หน้า: 1 2 [3] 4 5 6 7 8 9 10 ... 44
 
ผู้เขียน หัวข้อ: แฉชีวิตจริงของเด็กถาปัด  (อ่าน 249734 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 ขาจร กำลังดูหัวข้อนี้
แต่ประโยชน์สูงสุดของคณะนี้ที่ได้รับมากับตัว
และรู้สึกเห็นพระคุณของสาขาวิชาที่กว้างขวางนี้
ก็คือ มุมมองครับ

วิธีการมองสิ่งต่างๆ รอบตัวผมเปลี่ยนไป
จาก before กับ after นี่คนละขั้วเลย
รู้จักเห็นอะไรง่ายๆ งามๆ รู้จักเห็นอณูมีชีวิตจากบ่อน้ำเน่า

เลยอย่างที่บอกไง ว่าคิดได้ตอนปี 1
ว่าไหนๆ กูคงไม่เป็นสถาปนิกแน่แล้ว
ก็เลยคั้นหัวกะทิเอาความงามอื่นๆ ในคณะนอกเหนือจากวิชาสถาปัตย์ออกมา
แล้วก็เหลือเชื่อว่ามันมีอะไรในนั้นเยอะจริงๆ

จริงๆ ตูชอบงานออกแบบกราฟิกนะ
ยังคิดอยู่เลยว่าถ้าตอนเข้ามหาลัยไปเลือสาขาวิชาที่ตรงมันน่าจะทำได้ดีกว่านี้
แต่ไม่รู้ ทำไปทำมามันกลายเป็นว่าการไม่ได้เรียน แต่สนใจใคร่เรียนนี่
มันกลับยิ่งเป็นแรงกระตุ้นในตัวมากกว่าเดิมอีก
(แต่จนบัดนี้ก็ยังไม่ได้ฝึกอะไรเพิ่มเลย ด้วยข้ออ้างเรื่องเวลา)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24 ก.พ. 2006, 11:12 น. โดย iannnnn » บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ
เนื่องจากศิลปากร รวมไอ้ออกแบบอย่างอื่นที่ไม่ใช่ถาปัตย์
มากองไว้ที่คณะชื่อ มัณฑณศิลป์
ก็มีทั้งออกแบบนิเทศ ออกแบบภายใน ออกแบบจิว ออกแบบหน้าตา ฯลฯ

ส่วนที่เราเลือกในตอนนั้นคือ ออกแบบทรงผม
(ช่วยขำหน่อยครับ เล่นบ่อยมุกนี้) ออกแบบนิเทศศิลป์ครับ
ถามว่าทำไมถึงคิดเลือก ก็จะตอบแบบไม่ได้กวนตีนเลยว่า
ไม่ได้คิดเลยครับ ไม่ได้หมายความว่าลงไปมั่วๆนะ
มันต้องมีวิชาเฉพาะ และคะแนนก็ไม่ใช่น้อย ยังไงก็ต้องตั้งใจจะลง ตั้งใจติว
แต่ที่ว่า"ไม่คิด" ก็เพราะว่า อยู่ดีๆชีวิตมันก็พามาทางนี้โดยไม่ต้องเสียเวลาคิดเลยยังไงล่ะ
และที่ต้องเป็นที่นี่ สาเหตุแรกก็เพราะว่า ไม่รู้จักที่อื่น คิดว่าเรียนศิลปะก็ต้องนี่แหละ

แต่พอผ่านไป ด้วยความเป็นเสรีนิยมสุดขอบ เลยคิดว่า
สถานที่ที่มนุษย์ทางศิลปะ-ออกแบบมารวมกันเยอะมากที่สุดแบบนี้
คงทำให้เราได้ใช้ชีวิตแบบเปิดกว้าง และอิสระเสรีอย่างที่ต้องการแน่ๆ

