เนื่องจากศิลปากร รวมไอ้ออกแบบอย่างอื่นที่ไม่ใช่ถาปัตย์
มากองไว้ที่คณะชื่อ มัณฑณศิลป์
ก็มีทั้งออกแบบนิเทศ ออกแบบภายใน ออกแบบจิว ออกแบบหน้าตา ฯลฯ
ส่วนที่เราเลือกในตอนนั้นคือ ออกแบบทรงผม
(ช่วยขำหน่อยครับ เล่นบ่อยมุกนี้) ออกแบบนิเทศศิลป์ครับ
ถามว่าทำไมถึงคิดเลือก ก็จะตอบแบบไม่ได้กวนตีนเลยว่า
ไม่ได้คิดเลยครับ ไม่ได้หมายความว่าลงไปมั่วๆนะ
มันต้องมีวิชาเฉพาะ และคะแนนก็ไม่ใช่น้อย ยังไงก็ต้องตั้งใจจะลง ตั้งใจติว
แต่ที่ว่า"ไม่คิด" ก็เพราะว่า อยู่ดีๆชีวิตมันก็พามาทางนี้โดยไม่ต้องเสียเวลาคิดเลยยังไงล่ะ
และที่ต้องเป็นที่นี่ สาเหตุแรกก็เพราะว่า ไม่รู้จักที่อื่น คิดว่าเรียนศิลปะก็ต้องนี่แหละ
แต่พอผ่านไป ด้วยความเป็นเสรีนิยมสุดขอบ เลยคิดว่า
สถานที่ที่มนุษย์ทางศิลปะ-ออกแบบมารวมกันเยอะมากที่สุดแบบนี้
คงทำให้เราได้ใช้ชีวิตแบบเปิดกว้าง และอิสระเสรีอย่างที่ต้องการแน่ๆ
แล้วพอเข้ามาก็พบว่า โอ๊ะ! ใช่เลย เราเกิดมาเพื่อสิ่งนี้จริงๆ
ในช่วงเวลา 4 ปีนั้น เราเลยกลายเป็นทุกอย่างที่คณะนี้ควรจะเป็น
ไม่สิ พูดให้ถูกคือ เพราะเราเป็นแบบนี้จึงต้องมาอยู่ท่ีนี่ต่างหาก
อะไรที่ว่าก็ตั้งแต่การเรียน แน่อยู่แล้วว่าสนุกกับมัน ไม่เคยมีอะไรที่ไม่อยากทำ
อาจจะเพราะวิธีการสอน ที่สอนให้เราเข้าใจมัน แล้วมึงจะไปทำอะไรก็ทำ
มันอาจไม่เรียกการเรียนการสอนก็ได้ น่าจะเรียกการเรียนรู้มากกว่า
ยกตัวอย่างเช่น ในวิชา Visual Communication III อ. สั่งงานเสร็จ
แกก็เอาหนังเรื่อง Frida(หนังดีครับ) มาเปิดให้ดูในชั่วโมงเรียน
ถามว่าให้ดูทำไม งานเหรอ อ.ก็บอกว่า อยากให้ดูกัน หนังมันดีจริงๆ
แค่นั้นง่ายๆ มันเลยเปิดกว้างเสียจนอยากทำอะไรก็ได้ทำ สบายด้วย ไม่มีสอบเหมือนคณะอื่น
แล้วพอเรียนไป ก็ชอบวิธีคิดที่ว่า นักออกแบบต้องเริ่มจากสมองและมือตัวเองก่อน
ก่อนที่จะไปใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ถือโอกาสแนะนำการเรียนการสอนมันซะเลยครับ
มันค่อนข้างสอนให้เรา"มีอะไร"ด้วยตัวเราเองก่อนจะต้องไปพึ่งสิ่งอื่น
เช่น คอมพิวเตอร์ เพราะมันคิดแทนเราไม่ได้ อย่าเปิดเครื่องมาโดยที่สมองเรายังว่างเปล่า
การเรียนปีแรกๆไม่ให้ใช้คอมเลย(แต่ก็แอบใช้กัน)
และถ้าใครเลือกเรียนสิ่งพิมพ์โดยตรงพอวิชาลงลึกไปจะเซอร์ไพรส์กว่า ว่าเค้าให้จัดกราฟิกด้วยมือ!
ใช่เลยครับ นั่งขีดเส้น แปะตัวหนังสือยังงั้นเลย คงเพราะสอนกันมานานแล้ว
แล้ว อ.แกก็คงเห็น Tool มาเยอะแล้ว ตั้งแต่สมัยต้องตัดแปะ สกรีนกราฟิกหน้าหนังสือเอง
จนมีเครื่องโอเมก้า จนมีเครื่อง PC แม็ค G5 ในปัจจุบัน
แล้วอนาคต Tool มันจะเปลี่ยนเป็นอะไรอีกก็ไม่รู้ (อย่าคิดว่าตลกครับ สมัย 20-30
ปีก่อนเครื่องโอเมก้านี่ทันสมัยที่สุดในโลกนะ) ดังนั้นถ้าฝีมือมันอยู่ที่ "ตัวเรา"
แล้วก็ไม่ต้องไปกลัวอะไร ...แต่เราเรียนโทภาพยนต์นะ
ส่วนเรื่องใครจะซิ่วไปไหนนี่หาได้น้อยมากครับ จริงๆแทบไม่เคยเห็นเลยมากกว่า
เพราะมันค่อนข้างเฉพาะทาง เช่น ออกแบบเครื่องประดับยังงี้ บ้าป่าว เรียนไปคงไปเป็นศุลกากรมั้ง
มันต้องสอบจำเพาะเจาะจงมากๆ ถ้าใครไม่คิดอยากเป็นก็คงม้วนเสื่อตั้งแต่ตอนสอบแล้วล่ะ
แล้วจบมาก็ไม่ค่อยมีใครทำงานไม่ตรงสาย แต่ไปทำงานสายนี่ประจำ
แล้วด้วยนิสัยใจคอก็พอจะทำให้ไปทำอย่างอื่นได้เยอะ เช่น เล่นดนตรี หรือเขียนหนังสือ
อันนี้ก็เห็นบ่อย แต่ถ้าพวก นักเขียนการ์ตูน ทำหนัง ทำอนิเมชั่น กราฟิก
นัดีไซเนอร์ แฟชั่น เซรามิกส์ปั้นหม้อล่อไห อันนี้คือตรงสาย
To be continue...(ยาวจริงๆครับ พิมพ์มันมือไปหน่อย)