หน้า: 1 2 3 4 5 6 [7]
 
ผู้เขียน หัวข้อ: สอนเกรียนเขียนเรื่อง "รัก"  (อ่าน 21722 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 ขาจร กำลังดูหัวข้อนี้
...ตอนที่ ๖....

ไม่รู้ว่าเปิดเทอมมานานแค่ไหนแล้ว ผมที่เคยเกรียนตอนนี้ได้เปลี่ยนเป็นรองทรง
สั้นที่ปล่อยข้างหน้าไว้หวีตั้ง เสื้อผ้าใหม่เริ่มเก่าลมร้อนค่อยๆ พัดผ่าน .. ลมฝน
พัดมาแทนที่ หลังคารถคันเดิมไร้กองทัพนักเรียนบ้านนอกถูกแทนที่ด้วยความเปียกปอน
และขังนองไปด้วยน้ำฝนที่พรมลงมาตลอดทั้งวัน การเคลื่อนพลลงมาอัดกันอยู่ในรถสองแถวหกล้อ
ก็ทำให้หายหนาวไปได้เยอะแต่คงไม่มีใครคิดถึงประโยชน์ข้อนี้เท่ากับความอึดอัดคับแคบ
ที่ได้รับจากการเบียดเสียดกันเป็นปลากระป๋อง....ความโชคดีของผมคงมีไม่น้อยเมื่อบ้านอยู่ปากทางของหมู่บ้านพอดี
รถลุงเปี๊ยกเคลื่อนรับเด็กนักเรียนมาเรื่อยๆ จนมาถึงหน้าบ้านของผม ผมซึ่งอยุ่*ซุมบ้านเดียวกันกับไอ้ตูมและไอ้หนุ่ย
ต่างพากันวิ่งขึ้นรถ พวกเราเป็นกลุ่มสุดท้ายทุกวันที่ได้ขึ้นรถ สำหรับไอ้ตูมกับไอ้หนุ่ยแล้ว มันคงเป็นโชคร้ายที่จะต้องรั้งท้ายคัน
เพราะแน่นอนว่าจะต้องโดนฝนสาดใส่ไม่มากก็น้อย แต่สำหรับผมนั้น นี่เป็นความโชคดีที่ได้มีโอกาสโผล่หัวออกมา
นอกรถมากกว่าคนอื่นนั่นก็เป็นเหตุผลหนึ่ง แต่เหตุผลหนึ่งก็คือ ผมได้มีโอกาสอยู่ในระนาบเดียวกันกับสายตาของเธอคนนั้นซักที

วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เทพผู้ขี่ไอ้เข้นามพระพิรุณทำงานอย่างขยันขันแข็งตั้งแต่เช้าตรู่
แต่คงเพราะวันนี้พระพิรุณของเราเลือกไอ้เข้เป็นพาหนะสายฝนจึงปรอยๆ
ไม่ได้เม็ดเป้งๆ เหมือนตอนขี่พญานาคมา....
แต่อย่างไรก็ตาม ชีวิตของคนเราก็ต้องดำเนินไปตามวิถีของมัน โดยไม่สนใจฟ้าฝน
พวกเราทั้งสามรีบวิ่งออกมาจากโรงสีเก่าที่อยู่ปากทางเข้าซุมบ้าน หลังได้ยินเสียงรถที่คุ้นเคยของลุงเปี๊ยก
ล้อหยุดหมุนครั้งสุดท้ายก่อนจะออกจากหมู่บ้าน ผมเป็นคนก้าวขึ้นรถเป็นคนสุดท้าย เอามือรั้งเหล็กจับท้ายรถอย่างเหนียวแน่น
หมุ่นตัวออกเพื่อให้มองหารถคันหลังที่ตามมา....

หน้ารถคันเป้าหมายโผล่มาอย่างช้าๆ ทิ้งระยะห่างไม่ไกลนัก ผมสังเกตเห็นถึงเด็กผู้หญิงหัวหยิกนั่งหน้าตายอยู่ในรถ
เมื่อรถใกล้เข้ามาความเฉยชาของเธอก็ยิ่งชัดเจนขึ้น การกระชั้นของรถถทั้งสองคันทำเอาผมหน้าแดง
จนไม่กล้าจะมองต้องก้มหน้าก้มตาด้วยความเขินอายและกลัวว่าจะมีคนรู้...

เมื่อแหงนหน้าขึ้นมาอีกที รถของลุงเปี๊ยกก็ถูกแซงไปซะแล้ว ความสุขของคนเรามันมาไวไปไวซะจริงๆ....
บันทึกการเข้า

ล้ำลึกคนึงหาในดวงจิต ใจเคยคิดตัดสวาทมิอาจสิ้น
ดั่งก้านบัวหักกลางชลาสินธุ์ ผิว่าสิ้นไร้เยื่อยังเหลือใย
เข้ากับบรรยากาศฝนตกตอนนี้ซะจริงๆ ^^

แถวบ้านผมพระพิรุณก็ขี่ไอ้เข้เหมือนกัน  ปลื้ม
บันทึกการเข้า

โดยรวม คำผิดดีขึ้นมาก แต่ต้องมาดูเรื่องเคาะวรรค จัดบรรทัดนะ เกรียน

...ตอนที่ ๖....

