หน้า: 1 2 3 4 5 [6] 7 8 9 10 11 12 13 ... 34
 
ผู้เขียน หัวข้อ: ธรรมเนียมของภาพยนตร์  (อ่าน 114592 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 ขาจร กำลังดูหัวข้อนี้
เดี๋ยวไปดูก่อนนะ กฎหมายข้อไหน


ดูมาแล้ว..........


แอบอ้าง
ประมวลกฎหมายอาญา

     มาตรา ๑๑๒ ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี

รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี


พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒

     - หมิ่นประมาท (กฎ) น. ชื่อความผิดทางอาญาฐานใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่า

จะทําให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง.

     - ดูหมิ่น (กฎ) ก. ดูถูกเหยียดหยามผู้อื่น.


การไม่ยืนตรงต่อเพลงสรรเสริญฯ ก็ไม่ทำให้ท่าน "เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง" ตรงไหนเลย


แอบอ้าง
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (พ.ศ. ๒๕๕๐)

     - มาตรา ๖ รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ บทบัญญัติใดของกฎหมาย กฎ

หรือข้อบังคับ ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญนี้ บทบัญญัตินั้นเป็นอันใช้บังคับมิได้

     - มาตรา ๒๙ การจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคลที่รัฐธรรมนูญรับรองไว้ จะกระทำมิได้

เว้นแต่โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย เฉพาะเพื่อการที่รัฐธรรมนูญนี้กำหนดไว้และเท่าที่

จำเป็น และจะกระทบกระเทือนสาระสำคัญแห่งสิทธิและเสรีภาพนั้นมิได้

     กฎหมายตามวรรคหนึ่งต้องมีผลใช้บังคับเป็นการทั่วไป และไม่มุ่งหมายให้ใช้บังคับแก่กรณีใด

กรณีหนึ่ง หรือแก่บุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็นการเจาะจง
บันทึกการเข้า

ป.ล.๒ ถ้าเห็นว่าผิดก็ถือซะว่าเค้าแสดงการขัดขืนอย่างสงบ (civil disobedience) ก็แล้วกันค่ะ... เดี๋ยวไปดูก่อนนะ กฎหมายข้อไหน
ประการแรก มองตามสายตาผม กรณีนี้หากไม่ไปอิงคำพิพากษาในอดีต ผมเชื่อว่าไม่หมิ่น เพราะไม่เคยมีใครบอกว่าการไม่ยืนคือการหมิ่นฯ
ประการต่อมา เรื่องกฎหมายก็คือกฎหมาย หมิ่นหรือไม่ก็ต้องไปตีความ (ซึ่งน่าจะเข้าทางคุณโชติศักดิ์ เพราะกรณีนี้คือการนั่งเฉยๆ ไม่ได้พูดอะไร)
ดังนั้นคนๆนี้ ไม่ควรจะเข้าไปอยู่ในคุก เพราะว่าเขาแค่ไม่ได้รักและเทิดทูนพระเจ้าอยู่หัว ... แต่ยังไม่ได้ลบหลู่

กรณีความเชื่อในแบบนี้ผมพอจะเข้าใจ ... เพราะว่าในต่างความคิดต่างศาสนา ต่างสังคม คนเราจะรับรู้ต่างกัน
ผมเองเชื่อว่ากรณีนี้คิดแบบใดก็ถูกได้ทั้งนั้น

