ประวัติฟอนต์ของไทย- ในยุคแรกการพิมพ์จะใช้หัวตะกั่วซึ่งถ้าต้องการตัวอักษรให้ใหญ่ขึ้นต้องใช้ตะกั่วอีกชุดเลย
-
บรัดเล ฟอนต์แรกคิดค้นโดยหมอบรัดเล ซึ่งเมพมากๆที่สามารถแปลงตัวอักษรที่โย้ไปเย้มาจากลายมือคนมาเป็นอักษรเป็นตัวๆได้ เช่น ป ควรมี 2 ขีดตั้ง และมีขีดแนวนอนเชื่อมกันนะ
-
ธงสยาม เกิดในยุคล่าอาณานิคม เรามีเพื่อให้ชาติอื่นเห็นว่าเราไม่ล้าหลังนะ มีฟอนค์ัใช้กะเค้าด้วย
-
ฝรั่งเศส ฝ ฝา มีปลายเป็นปลายตัด เฉียง 45 องศา ศ ศาลามีส่วนหนาบางแ้ก้ปัญหาหมึกเยิ้ม ไม้เอก ส่วนบนจะหนากว่าส่วนล่าง ตัวนี้ port มาใช้ในยุคนี้ในชื่อ Angsana
- การออกแบบฟอนต์สมัยก่อนต้องคำนึงถึงเรื่องหมึกเยิ้ม หมึกขาดด้วย เช่น ป ปลา ทำให้เส้นแนวตั้งหนาไว้ ส่วนเส้นแนวนอนให้บางได้ ถ้าส่วนแนวนอนหายก็ยังอ่านเป็น ป ได้อยู่
-
Monotype เมื่อเทคโนโลนีพัฒนาไปมากขึ้น เราสามารถพิมพ์แบบหมึกไม่ิเยิ้มได้แล้ว ตัวอักษรแบบนี้จึงเกิดขึ้น มีลักษณะคือ ความหนาเท่าักันทั้งหมดทุกส่วนของตัวอักษร ตัวอย่างได้แ่ก่ Browallia
- Serif แปลว่า มีตีน (แปลโดยพี่แอนนนนน) เป็นตัวอักษรแบบมีหาง
- Sans Serif แปลว่า ไม่มีตีน เป็นตัวอักษรแบบโดนตัดหาง (ปล่อยวัด) (Sans เป็นภาษาฝรั่งเศส แปลว่า ปราศจาก without)
-
มานพติก้า คิดค้นโดยคุณมานพ เทพแห่งตัวอักษรแบบขูด (ที่เคยใช้ัักันตอนเด็กๆนั่นแหละ) เป็นตัวอักษรภาษาไทยแนวโมเดิร์นที่เป็นอักษรไม่มีหัว แบบมาจาก Helvatiga
-
ทอมไลท์ เส้นของตัวอักษรด้านบนจะเท่าักันทุกตัว ใช้เป็นส่วนของเนื้อความ อักษรแบบนี้เค้าว่าเวลาอ่านกวาดสายตาจะ smooth ไม่สะดุดกับอักษรตัวใดตัวหนึ่ง ตัวนี้ port มาใช้ในยุคนี้ในชื่อ Cordia ต่อมามีบริษัทหนึ่งเอาไปพัฒนาต่อให้อ่านง่ายขึ้นอีกเป็นฟอนต์ชื่อ DB soda
-
เอราวัณ เป็นตัวอักษรอ้วนๆที่เวลาเอามาใช้พาดหัวแล้วจะเด่น มาในยุคที่มีแมคอินทอชแล้ว (พี่แอนบอกให้ลองหาหนังสือพิมพ์ที่ประกาศยุบสภาหลายๆครั้งมาเทียบขนาดอักษรกันดู เพราะคำนี้จะต้องเป็นตัวที่๊ใหญ่ที่สุดที่จะทำได้ ปี 38 มีพาดหัวใหญ่ที่สุดเท่าที่มีในสมัยนั้น)
-
ฟอนต์แห่งชาติ เป็นฟอนต์ที่จัดประกวดโดย Nectec เพื่อหาฟอนต์ฟรีที่ทุกคนใช้ได้ (Angsana หรือฟอนต์ต่างๆที่มากับ Windows จริงๆแล้วมันไม่ฟรีนะจ๊ะ)
- ปี 40 เิกิดตำรามาตรฐานอักษรไทยของบัณฑิตยสถาน ว่า ก ควรเป็นยังไง ข ควรเป็นยังไง (อันนี้รู้สึกพี่ร่มจะมี)
- ตัวเลขแบบ old style มีลักษณะที่ตัวเลขแต่ละตัวไม่ได้เรียงอยู่ในแนวเดียวกัน แต่ทำให้กวาดสายตาแล้วอ่านง่ายกว่าแบบที่อยู่ในแนวเดียวกัน
note
อ่านประวัติฟอนต์อย่างละเอียดได้ที่นี่