GT200 (แตกหน่อ) » ฟอนต์.คอม

เรื่องหมอพรทิพย์

ปาดนวลแล้วกันครับ

ผมเองรู้จักหมอพรทิพย์ครั้งแรกก็ตอนคดีหมอเสริม เป็นการรู้จักผ่านหน้าหนังสือพิมพ์ ก็ไม่ได้มีอะไร รู้ว่าแกเป็นหนึ่งในแพทย์นิติเวชที่ร่วมในคดีนี้ ... อีกคดีก็คดีนายห้างทอง
ผ่านไปหลายปี ได้เข้าเรียนในคณะแพทย์ของมหิดล มีโอกาสได้ฟังการบรรยายที่หมอพรทิพย์เข้ามาบรรยายเรื่องนิติเวชให้นักศึกษาแพทย์ฟัง

ตอนนั้นผมไม่มีความรู้เรื่องแพทย์เลยเพราะเพิ่งเรียนปี 1
แต่สิ่งที่จับใจความได้คือ
หมอพรทิพย์แกด่าแหลก
ด่าตำรวจ
ด่าแพทย์นิติเวชศิริราชอย่างออกหน้าออกตา
ผมใช้คำว่าด่า ... ไม่ใช้คำว่าตำหนิหรือติติง เพราะวันนั้น มันคือการด่าและกล่าวหาจริงๆ ... แรงกว่าเวลาออกทีวีมากมายนัก

แต่ตอนนั้นไม่มีใครค้านอะไร ผมเองก็เก็บความสงสัยเอาไว้
อาจารย์ที่คณะผมเลวอย่างนั้นเลยหรือ
แล้วทำไมคนทุกคนดันพร้อมใจเป็นคนเลวกันไปหมด

ผมเก็บความสงสัยไว้ และรู้สึกไม่ค่อยชอบหมอพรทิพย์เท่าไหร่ ... คนที่โยนสิ่ไม่ดีให้คนอื่นหมด แล้วตนเองทำดีคนเดียว มันดูแปลกๆยังไงไม่รู้

เวลาผ่านไป ผมไปเรียนจนกระทั่งถึงปี 6 ได้เรียนในวิชานิติเวชพื้นฐาน
ตอนนั้นแหละที่ได้เจอฤทธิ์เข้า

1. หมอพรทิพย์ระบุว่าการตรวจศพต้องทำโดยแพทย์นิติเวชเท่านั้น
ตอนนั้นอาจารย์กำลังอยู่ในช่วงที่โมโหๆกัน คุยไปคุยมาเลยรู้ว่าหมอพรทิพย์เสนอว่าการผ่าศพทุกรายที่เกิดขึ้น ต้องทำโดยนิติแพทย์เท่านั้น ไม่ว่าจะขั้นตอนการเลื่อยกระโหลก ชั่งน้ำหนักชิ้นส่วน ผ่าศพเย็บศพ
ซึ่งเวลานั้นมีหมอนิติเวชในเมืองไทย 40กว่าคน มันทำไม่ได้อยู่แล้ว
มีการประชดจากอาจารย์ในภาคบ้างว่า คนพูดก็ยังทำไม่ได้

2.เรื่องพิสูจน์DNA
ช่วงนั้นมีข่าวเด็กที่หายสาปสูญไปหลายปีแล้วไปเจอศพที่เหลือแต่กระดูกในร่องน้ำ เสื้อผ้าเครื่องใช้ตรงกัน
ตอนนั้นแม่เด็กมั่นใจว่าเป็นลูกตัวเอง แต่กระแสDNAดังมาก ก็เลยขอตรวจDNA
หมอที่ชันสูตรคือศิริราช ... ก็เลยเอากลับมาทำ โดยแม่เด็กขอให้หมอพรทิพย์ตรวจด้วย
ปัญหาคือกระดูกแช่ในน้ำมาหลายปี การสกัดDNAก็ยากอยู่ก็ใช้เวลา
อีกอย่างเด็กหายไปหลายปีแล้วหลักฐานอื่นก็ตรงกัน ก็เลยไม่รีบร้อน ที่ศิริราชใช้การตรวจแบบละเอียด จำไม่ได้ว่าตรวจ 12หรือ16ตำแหน่ง โอกาสผิดแทบไม่มี ... ผลก็เลยออกในช่วงเสาร์อาทิตย์แล้วมาออกข่าวช่วงวันจันทร์
หมอพรทิพย์มาออกข่าวในระยะนั้นว่า ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไมศิริราชไม่ประกาศผล ทั้งที่การทำก็ใช้เวลาไม่นาน .... และบอกเสริมไปประมาณว่านิติเวชศิริราชอาจจะมีศักยภาพไม่เพียงพอ หรือไม่ก็ต้องการให้ผลแตกต่างเพื่อdiscreditหมอพรทิพย์

ผมมารู้อีกทีตอนที่ประชุมตอนเช้า อาจารย์บอกให้ฟังว่าlabตัวที่หมอพรทิพย์ใช้ เป็นแบบตรวจDNA4ตำแหน่งซึ่งโอกาสผิดพลาดสูง
- ผิดพลาดแบบแรก อาจจะตรวจได้ไม่ละเอียด ทำให้ตรวจผิด ไม่ใช่ศพเด็ก แต่กลายเป็นว่าฏNAมาตรงกันเพราะตรวจน้อยไป
- แบบสอง กระดูกที่ปนเปื้อนเชื้อโรคและสิ่งต่างๆมาหลายปี มีโอกาสที่จะทำให้เวลาตรวจแล้วผลDNAบอกว่าไม่ใช่ ทั้งๆที่จริงๆแล้วใช่
ซึ่งยอมไม่ได้
เพราะถ้าตรวจแล้วบอกว่าไม่ใช่ทั้งที่จริงๆถูกต้องแล้ว ... แม่เด็กก็จะต้องตามหาศพลูกไปตลอดชีวิต(ทั้งที่จริงๆหาเจอแล้ว)