ถ้าคุณยูริ อยู่่ในโรงหนังซึ่งมีแต่ชาวฟอนต์ ผมเชื่อว่าทุกคนเข้าใจว่าไม่ยืนเพราะอะไร และคงไม่มีใครว่า เพราะว่ามันคือความเชื่อที่แตกต่างกัน (แต่เจ้าความเชื่อที่แตกต่างกันและการทำตัวที่ต่างกัน ก็จะทำให้คนบางคนอาจจะไม่มั่นใจว่าจะใกล้ชิดกันได้เพราะเชื่อว่าอาจจะคิดไม่ตรงกัน)
ถ้าอยู่ในโรงหนังที่มีอาจารย์ทางด้านสังคมศาสตร์ระดับมหาวิทยาลัยชั้นนำ ผมก็เชื่อว่าไม่น่าจะเกิดอะไร เขาก็คงมองเป็นเรื่องธรรมดาที่ความคิดไม่ตรงกัน
แต่ถ้าเป็ฯสังคมเปิดทั่วไป อันนี้คนที่ไม่เข้าใจคงมีสูง .... ประมาณเดียวกับไปด่าทักษิณเป็นสุนัขในกลุ่มอีแต๋นรากหญ้า
ไม่ผิดกฎหมาย เพราะเราก็รู้ว่าทักษิณคือมนุษย์ ไม่ได้เป็นสุนัข และคนปกติคงไม่อาจเข้าใจได้ว่าทักษิณเป็นสุนัข ......
ไม่ผิดกฎหมาย แต่อาจตายได้

อีกอย่างครับ ถ้าไปเจอฝรั่งในโรงหนัง แล้วไม่ยืน ผมก็จะสะกิดให้เขายืน
ประการแรก เพื่อสวัสดิภาพของเขาเอง อาจจะเตือนว่ายืนสักนิด เพราะคนที่รุ้สึกไม่ดีก็มี
ประการที่สอง ส่วนใหญ่คนที่ประชาธิปไตยจ๋า เขาก็ลุกให้
ฝรั่งเขาไม่ได้ยืนเพราะรักในหลวง
ฝรั่งเขายืนเพราะเขาเคารพในความเป็นปัจเจคของคนไทยในโรงหนังแห่งนั้น

ส่วนคนไทย .... ปล่อยไปเถอะ เขาไปยุ่งมากไม่ดี


ปล. ตัดหน้าสองคน  ชิ
ที่บอกว่านายโชติศักดิ์ไม่หมิ่นนั่น ไม่ได้ตามเอกับยูรินะ ... แต่เห็นประมาณนั้นจริงๆ  ... ตามรูปการณ์ไม่น่าหมิ่น
แต่เจตนาน่ะไม่รู้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25 เม.ย. 2008, 02:28 น. โดย หมอแมว » บันทึกการเข้า

ฝันซ่อนสับสนวุ่นวาย หย่อนคล้อย


ที่ไม่ยืนเพราะเห็นว่า เรายืนกันเพราะอะไร ยืนไม่ยืนมีผลต่อชีวิตอย่างไร

ทำไปเพื่ออะไร ทำแล้วชีวิตจะดีขึ้นไหม แล้วไม่ยืนแล้วมันจะแย่ลงแค่ไหน

เคารพไม่เคารพหรืออย่างไรก็แล้วแต่ ทำให้ชีวิตเจริญขึ้นตรงไหน

แล้วเกิดเป็นคนไทยทุกคนจะต้องยืนอย่างนั้นหรือ แล้วทำไมต้องไปบังคับให้ชาวต่างชาติทำด้วย

ยืน แสดงว่ารักพ่อ กลั่นกรองออกมาจากใจแท้ ๆ

ไม่ยืน แสดงว่าไม่รักพ่อ ต้องติดคุกอย่างนั้นหรือคะ

ถึงตอนนี้เค้าเองก็ยังไม่ได้คำตอบเลยค่ะว่า ทำไปเพื่ออะไร ทำแล้วได้ประโยชน์อะไรกับชีวิตบ้าง



ป.ล. ก็จำไม่ได้เหมือนกันค่ะว่าคุยกันที่ไหน  ลันล้า

ป.ล.๒ ถ้าเห็นว่าผิดก็ถือซะว่าเค้าแสดงการขัดขืนอย่างสงบ (civil disobedience) ก็แล้วกันค่ะ... เดี๋ยวไปดูก่อนนะ กฎหมายข้อไหน

เรื่องพวกนี้มันไม่ได้เป็นเรื่องผิดหรือถูกหรอกครับ

ส่วนที่ว่าทำไปแล้วได้ประโยชน์อะไรกับชีวิตบ้างนั้น
อยากถามกลับไปว่า จะทำอะไรต้องให้มันเกิดประโยชน์กับชีวิตทุกเรื่องหรือเปล่า
หรือแค่ตั้งคำถามกับเฉพาะเรื่องพวกนี้