ไม่รู้ว่าเปิดเทอมมานานแค่ไหนแล้ว ผมที่เคยเกรียนตอนนี้ได้เปลี่ยนเป็นรองทรง
สั้นที่ปล่อยข้างหน้าไว้หวีตั้ง เสื้อผ้าใหม่เริ่มเก่าลมร้อนค่อยๆ พัดผ่าน .. ลมฝน(เอาลมฝนไปไว้บรรทัดล่าง ความมันขาด)
พัดมาแทนที่ หลังคารถคันเดิมไร้กองทัพนักเรียนบ้านนอกถูกแทนที่ด้วยความเปียกปอน
และขังนองไปด้วยน้ำฝนที่พรมลงมาตลอดทั้งวัน การเคลื่อนพลลงมาอัดกันอยู่ในรถสองแถวหกล้อ
ก็ทำให้หายหนาวไปได้เยอะ(เคาะวรรคหน่อย)แต่คงไม่มีใครคิดถึงประโยชน์ข้อนี้เท่ากับความอึดอัดคับแคบ
ที่ได้รับจากการเบียดเสียดกันเป็นปลากระป๋อง....
(เอามาบรรทัดใหม่)ความโชคดีของผมคงมีไม่น้อยเมื่อบ้านอยู่ปากทางของหมู่บ้านพอดี
รถลุงเปี๊ยกเคลื่อนรับเด็กนักเรียนมาเรื่อยๆ จนมาถึงหน้าบ้านของผม ผมซึ่งอยุ่*ซุม (นี่อะไร)บ้านเดียวกันกับไอ้ตูมและไอ้หนุ่ย
(ความมันต่อเนื่องมาจากข้างบน ใส่ - ดีมั้ย)ต่างพากันวิ่งขึ้นรถ พวกเราเป็นกลุ่มสุดท้ายทุกวันที่ได้ขึ้นรถ สำหรับไอ้ตูมกับไอ้หนุ่ยแล้ว มันคงเป็นโชคร้ายที่จะต้องรั้งท้ายคัน
เพราะแน่นอนว่าจะต้องโดนฝนสาดใส่ไม่มากก็น้อย แต่สำหรับผมนั้น นี่เป็นความโชคดีที่ได้มีโอกาสโผล่หัวออกมา
(นี่ก็ตัดบรรทัดได้นรก)นอกรถมากกว่าคนอื่นนั่นก็เป็นเหตุผลหนึ่ง แต่เหตุผลหนึ่งก็คือ ผมได้มีโอกาสอยู่ในระนาบเดียวกันกับสายตาของเธอคนนั้นซักที

วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เทพผู้ขี่ไอ้เข้นามพระพิรุณทำงานอย่างขยันขันแข็งตั้งแต่เช้าตรู่
แต่คงเพราะวันนี้พระพิรุณของเราเลือกไอ้เข้เป็นพาหนะสายฝนจึงปรอยๆ
ไม่ได้เม็ดเป้งๆ เหมือนตอนขี่พญานาคมา....
(ความท่อนนี้แปลก ตอนแรกบอกขี่ไอ้เข้ แต่วันนี้ตกไม่แรงเพราะน่าจะขี่ไอ้เข้แทนที่จะเป็นพญานาค
สรุปว่าปกติขี่ไอ้เข้หรือพญานาค(รู้นะว่าเป็นไอ้เข้)

แต่อย่างไรก็ตาม ชีวิตของคนเราก็ต้องดำเนินไปตามวิถีของมัน โดยไม่สนใจฟ้าฝน
พวกเราทั้งสามรีบวิ่งออกมาจากโรงสีเก่าที่อยู่ปากทางเข้าซุม(ศัพท์พื้นบ้านสินะ)บ้าน หลังได้ยินเสียงรถที่คุ้นเคยของลุงเปี๊ยก
ล้อหยุดหมุนครั้งสุดท้ายก่อนจะออกจากหมู่บ้าน ผมเป็นคนก้าวขึ้นรถเป็นคนสุดท้าย เอามือรั้งเหล็กจับท้ายรถอย่างเหนียวแน่น
หมุ่น(ศัพท์พื้นบ้านอีกแล้วเรอะ)ตัวออกเพื่อให้มองหารถคันหลังที่ตามมา....