ที่ภาควิชาก็เลยทำแบบละเอียดและทำซ้ำสองครั้ง เพราะเห็นแก่แม่เด็กมากกว่าเห็นแก่ชื่อเสียงในหน้าหนังสือพิมพ์

นอกจากนี้พอไปที่หน่วยที่ทำเรื่องDNA ก็เจอคนบ่นให้ฟังถึงกรณีตรวจDNAที่ผลผิดพลาดจนบ้านเกือบแตก แต่พอมาตรวจที่ศิริราชก็เลยรู้ว่าที่ตรวจมาก่อนนั้นผิด

3. เรื่องวิถีกระสุนนายห้างทอง
หมอพรทิพทย์ทำให้กลายเป็นเรื่องคดีฆาตกรรม โดยพยายามอธิบายเรื่องต่างๆที่อาจจะเป็ฯไปได้
แต่คำอธิบายหลายข้อมันไม่ตรงตามหลักวิทยาศาสตร์

อย่างเช่นกรณีวิถีกระสุนลูกเล็กๆในสมอง ที่หมอพรทิพย์ตีความว่ามุมยิงเป็นแบบนึง ... ซึ่งเป็ฯท่าที่ผิดปกติและเป็นไปได้น้อย ... ก็เลยสงสัยว่าฆาตกรรม
ที่หมอพรทิพย์ตีความผิด เพราะไปมองว่ากระสุนเวลาโดนยิงจะแผ่เป็นรูปพัด ... แกก็เลยไปหาแนวที่จะทำให้กระสุนเรียงตัวเป็ฯรูปพัดได้ ... ซึ่งแนวที่ออกมามันผิดปกติมาก
แต่แกลืมไปว่ากระสุนลูกปรายเวลายิงเข้าไปข้างในความเร็วจะลดลง ทำให้พอไปชนกระโหลกหรือกระดูกแล้วมันจะกระเด้งไปกระเด้งมา ทำให้วิถีกระสุนไม่ตรงไปตรงมาไม่เป็นรูปพัด
มีคนบอกแกเรื่องนี้หลายทีแต่แกก็ไม่ฟัง ... หาว่าคนอื่นเตือนเพราะจริงๆอิจฉา
แต่ที่จริงเค้าเตือนเพราะหวังดี และกลัวหน้าแตก เพราะเรื่องกระสุนสะท้อนเป็นเรื่องที่ควรจะคิดได้ตั้งแต่แรกๆ
ยังยกเอากะโหลกเรซิ่นขึ้นมาว่าจะทดลอง ... ซึ่งมันไร้สาระมาก เพราะเรซิ่นกับสมอง มีความหนาแน่นไม่เท่ากัน ห้ามเอามาทดลองแบบนั้นอยู่แล้ว
เพราะผลจะไม่ตรง

4. เรื่องคดีนักกีฬายิงปืนถูกยิง 5 นัดก่อนตาย
หมอพรทิพญืด่าออกทีวีเรื่องว่าคนโดนยิงหัว 5 นัดจะรอดได้ยังไง ...แล้วก็ด่าแพทย์สถาบันอื่นออกทีวีในรูปแบบรุนแรง
ความเป็นจริงคือ คนที่โดนยิงเจอไป4นัดที่ปอด ก็เลยยังไม่ได้ตายทันทีและมีแรกยกปืนมายิงหัว

5. สึนามิ
ง่ายๆว่า สโลแกนที่ว่า เราจะพาเขากลับบ้าน ... ที่จริงอาจจะเปลี่ยนเป็น เราจะไม่ให้พวกเขาได้กลับบ้าน ก็ได้ ....
เพราะเล่นทำงานตามใจตัวเอง ไม่ทำตามหลักการทางนิติเวช ไม่สนใจตำหนิอื่นใด จะเอาแต่DNAอย่างเดียว
พอเสร็จก็ฝังทันที ไม่ให้ตรวจสอบต่อ ...
ไม่ยอมบันทึกตามหลักนิติเวช ทำให้งานสานต่อไม่ได้
สุดท้ายของที่หมอพรทิพย์ก็ต้องเอากลับมาตรวจใหม่เกือบหมด

แถมแกยังด่าหมอรพ.อื่นออกทีวีไว้มากมาย
ด่าว่าไม่มีใครมาช่วย ... ทั้งที่ตอนนั้นช่วยอยู่ แต่ไม่ได้ช่วยกับแกเท่านั้น

ตอนประชุมวิชาการเรื่องทั่วไป ไม่เพีัยงหมอนิติเวช ... แต่ทั้งหมอฟันและหมออุบัติเหตุที่มีโอกาสได้ไปช่วยในพื้นที่จริงๆก็ต่างพากันขึ้นไปเล่าประสบการณ์ที่เจอแกสู่กันฟัง
ว่าแกทำงานเจ๊งไปมากแค่ไหน

จริงๆบางคนเปรียบไว้ว่า โง่แล้วทำงาน ... น่ากลัวกว่าโง่แล้วอยู่เฉยๆ ... เพราะยิ่งทำเรื่องยิ่งยุ่ง

เอาแค่นี้ก่อแนแล้วกัน

	ผู้เขียน	หัวข้อ: GT200 (แตกหน่อ) (อ่าน 63823 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 ขาจร กำลังดูหัวข้อนี้