พี่ว่า แค่ไม่ทำให้คนเกลียด มันก็เป็นคุณูปการใหญ่หลวงต่อชีวิตแล้วล่้ะครับ

ส่วนเรื่องกฎหมาย บางทีการไม่ยืนอาจจะไม่ได้หมิ่นพระบรม(แต่เคยมีคำพิพากษามาแล้วว่าหมิ่น)
แต่ที่แน่ๆ มันหมิ่นหัวใจใครหลายๆ คน แน่ๆ ครับ

อุ้ย เอ  เกย์ออก
เจอแล้วคนคิดคล้ายกัน


ส่วนตัว ผมไม่ยอมรับว่า คนไทยนับถือราชาศาสนา หากแต่คิดว่า เป็นเรื่องของการปลูกฝัง คนที่สะบัดหลุดได้จะหัวรุนแรง พอๆกับคนที่อยู่ในนั้น
แต่อยากให้คิดเสียว่า ทำอย่างไรให้เราอยู่ร่วมกันได้บนความแตกต่าง ตามหลักของประชาธิปไตย โดยที่ไม่แบ่งแยกกัน

พี่ณตก็พูดถูกครับ คนที่มองไม่เหมือน หันหน้าไปอีกทาง อาจทำร้ายจิตใจเราที่ไม่อยากรับรู้ แต่เราต้องอยู่รวมกัน ไม่มีใครสูงกว่าต่ำกว่าใคร


ผมมายืนยันนะ ว่าคนไทยนับถือราชาศาสนา แม้จะไม่เท่ากับทิเบต
แต่ใกล้เคียง คุณแน็กว่างๆ ลองไปลานพระบรมรูปทรงม้าคืนวันอังคารดูสิครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25 เม.ย. 2008, 02:44 น. โดย ณต » บันทึกการเข้า
ส่วนตัวแล้วคิดว่า ถ้าเรื่องไหนที่ตัวเองไม่ได้เห็นชอบด้วย แต่ก็ไม่ได้เห็นแย้งเป็นพิเศษ ไม่ได้มีเหตุผลเฉพาะตัวของตัวเองในการแย้งหรือต่อต้าน ก็ไม่เสียหายที่จะทำตามที่คนส่วนใหญ่เขาทำกันค่ะ

อย่างการลอกข้อสอบ เมื่อก่อนตอนเรียนมัธยม เพื่อน ๆ ลอกกันเยอะ แต่เราเห็นแย้งเพราะเหตุผลว่ามันขัดกับมโนธรรมประจำใจ เห็นว่าการลอกคือการโกง เป็นการทุจริต เราก็ไม่ไปตามกระแสเค้า แล้วยังพูดขึ้นด้วยว่ามันไม่ดี (แต่ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่ตัวบุคคล ไม่เชื่อก็ช่าง แต่เราพยายามเตือนแล้ว)

ส่วนเรื่องที่คนอื่นเขาทำกัน แล้วเราเองไม่ได้มีเหตุผลในการคัดค้านหรือขัดขวาง อย่างเช่นตอนที่เพื่อน ๆ สุมหัวกันปรึกษาว่าควรจะเรียกร้องอาจารย์ให้หยุดเพิ่มอีก 1 วัน เพราะไหน ๆ ก็หยุดวันพุธกับศุกร์แล้ว วันพฤหัสถ้าไม่หยุดก็จะต้องมาเรียนวันเว้นวัน ไม่ได้วันหยุดยาว.... ส่วนตัวคิดว่าจะเรียกร้องวันหยุดทำไม ก็มีหยุดเยอะแยะแล้ว ไม่เห้นต้องหยุดอีก ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ แค่นี้ยังไม่พออีกเหรอ แต่ก็ไม่ได้มีเหตุผลว่าทำไมถึงไม่อยากหยุด.... ก็ตามกระแสเพื่อน ไปโหวตกับอาจารย์ว่าให้หยุด