หน้ารถคันเป้าหมายโผล่มาอย่างช้าๆ ทิ้งระยะห่างไม่ไกลนัก ผมสังเกตเห็นถึงเด็กผู้หญิงหัวหยิกนั่งหน้าตายอยู่ในรถ
เมื่อรถใกล้เข้ามาความเฉยชาของเธอก็ยิ่งชัดเจนขึ้น การกระชั้นของรถถ(เบิ้ล ถ ถุง ทำไม)ทั้งสองคันทำเอาผมหน้าแดง
จนไม่กล้าจะมองต้องก้มหน้าก้มตาด้วยความเขินอายและกลัวว่าจะมีคนรู้...

เมื่อแหงนหน้าขึ้นมาอีกที รถของลุงเปี๊ยกก็ถูกแซงไปซะแล้ว ความสุขของคนเรามันมาไวไปไวซะจริงๆ....


วันหลังใช้ศัพท์พื้นบ้าน ใส่เชิงอรรถด้วย แล้วไปคัดคำว่ารถมา 10 หน้า เกรียน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16 ต.ค. 2010, 12:14 น. โดย นายร่มไทร » บันทึกการเข้า

<a href="http://img3.f0nt.com/flash/66d37d0393ee1ab1e2e55182dfabf34e.swf" target="_blank">http://img3.f0nt.com/flash/66d37d0393ee1ab1e2e55182dfabf34e.swf</a>
ลุงเป็ดน่ารักมาก  ไหว้
บันทึกการเข้า

ล้ำลึกคนึงหาในดวงจิต ใจเคยคิดตัดสวาทมิอาจสิ้น
ดั่งก้านบัวหักกลางชลาสินธุ์ ผิว่าสิ้นไร้เยื่อยังเหลือใย
น่ารักทั้งคนเขียนทั้ง พสอษ. เลยค่ะ.. + ไป

จักรีเขียนให้รวมเล่มได้ไปเลยนะ  กรี๊ดดดดด
บันทึกการเข้า

ได้ครับพี่แอ้ เป็นการรวมเล่มสอนภาษาวิบัติ  อืมมมมห์


ผมตั้งชื่อหนังสือผมแล้วนะครับ


"สอนเกรียนเขียนเรื่องรัก"
บันทึกการเข้า

ล้ำลึกคนึงหาในดวงจิต ใจเคยคิดตัดสวาทมิอาจสิ้น
ดั่งก้านบัวหักกลางชลาสินธุ์ ผิว่าสิ้นไร้เยื่อยังเหลือใย
แล้วซุมบ้าน กับ หมุ่น นี่แปลว่าอะรั้ย  กร๊าก กร๊าก
บันทึกการเข้า

<a href="http://img3.f0nt.com/flash/66d37d0393ee1ab1e2e55182dfabf34e.swf" target="_blank">http://img3.f0nt.com/flash/66d37d0393ee1ab1e2e55182dfabf34e.swf</a>
สไตล์อุทิศ เหมะมูล, คำพูน บุญทวี ฯลฯ ไง้..
ไม่ต้องมีซัพไตเติ้ล ใส่มาเต็มๆ เลย   อ๊าง~
บันทึกการเข้า

อ๋อๆ   เขียนผิดๆ  หมุ่น ก็ หมุน นั่นแหละ   กร๊าก


ส่วน ซุม  ความหมายเดียวกับ ชุมโจร และ ซุ้มมือปืน ครับ  
นี่ ผมแยกไม่ออก ระหว่างภาษาพื้นบ้านกับภาษากลาง เลยนะนี่  ฮือๆ~
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16 ต.ค. 2010, 21:51 น. โดย จักรี » บันทึกการเข้า

ล้ำลึกคนึงหาในดวงจิต ใจเคยคิดตัดสวาทมิอาจสิ้น
ดั่งก้านบัวหักกลางชลาสินธุ์ ผิว่าสิ้นไร้เยื่อยังเหลือใย
 กร๊าก  เอ๊า.. อุตส่าห์แก้ต่างแทน



นี่ ผมแยกไม่ออก ระหว่างภาษาพื้นบ้านกับภาษากลาง เลยนะนี่  ฮือๆ~

นึกถึงเพื่อนสนิทที่เป็นคนเชียงราย
ตอนมากรุงเทพฯ แรกๆ (ทั้งเราและมัน) ต้องคอยเช็คสำเนียงให้ตลอด ว่าเหน่อเชียงรายคำไหนบ้าง
เวลาจีบสาวจะได้ไม่พลาด  กร๊าก

ปล. คนเชียงราย ไม่ว่าจะพูดภาษากลางชัดขนาดไหน จะเหน่อคำนึง คือ ยิ่มสิบ
บันทึกการเข้า

งั้นเวลาซื้อของ ควรซื้อให้เกินยี่สิบไว้ก่อนครับ

ประมาณว่า ถ้ามันยังไม่ถึง 30 นี่ต้องเพิ่มจำนวนสินค้าไปเรื่อยๆ


มันลำบากชีวิตไปไหมเนี่ย!!!
 กร๊าก
บันทึกการเข้า

You Want Me To Believe?, Then Sworn Through Swords...
หน้า: 1 2 3 4 5 6 [7]
 
 
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2007, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!