แล้วพอเข้ามาก็พบว่า  โอ๊ะ! ใช่เลย เราเกิดมาเพื่อสิ่งนี้จริงๆ

ในช่วงเวลา 4 ปีนั้น เราเลยกลายเป็นทุกอย่างที่คณะนี้ควรจะเป็น
ไม่สิ พูดให้ถูกคือ เพราะเราเป็นแบบนี้จึงต้องมาอยู่ท่ีนี่ต่างหาก
อะไรที่ว่าก็ตั้งแต่การเรียน แน่อยู่แล้วว่าสนุกกับมัน ไม่เคยมีอะไรที่ไม่อยากทำ
อาจจะเพราะวิธีการสอน ที่สอนให้เราเข้าใจมัน แล้วมึงจะไปทำอะไรก็ทำ
มันอาจไม่เรียกการเรียนการสอนก็ได้ น่าจะเรียกการเรียนรู้มากกว่า
ยกตัวอย่างเช่น ในวิชา Visual Communication III อ. สั่งงานเสร็จ
แกก็เอาหนังเรื่อง Frida(หนังดีครับ) มาเปิดให้ดูในชั่วโมงเรียน
ถามว่าให้ดูทำไม งานเหรอ อ.ก็บอกว่า อยากให้ดูกัน หนังมันดีจริงๆ 
แค่นั้นง่ายๆ มันเลยเปิดกว้างเสียจนอยากทำอะไรก็ได้ทำ สบายด้วย ไม่มีสอบเหมือนคณะอื่น

แล้วพอเรียนไป ก็ชอบวิธีคิดที่ว่า นักออกแบบต้องเริ่มจากสมองและมือตัวเองก่อน
ก่อนที่จะไปใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ ถือโอกาสแนะนำการเรียนการสอนมันซะเลยครับ
มันค่อนข้างสอนให้เรา"มีอะไร"ด้วยตัวเราเองก่อนจะต้องไปพึ่งสิ่งอื่น
เช่น คอมพิวเตอร์ เพราะมันคิดแทนเราไม่ได้ อย่าเปิดเครื่องมาโดยที่สมองเรายังว่างเปล่า
การเรียนปีแรกๆไม่ให้ใช้คอมเลย(แต่ก็แอบใช้กัน) แป่ว

และถ้าใครเลือกเรียนสิ่งพิมพ์โดยตรงพอวิชาลงลึกไปจะเซอร์ไพรส์กว่า ว่าเค้าให้จัดกราฟิกด้วยมือ!
ใช่เลยครับ นั่งขีดเส้น แปะตัวหนังสือยังงั้นเลย คงเพราะสอนกันมานานแล้ว
แล้ว อ.แกก็คงเห็น Tool มาเยอะแล้ว ตั้งแต่สมัยต้องตัดแปะ สกรีนกราฟิกหน้าหนังสือเอง
จนมีเครื่องโอเมก้า จนมีเครื่อง PC แม็ค G5 ในปัจจุบัน
แล้วอนาคต Tool มันจะเปลี่ยนเป็นอะไรอีกก็ไม่รู้ (อย่าคิดว่าตลกครับ สมัย 20-30
ปีก่อนเครื่องโอเมก้านี่ทันสมัยที่สุดในโลกนะ) ดังนั้นถ้าฝีมือมันอยู่ที่ "ตัวเรา"
แล้วก็ไม่ต้องไปกลัวอะไร   ...แต่เราเรียนโทภาพยนต์นะ เกย์แอบ

ส่วนเรื่องใครจะซิ่วไปไหนนี่หาได้น้อยมากครับ จริงๆแทบไม่เคยเห็นเลยมากกว่า
เพราะมันค่อนข้างเฉพาะทาง เช่น ออกแบบเครื่องประดับยังงี้ บ้าป่าว เรียนไปคงไปเป็นศุลกากรมั้ง
มันต้องสอบจำเพาะเจาะจงมากๆ ถ้าใครไม่คิดอยากเป็นก็คงม้วนเสื่อตั้งแต่ตอนสอบแล้วล่ะ
แล้วจบมาก็ไม่ค่อยมีใครทำงานไม่ตรงสาย แต่ไปทำงานสายนี่ประจำ ฮี่...
แล้วด้วยนิสัยใจคอก็พอจะทำให้ไปทำอย่างอื่นได้เยอะ เช่น เล่นดนตรี หรือเขียนหนังสือ
อันนี้ก็เห็นบ่อย แต่ถ้าพวก นักเขียนการ์ตูน ทำหนัง ทำอนิเมชั่น กราฟิก
นัดีไซเนอร์ แฟชั่น เซรามิกส์ปั้นหม้อล่อไห  อันนี้คือตรงสาย