เพราะงั้นตอนนี้ในฐานะคนที่ยืนเพราะอยากยืน ถ้าลองสมมติตัวเองให้เป็นคนที่ไม่ได้อยากจะยืนเป็นพิเศษ แต่ก็ไม่ได้มีเหตุผลส่วนตัวว่าทำไมถึงไม่อยากยืน ก็คิดว่าตัวเองคงจะเลือกที่จะยืนค่ะ เพราะถ้ายืนหรือนั่งก็ไม่แตกต่างกัน ไม่ได้มีผลอะไรกับชีวิต แค่ยืนนิดหน่อยไม่ได้เดือดร้อนตัวเอง ก็คิดว่าตัวเองคงยอมตามใจสังคม ยืนให้เค้าหน่อยก็ไม่น่าเสียหายอะไร  ยิ้มน่ารัก



ส่วนเรื่องที่เป็นข่าวนี้นะคะ เห็นแวบแรก คิดในใจว่า "ขิงก็รา ข่าก็แรง"
คือเค้าอาจจะทำผิดกาลเทศะ แต่ก็ไม่ได้ทำการอะไรที่ต้องปราบปรามด้วยการทำร้ายร่างกายน่ะค่ะ
ส่วนเจ้าตัวเองก็.... มีสิทธิ์ที่จะเห็นต่างค่ะ เข้าใจค่ะ แต่ก็ไม่จำเป็นจะต้องออกนอกหน้าขนาดนี้ (ส่วนหนึ่งอาจเพราะไม่เห้นด้วยกับคำให้สัมภาษณ์ของเค้าบางอย่างมังคะ เลยเหมือนรู้สึกว่าเขาเจตนาล่อเป้าอย่างไรไม่ทราบ)

// โดนตัดหน้า 2+1 คน แต่ขอแปะก่อนแล้วค่อยอ่านดีกว่าค่ะ ฝนฟ้ามาครืน ๆ ไม่ค่อยน่าไว้ใจกระแสไฟฟ้าเลย  ชิ
บันทึกการเข้า
นึกไปนึกมาคล้ายๆกรณี Credit  กร๊าก
(ต่างกันในเรื่องScaleกับเรื่องความชัดเจนของคำตอบ)
บันทึกการเข้า

ฝันซ่อนสับสนวุ่นวาย หย่อนคล้อย

เหมือนเคยมีการวิจัยทางจิตวิทยาโดยให้หน้าม้าเยอะๆ อยู่ในโรงหนังหรืออะไรซักอย่างแล้วยืนขึ้นพร้อมๆ กันโดยฉับพลัน

คนที่โดนทดลองส่วนใหญ่จะยืนกันนะครับ (แม้ว่าจะไม่รู้ว่าเพราะอะไร เหมือนเพื่อไม่ให้แปลกแยก)


นึกอะไรแผลงๆ จากกฎการคัดเลือกของขาร์ล ดาวิน ออก  กร๊าก

สมมุติว่ามีนกยักษ์ คอยกินพวกที่ไม่ยืนในโรงหนังออกไป
ปล่อยไว้ซักพัก สายพันธ์ที่ไม่ยืนในโรงหนังก็จะค่อยๆ หายไป
หรืออาจจะวิวัฒนการเป็นพวกที่ไม่ยืนในโรงหนังแต่งมีผมงอกออกมาเหมือนยืนอยู่
หรืออาจใช้การยืนเพื่อพรางตัวจากนกยักษ์
หรืออาจจะหายไปทั้งสายพันธ์เลยก็ได้

เพราะผู้ที่อยู่เยอะกว่าคือผู้ที่โดนคัดเลือกมาแล้วจากธรรมชาติ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25 เม.ย. 2008, 02:46 น. โดย ^-FakE-^ » บันทึกการเข้า

เราจะต้องการอะไรมากมายไปกว่า อะไรมากมาย
คือคนเราที่มองเห็นแต่ประโยชน์ส่วนตัวอะ เขาเรียกว่าเห็นแก่ตัวนะครับ  

