไรใหม่ หรือกลัวแตกต่างจากคนอื่น
รากวัฒนธรรมเราไม่แข็งแรงครับ เราเลยโอนตามแรงลมได้ง่ายมาก เราไม่ค่อยกล้า้ค้านกระแส แต่เราชอบตามกระแส
ถ้าเราทำให้ "ศิลปะ ทั้งแขนงโดยตรง และการรับรู้ว่าศิลปะเป็นเรื่องใกล้ตัว ทำเองได้ สร้างสรรเองได้
ศิลปะไม่ใช่ วาดภาพเหมือน ไม่ใช่ลายไทย ไม่ใช่ปูนปั้น ไม่ใช่ของสูง ไม่ใช่สิ่งจับต้องไม่ได้" เป็นกระแสได้
เดี๋ยวคนไทยก็ตามกระแสเองแหละครับ แล้วมันก็จะฝังรากลงไปในชีวิตของเราๆกันเองแหละ
บันทึกการเข้า

- R u Happy with ur Rock&Roll ? -
อ้ะ ทีนี้พอจูนเข้าใจตรงกันแล้วก็ต้องกลับมามองสภาพการณ์ปัจจุบันครับ
รู้สึกได้เลยว่าเวลามองซ้ายมองขวาตามถนนหนทาง มันจะมีอะไรขัดลูกกะตาเต็มไปหมด
อันนี้พูดในเรื่อง "รสนิยมทางศิลปะ" (โดยข้ามขั้นตอนของการถูกมองว่าเราไปว่าเขาหรือเปล่า ไปแล้วนะครับ)

อย่างป้ายงานวัดเนี่ยเคยเขียนคุยกะห้าโอในบล็อกมิดชิด
คือแสดงความเสียดายอย่างออกหน้าออกตาเลยครับ
ว่าเมื่อก่อนนี้เวลาขับรถกลับบ้านทีนึงก็อยากจอดถ่ายป้ายงานปิดทองฝังลูกนิมิต
ที่แต่ละวัดจะให้พระให้เณรฝีมือเก๋าๆ มาดีไซน์ แล้วมันเท่จนไม่รู้จะเท่ยังไง
แต่ละวัดนี่งัดสไตล์มาแข่งกัน ดูแล้วสนุกมากครับ

ผ่านไปแค่ 2 ปี ถึงยุคเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยี+ธุรกิจ
กลายเป็นว่ากลับบ้านทีมองข้างถนน
ทุกป้ายมันกลืนกันหมดเลย อยู่ในโลกธุรกิจอิงก์เจ็ต ง่ะ
บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ
หน้า: 1 [2] 3 4 5 6
 
 
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2007, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!