หน้า: 1 2 3 4 5 [6]
 
ผู้เขียน หัวข้อ: ทำไมคนไทยจึงรู้สึกว่าศิลปะเป็นเรื  (อ่าน 27624 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 ขาจร กำลังดูหัวข้อนี้
ศิลปะใกล้ตัวเรามากเลยนะ
ถ้าเรามองทุกอย่างเป็นศิลปะ อืมมมมห์
แต่ทุกคนจะเข้าใจและเข้าถึงศิลปะนั้น ก็แล้วแต่ความรักความชอบ การศึกษา หรือรับรู้มากแค่ไหน
บันทึกการเข้า

กำลังโหลดข้อมูล .....
ประเทศเราตัวใครตัวมันน่ะครับ ทำงานศิลปะด้วยกัน ยังไม่ดูกันเองเลยครับ
งานของก๊กเราเราก็ดู งานของคนอื่นเราก็ขี้เกียจดู
อันไหนเจ๋งแต่ไม่ใช่พวกเรามันก็งั้นๆแหละ มันเก่งมาจากไหนวะ

เป็นที่นิสัยสันดานของคนไทยน่ะครับ
ผมว่างานศิลปะของคนไทยนี่ดีนะ คนที่สนใจก็มีเยอะ
แต่ว่าต่างคนต่างอยู่น่ะ กูก็ทำของกูอย่างงี้ดี กูชอบของกูอย่างงี้ดี
มึงก็ดูของมึง กูก็มีของกู ดีแล้วชาตินี้ไม่ต้องมาข้องแวะกัน

มองรวมๆมันก็เลยไม่เห็นน่ะครับ หรือเห็นก็เป็นกลุ่มเล็กๆ แยกๆกันไป

ผมก็ว่าแบบนี้แหละ
แบบนั้นแหละ

ผมเองก็เป็น
มึงเก่งมาจากไหนวะ

ฉะนั้นทางออกแบบไทยๆ ก็คือ
มึงต้องทำให้กูยอมรับเหมือนกัน
ว่ามึงเก่ง มาจากไหน แล้วจะลงให้ อิอิ

มึงๆกูๆ นี่เป็น บริบทอื่นนะครับ
ผมไม่ได้พูดหยาบกับท่านหรือใคร ยิ้มน่ารัก

ผมว่าสังคมประเทศไหนก็คือๆกันมั้ง 
บันทึกการเข้า

ศิลปะไกลตัว
การเมืองก็ไกลตัวด้วยไหม

คนไทย คิดเหมือนกันไหม

ปากท้องมาเกี่ยวทั้งสองเรื่องเลยนะ

ผมก็เห็นด้วยเรื่องไกล ใกล้นะ


ถ้าจะตีความว่า
เรื่องไหน ไกล ตัว ....  เราไม่สนใจ
เรื่องไหน ใกล้ ตัว .... เราถึงจะสนใจ

ยังงี้ถูกมั้ย

ถ้างั้น...
ถ้าเราทำอยากทำเรื่องไหนให้คนไทยรับรู้
ก็ทำมันให้เป็นเรื่องใกล้ตัวซะ
...จะได้มั้ย

เช่น
ไข้หวัดหมู ตอนแรก เห็นอยู่แต่ต่างประเทศ ก็ไม่ค่อยสนใจเท่าไร
แต่ตอนนี้การใส่หน้ากากก็กลายเป็นเรื่องปกติ

บันทึกการเข้า

ผมก็เห็นด้วยเรื่องไกล ใกล้นะ


ถ้าจะตีความว่า
เรื่องไหน ไกล ตัว ....  เราไม่สนใจ
เรื่องไหน ใกล้ ตัว .... เราถึงจะสนใจ

ยังงี้ถูกมั้ย

ถ้างั้น...
ถ้าเราทำอยากทำเรื่องไหนให้คนไทยรับรู้
ก็ทำมันให้เป็นเรื่องใกล้ตัวซะ
...จะได้มั้ย

เช่น
ไข้หวัดหมู ตอนแรก เห็นอยู่แต่ต่างประเทศ ก็ไม่ค่อยสนใจเท่าไร
แต่ตอนนี้การใส่หน้ากากก็กลายเป็นเรื่องปกติ