บางคนเกิดมาเพียบพร้อม ไม่ต้องพึ่งใคร ก็มองในมุม ว่าทำไม ต้องง้อคนอื่นด้วยใหญ่โตแค่ไหนกันเชียว.....ไม่เห็นมีประโยชน์
 อะไรประมาณนั้น

ลองถาม ใจตัวเองดูดีๆ นะครับ ว่าต้องการพึ่ง ระบบชนชั้นวัฒนธรรมไทยๆ ที่มีอยู่ในสังคมไทยอยู่หรือเปล่า
จำเป็นต้องยกมือไหว้ พ่อแม่หรือไม่ในเมื่อยกไปก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร รังแต่จะทำให้เมื่อยมือ  
ถ้าคิดว่า ความกตัญญูมันไม่ได้ขึ้นอยู่แค่การยกมือไหว้ผู้หลักผู้ใหญ่ ทำไปก็เหนื่อยเปล่าไร้ประโยชน์
แล้วคิดว่าสิ่งไหนเหรอครับที่คนไทยอย่างเราควรทำ ให้มันได้ประโยชน์  เอาเป็นว่าถ้าทำอะไรแล้วไม่เกิดประโชน์ก็ไม่ต้องทำมันเลย
ทำตามใจตัวเองดีกว่า ก็สุดกู่เลย...ฮิ้ว~~
บันทึกการเข้า

ล้ำลึกคนึงหาในดวงจิต ใจเคยคิดตัดสวาทมิอาจสิ้น
ดั่งก้านบัวหักกลางชลาสินธุ์ ผิว่าสิ้นไร้เยื่อยังเหลือใย
ยังยืนยันในเรื่องวัฒนธรรมจ้ะ (ไม่มีคำว่าไทยต่อท้ายนะ)
คนเราจะน่ารักหรือเปล่าก็อยู่ที่ตรงนี้แหละครับ
กรณีตัวอย่าง ถึงยกมากี่รอบ ถ้าเรามองต่างกันก็คงไม่เข้าใจหรอกครับ
แต่รู้แค่ว่า

พี่ว่า แค่ไม่ทำให้คนเกลียด มันก็เป็นคุณูปการใหญ่หลวงต่อชีวิตแล้วล่้ะครับ

เห็นด้วยครับ

เคยคุยกับฟ้า ฟ้าบอกว่าจะกรอกช่องไม่นับถือศาสนา
ตูบอกไปว่าตูกรอกพุทธทุกทีแหละ เพราะ "วิถี" ของตูเป็นพุทธ
ถึงจะไม่ได้ชอบการไปนั่งเอามือจิ้มหลังคนที่ถวายของพระ เพื่อให้บุญมันแผ่ตามผิวหนังมาถึงก็ตาม
แต่ยังไงตูก็ยังรู้สึกว่า เออ พุทธนี่มันของพ่อแม่พี่น้อง เพื่อนฝูง ญาติโยมเรานะ
ไอ้สิ่งนี้แหละครับ ไอ้การหล่อหลอมนี่แหละครับที่สิริรวมเรียกได้ว่าวัฒนธรรม
เรานับถือเพราะเห็นว่าน่านับถือ ก็เท่านี้เองครับ เป็นเรื่องของหัวใจล้วนๆ
(เคยแว้บไปศรัทธาคริสต์ก็ตอนเด็กมากๆ เรียนประถมที๋โรงเรียนคริสต์
โดนครูกล่อมให้อ้อนวอนพระเจ้า แต่อ้อนไปก็ไม่เคยได้ซะทีเลยเลิก)

ทีนี้ลองเปลี่ยนจากคำว่าศาสนามา พุทธ เป็น กษัตริย์
ผมก็ยังนับถือด้วยเหตุผลเดียวกันกับข้างบนครับ
แต่นั่นก็เป็นแค่เสี้ยวหนึ่งเท่านั้นของความเคารพเทิดทูนสถาบันนี้
นี่ก็เหมือนกัน เป็นเรื่องของหัวใจครับ