To be continue...(ยาวจริงๆครับ พิมพ์มันมือไปหน่อย)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24 ก.พ. 2006, 11:17 น. โดย iannnnn » บันทึกการเข้า

I ROCK , THEREFORE I AM
เรียกง่ายๆว่า ค่อนข้างจับฉ่ายเลยทีเดียว
เพราะว่า อาศัยความรู้แขนงอื่นมาสอดใส่ ทิ่มแทงเข้าไปในไอเดียของเรา

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24 ก.พ. 2006, 11:18 น. โดย iannnnn » บันทึกการเข้า

เกะกะ ระราน พาลไม่เลือกสถานที่
แต่สาวเดคน่ารักหลายคนนะ  หื่น
เสียดายเป็นคนชอบแต่งตัวกันทั้งนั้น
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24 ก.พ. 2006, 11:19 น. โดย iannnnn » บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ
เรียนห้าปีไม่พอครับ โปรเจคที่ทำก็ได้ทำแค่ขั้นดีไซน์
ไม่ได้ทำแบบก่อสร้าง
จบใหม่สองสามปีแรก
ยังไม่ได้จับงานออกแบบเลยครับ

เคลียร์ดีเทลส้วม กับบันได
แล้วก็เชคกฎหมายอาคาร

งานอาคารจบยากกว่าจะครบรอบการทำงาน ไม่เหมือนงานโฆษณาครับ
งานโฆษณาคิดสองอาทิตย์ ถ่ายทำสองอาทิตย์ อีกสองอาิทิตย์ก็ได้ออกอากาศ
อีกสองอาทิตย์มี feed back รู้แล้วว่างานตัวเองเป็นไง
ค่อยๆพัฒนาตัวเองได้แล้วครับ

งานสถาปัตย์งานนึงออกแบบอย่างน้อยสามสี่เดือน ก่อสร้างเป็นปี กว่าลูกค้าจะได้เข้าใช้อาคาร
ปีกว่า กว่าจะครบรอบการทำงาน
กว่าจะได้พัฒนาตัวเอง

เป็นผู้ช่วยสถาปนิกอยู่อีกไม่ต่ำกว่าห้าปีครับกว่าจะพอทำงานเองได้(เกือบ)ทั้งหมด

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24 ก.พ. 2006, 11:23 น. โดย iannnnn » บันทึกการเข้า

        AH_LuGDeK, AH_LuGDeK_R
ต่อครับ เรื่องชีวิตที่นั่น อ้าวมีคนมาคั่นอื้อเลย โวย



แต่การเรียนแบบนี้เวลาที่อยู่ในห้องเรียนก็ค่อนข้างน้อย
ดังนั้นสิ่งที่จำได้คือ "วิถีชีวิต" อย่างที่บอกเรากลายเป็นทุกอย่างที่คณะนี้ควรเป็นนั่น
หมายถึงนิสัยใจคอ พฤติกรรมด้วย เช่น เพลงที่ฟัง หนังที่ดู การแต่งตัว ทรงผม
การกต่งตัวก็อย่างที่รู้กัน ไม่มีใครใส่ชุดนักศึกษา และไม่มีใครว่า

แต่นิสัยนักออกแบบก็มักจะชอบแต่งตัว
พี่แอนคงรู้ดี ว่าเด็กเดคแต่งตัวเยอะ (อย่าติดภาพแนวๆจิตรกรรมครับ คนละแบบกันเลย)