ทำได้ครับ เช่นการที่เขาทำนิทรรศการ กราฟฟิก อะไรนั่นแหละ
ถือเป็น กลวิธี ทำให้ศิลปะลงมาใกล้ตัวในระดับนึง แต่ก็แค่ระดับนึง
แล้วก็ เอาใจช่วยอย่างน้อยดีกว่าไม่ทำอะไร
แต่มองภาพรวม โดยทั้งหมดก็ไกลอยู่ดี

การใกล้ และไกล มันต้องมีจุดทะเทือนใจนะครับ
เหมือน เคอิโงะ เหมือน แพนด้า เหมือนอะไรต่อมิอะไรนั่นแหละ

บันทึกการเข้า

ประเทศเราคนส่วนใหญ่ยังต้องวิ่งเพื่อให้อยู่รอดไปวันๆ...
ไม่มีเวลามาสนใจกับสิ่งที่กินไม่ได้...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14 ส.ค. 2009, 13:28 น. โดย Oamag » บันทึกการเข้า

"Life was like a shit. You never know what you're gonna get."
ประเทศเราคนส่วนใหญ่ยังต้องวิ่งเพื่อให้อยู่รอดไปวันๆ...
ไม่มีเวลามาสนใจกับสื่งที่กินไม่ได้...


ชัดเจน เลยครับ
บันทึกการเข้า

แถวบ้านผมคาราโอเกะเป็นที่นิยมมากนะครับ
แทบทุกบ้านมีเครื่องเล่นคาราโอเกะ และร้องรำกันเป็นประจำ

หรือเราไม่รวมว่าการร้องรำทำเพลงเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง
บันทึกการเข้า

        AH_LuGDeK, AH_LuGDeK_R
แถวบ้านผมคาราโอเกะเป็นที่นิยมมากนะครับ
แทบทุกบ้านมีเครื่องเล่นคาราโอเกะ และร้องรำกันเป็นประจำ

หรือเราไม่รวมว่าการร้องรำทำเพลงเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง

อาจจะต้องแยกว่า นั่นเป็นการหย่อยใจ
เป็นไปได้ไหม

จั๊งซี่มันต้องถอน
บันทึกการเข้า

จริงๆ แล้ว ศิลปะ กับคนเราขาดกันไม่ได้นะครับ  
ในขณะที่เราต้องการการอยู่รอดทางรูปธรรม ไม่ว่าจะปัจจัยสี่ต่างๆ

แต่ในขณะเดียวกันเราก็ต้องเสพศิลปะไปด้วยโดยไม่รู้ตัวอยู่แล้ว เพื่ออะไร
ก็เพื่ออยู่รอดเหมือนกัน เพราะเราไม่ใช่ผีดิบที่ เอาชีวิตอยู่ไปวันๆ
อย่างน้อยก็อยากได้อะไรที่เป็นนามธรรมมาจรรโลงใจเพื่อความอยู่รอดบ้าง
บันทึกการเข้า

ล้ำลึกคนึงหาในดวงจิต ใจเคยคิดตัดสวาทมิอาจสิ้น
ดั่งก้านบัวหักกลางชลาสินธุ์ ผิว่าสิ้นไร้เยื่อยังเหลือใย
ไอ้เรื่องจะไกลตัวหรือว่าใกล้ตัวผมว่าคนอยู่กับความเป็นอยู่และความสนใจส่วนบุคคลน่ะคับ
บางคนเค้าก็สนแต่ที่จะทำงานหาเงินเพื่อปากเพื่อท้องจะให้เอาเวลามาเสพหรือชื่นชมกะสิ่งเหล่านี้มากก็คงยาก
บางคนมีฐานะหน่อยเค้าก็มีเวลาว่างพอที่จะมานั่งเสพสิ่งพวกนี้
แต่ถ้าถามผมว่าสิ่งเหล่านี้คนเราชมควรมีมันในตัวหรือสนใจมันมั้งไหม
ผมคงบอกได้แค่ว่า
ถ้าคนเราไม่มี"ศิลปะในหัวใจเราก็คงไม่ต่างจากเครื่องจักรที่มองสิ่งต่างๆที่อยู่ข้างหน้าโดยไม่รู้ว่ามันสวยงามหรือล้ำค่าขนาดไหน"
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 3 4 5 [6]
 
 
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2007, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!