ที่คุยกันในที่นี้ รู้สึกว่าประเด็นไม่ได้อยู่ที่เรื่องกฎหมาย
ส่วนตัวก็มองว่าไม่ใช่เรื่องที่ผิดกฎหมายเหมือนกันครับ
แต่จะผิดหรือไม่ผิดจริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องที่เราแค่อ่านตัวอักษรแล้วไปตีความ (โอ้ย ภาษานักกฎหมายนี่ดิ้นได้จะตายชัก)

ที่แน่ๆ มันคงคล้ายๆ กับนักการเมืองเวลาเขาไม่เข้าใจเรื่องจริยธรรมนั่นแหละครับ
อะไร ผมไม่ได้ทำผิดกฎหมายอะไร แค่ %@#$%@#$%@$ เอง
ไหน กฎหมายเขียนไว้ตรงไหน

ฮ่วย ง่ะ
บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ
ตอบหมอแมวนะครับ อ่าว เอ ตอบให้แล้ว  เอือม
อย่างนั้นเลยล่ะครับ คือ เรามี สันติสุข ที่มาจาก ตามอำเภอใจ (เพราะศาสนาไม่เข้ามารบกวนใจจริงของเรา) แต่ไม่มีใครเหนือหรือต่ำกว่า
เราจึงไม่ละเมิดต่อกัน ด้วยว่าเราทุกคนต้องการสันติสุขด้วยกันทั้งนั้น เราจึงถือว่า พระพุทธ ได้รับสันติสุขจากพระองค์เช่นกัน
การตรัสรู้ืคือการพบสันติสุข เรื่องนี้อย่ายึดติดกับว่าพระเจ้าเป็นรูปธรรมเท่านั้นนะครับ หรือต้องใช้ตำว่าพระเจ้าเท่านั้น อาจเรียกอย่างอื่นได้
ต่างกันแต่ไม่ได้ิคิดว่าแปลกไปนะครับ พุทธองค์ทรงพบสันติสุข สงบและอิสระ อย่างแท้จริง สมควรเคารพ และเชื่อฟังได้
ค้นพบความเป็นนิรันด์เช่นเดียวกับที่เราทุกคนต้องการ หรือนิพพาน อมตะ อกตะ เป็นสิ่งเดียวกันกับ สัจจะ
ตามแต่ใจเราจะเลือกน่ะครับ ผมไม่ใช่คาทอลิค หรือ โปรแตสแตน ผมไม่มีข้อจำกัด "อำเภอใจ" ใดๆ ด้วยสันติสุขเลยไม่ตั้งใจละเมิดใคร
ใครใคร่้ค้าม้าค้า ใครใคร่ค้าวัวค้า เราบ่เก็บจังกอบภาษี ประมาณนั้นครับ ไม่มีใครมาเรียกเก็บภาษีทางใจจากเราได้
ฉนั้น ผมเทิดทูนความดี การเสียสละ เพื่อเกิดสันติสุข อันจะนำมาซึ่ง อิสรภาพ (อิสรภาพที่ขัดต่อสันติสุข ถือว่าหลงทาง ไม่ผิดแต่ต้องช่วย)

อ่ะ คุณณต ครับ ผมไม่ิคิดว่าเป็นศาสนา แต่เข้าใจว่าเป็นลัทธิความเชื่อ สุดแต่ใจใคร่สุขครับ
แต่ก็ตามนั้นครับ สิ่งดีๆยังไงๆก็เป็นสิ่งดีๆ ควรค่าแก่ความศรัทธา