และมันคือที่เดียวที่เราสามารถด่าคนที่ไม่มีศิลปะได้อย่างไม่ต้องกลัวใคร
รวมถึงด่าเพลงสั่วๆ หนังห่วยๆ งานออกแบบเห่ยๆ แต่ก็ด่าไปงั้นแ?หละครับ ขำๆ
อย่างเพลงที่ฟัง หนังที่ดู มันก็เป็นแบบที่เราฟังมาตลอดตั้งแต่มัธยมแหละ แต่นอกจากเราแล้วก็ไม่มีใคร
พอมาอยู่ที่นี่ ทุกๆคนก็เป็นเหมือนๆกัน มีเพลงๆนึง Beautiful ones ของ Suede ที่ดูจะกลายเป็น
เพลงคณะไปแล้ว เพราะทุกครั้งที่มีงานต้องมีเปิดหรือมีวงเล่น และทุกคนก็ร้องได้
และถ้าไม่เปิดเรานี่แหละจะด่า ฮี่ๆ (แต่หลายๆท่านคงคิดในใจว่า เพลงห่าอะไรวะ)

คล้ายกับว่าสิ่งที่เราอยากเป็น อยากทำ กลุ่มคนที่เราอยากเห็นมาทั้งชีวิตก็ได้ทำได้เจอที่นี่
งานแต๊ง ซ่อมน้อง สุกดิบ งานกิฟต์ เจอเพื่อนพี่น้องเยอะๆโคตรอยู่ดีมีความสุขเลย

อันนี้ไม่ใช่ว่ามันผ่านไปแล้ว แล้วค่อยรู้สึกดีนะ เพราะความจำของมนุษย์มักจะเลือกจำแต่ดีๆ
แต่สำนึกรู้แบบนี้ตั้งแต่ที่เรียนอยู่แล้ว เลยใช้่ชีวิต "แบบนั้น" ซะเต็มพิกัด
กิจกรรมก็ทำนะครับ เคยเป็นประธานรุ่นด้วยแล้วโดนเขี่ยในภายหลัง
แต่ไม่เคยช่วยงานสโม เพราะงานคณะก็มหาศาลพออยู่แล้ว ไอ้งานกิฟต์นี่แหละตัวดี  แบร่

จนกระทั่งปัจจุบัน เรารู้สึกฮึดฮัดทุกครั้ง ที่การทำงานต้องทำให้ต้องห่างจากวิถีชีวิต"แบบนั้น"
แต่ถึงจะจบมาเวลาพอประมาณทำงานทำการแล้ว แต่ก็ยังสามารถไปนั่งเล่น
ไปคุย(กินเหล้ากับ)กับน้อง (กินเหล้ากับ)กับอาจารย์ ยังใช้ชีวิตแถวๆนี้ได้อย่างไม่ขัดเขิน
ไม่รู้สึกเป็นคนนอกแต่อย่างใด และคนอื่นๆก็เหมือนๆกัน รุ่นพี่ที่จบไปนานๆก็ยังเจออยู่เป็นปกติ
เหมือนกับว่าไม่มีใครจาก-จบ กันไปไหนเลย

สรุปว่าเป็น 4 ปีที่ดีกับชีวิตมากครับ ลงตัว สุขภาพจิตดีเยี่ยมมาก บรรยากาศท่าช้าง ท่าพระจันทร์
วังหลัง วัดพระแก้ว ข้าวสาร ดีหมด ไม่มีอะไรที่ทำแล้วเสียใจเลย
จะเสียใจก็เพราะมันต้องจบลงนี่แหละ



ฟังดูน่าหมั่นไส้ยังไงไม่รู้ แต่นี่คือความจริงใจจากก้นบึ้งที่สุดแล้วนะเว้ย

-End- จบจริงๆแล้ว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24 ก.พ. 2006, 11:26 น. โดย iannnnn » บันทึกการเข้า

I ROCK , THEREFORE I AM
อีกหน่อย เด็กถาปัตย์จะเต็ม f0nt.com
แล้วก็ จะยึดเป็นกำลัง ซ่องสุมแหล่ง นัดแนะสถานที่ดื่มเหล้าแบบใหม่
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24 ก.พ. 2006, 11:27 น. โดย iannnnn » บันทึกการเข้า

เกะกะ ระราน พาลไม่เลือกสถานที่
บรรยากาศที่สตู
เวลามีแมตช์สำคัญๆ
มีทีวีเครื่องเดียว ตีระฆังเรียกทั้งหมู่บ้านมาดู


* BIG_MATCH.jpg (47.8 KB, 568x430 - ดู 770 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24 ก.พ. 2006, 11:27 น. โดย iannnnn » บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ
นึกถึงสมัยเรียน
ห้าทุ่มเที่ยงคืน อาจารย์ก็มานั่งดูด้วย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24 ก.พ. 2006, 11:28 น. โดย iannnnn » บันทึกการเข้า

        AH_LuGDeK, AH_LuGDeK_R
ใช่ๆ  ยิ้มน่ารัก

ที่น่ารักคือ เวลาใกล้ๆ จะส่งโปรเจ็ค
เพื่อนๆ จะมาค้างที่คณะเพื่อทำงานกันอดหลับอดนอนเพียบเลย
บรรยากาศแบบนี้น่าโหยหามากๆ
ต้มมาม่าทีนึงกินกันเป็นสิบ
(ไม่มีใครล้างหรอก ปล่อยกระทะให้กรังอยู่ยังงั้นจนมีผู้กล้ามาต้มใหม่)

เวลานอนก็มีวิวระดับชาติให้ดู  ลันล้า


* eat.jpg (51.1 KB, 568x430 - ดู 784 ครั้ง.)

* deadsunday.jpg (85.52 KB, 568x750 - ดู 748 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24 ก.พ. 2006, 11:28 น. โดย iannnnn » บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ
อะแจมด้วย




บรรยากาศพวกนี้สำหรับคนที่ยังเรีบยนอยู่ยังไม่ค่อยรู้ความหมายมันเท่าไหร่หรอกมั้ง
ต้องรอเรียนจบ (หรือเปล่า?) ถึงจะพอรู้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24 ก.พ. 2006, 11:29 น. โดย iannnnn » บันทึกการเข้า

เกะกะ ระราน พาลไม่เลือกสถานที่
อ้าว ทำไมต้องรอเรียนจบล่ะ?
วันจบเขามีเฉลยให้เหรอ
บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ
เอามาเผยแพร่ได้ด้วยรึหมู
ไม่ใช่อะไร พอดีเรามันเป็นข้อห้าม

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21 เม.ย. 2006, 22:55 น. โดย 藿月 (lán yuè) » บันทึกการเข้า

I ROCK , THEREFORE I AM
คำถามเหมือนกับว่า ทำไมต้องเข้าวัดตอนแก่เลย

 เกย์แอบ

คือกัน
เวลาที่ยังอยู่ด้วยกันมักไม่คอ่ยเห็นค่าอะไรพวกนี้หรอก
ส่วนที่เฮียเล่าๆมา ผมยังเจออยู่แทบทุกวัน
ตอนนี้บงคนเลิกเช่าหอ มาอยู่ สตูเต็มตัว แอร์ฟรี เน็ตแรง บิทไม่อั้น

ไว้สักวันหนึ่งขาดมัน รูปที่ผมเก็บไว้ จะมีคุณค่ามหาศาล
และจะเอาไปขายพวกมัน ต่อ กร๊าก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24 ก.พ. 2006, 11:34 น. โดย iannnnn » บันทึกการเข้า

เกะกะ ระราน พาลไม่เลือกสถานที่
จริงๆแล้วเคยเห็นผ่านๆเหมือนมีพี่ ID ปี 5 ในบอร์ดนี้
เค้าก้อน่าจะให้คำตอบอะไรได้มากว่านี้ เหอะๆ

อ๊ะ หมายถึงเรารึเปล่า แต่เราจุฬาไม่ใช่ศิลปากร

เดี๋ยวไปหาอาจารย์ก่อน จะกลับมาแฉ(ถ้าอยากรู้)

THESIS คับ THESIS   อี๋~
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24 ก.พ. 2006, 11:35 น. โดย iannnnn » บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 [3] 4 5 6 7 8 9 10 ... 44
 
 
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2007, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!