อย่างที่ผมเคยโพสไว้ว่า ผมน่ะยืนเพื่อแสดงเคารพในรากเง้าบรรพชน และอดีตอำนาจนิยม ผสมระเบียบกองทัพ แต่นั้นคือวัฒนธรรมไทย
คนที่ไม่ยืนก็ไม่ได้ไปคิดตำหนิอะไร เพราะเป็นเรื่องปัจเจค พระเจ้าไม่ได้ให้เขามาอยู่ต่ำกว่าผมจนผมต้องตำหนิ หรือต้องแก้ไข
และไม่สูงกว่าผมจนต้องสนใจในการกระทำที่ไม่ส่งผลร้ายกับใคร หากแต่น่าอายถ้าผมไม่ยืนเหมือนเขา เขาไม่อายเราก็ไม่เกี่ยวในเรื่องใจเค้า
แต่ถ้าว่าตามกฎหมาย ผมไม่คิดว่ามันผิดเพราะ ผิดกาลเทศะ เป็นเรื่องน่าอายมากกว่า คุณคนที่เป็นข่าวน่าจะละอายนะครับ

สรุปคือ ตอนนี้ ผมเห็นว่า คุณคนที่เป็นข่าวทั้งหมดในกรณียืนในโรงหนัง ทำเรื่องน่าอับอาย ไม่ผิด จะผิดก็คงผิดที่ไม่อายชาวบ้านเขาบ้าง
แต่คนที่ประโคมข่าว มีจุดประสงค์อื่นแน่ๆ ไม่ทราบแน่ชัด
บันทึกการเข้า

ไม่ว่าคุณจะรอบรู้ เก่งกาจ กล้าหาญ เท่าไหร่ ก็ไม่มีค่าอะไร ถ้าไม่มีใครรักคุณ
เอาละ ผมก็ จะไม่ว่าอะไรคนคิดต่างแบบนี้ ละนะครับ   แต่ยอมรับหรือเปล่าครับว่าเป็นคนส่วนน้อย
ถามใครดี คุณโชติศักดิ์ ไรนั่นก็คงตอบไม่ได้ งั้น ถามน้องภัทรละกันครับ  ว่ายอมรับใช่มั้ยครับว่า
คิดต่างแบบนี้คือคนส่วนน้อยของประเทศเรา และเท่าที่อ่านดู น้องภัทรคิดว่า คนส่วนใหญ่ที่คิดต่างจากน้องภัทรเนี่ย
ถูกฝังหัวเรื่องการนับถือสถาบันกษัตริย์ใช่มั้ยครับ  นี่กำลังว่าพวกเรา โง่อยู่หรือเปล่าครับเนี่ย  ฮ่าๆๆ  

ผมอ่านความคิดเห็นน้องภัทรแล้วผมก็ลองคิดในมุมน้องภัทรดูแล้วนะครับ เออ มันก็จริงนะครับ  ถ้ารู้เรื่องราวลึกขนาดนั้น
มีเหตุผลแน่นขนาดนี้ แล้ว ไม่รุ้จะยืนไปทำไมไม่มีประโยชน์   แต่แปลกจริงทำไมคนฉลาดถึงมีน้อย  
ความจริงมันน่าจะปรากฎให้คนโง่ได้รุ้บ้างซัก ส่วนหนึ่งซิ นี่ก็ไม่รู้ผ่านมาแล้ว กี่ยุคกี่สมัย คนโง่ก็ไม่เห็นจะมองเห็นความจริง
อะไรเพิ่มขึ้น เห็นแต่ความดี มาปิดบังให้ยิ่งโง่หนักเข้าไปใหญ่ ไม่รุ้เมื่อไรจะหายโง่มัวแต่ให้คนฉลาดเขาทำพฤติกรรมดูถูก
วิจารณญานอยุ่นั่นแหละ

 เอาละ .... (ผมก็จะลองคิดตรงข้ามดูด้วย มาคิดไปด้วยกัน)
งั้นกลับมาลองคิด ตรงข้ามกับมุมมองตัวเองดู คิดเผื่อก็ได้นะ เผื่อไว้ๆ  สมมติ ว่าสิ่งที่ตัวเองรับรู้ มามันไม่ถูกต้องละ
หรืออาจถูกแต่ไม่ใช่ทั้งหมดละ บางทีสิ่งที่หนังสือเขียนไว้ อาจจะไม่เข้าถึงอารมณ์ สาเหตุในช่วงนั้นๆ จริงๆ ละ
แล้วสมมติว่าประวัติศาสตร์มันไม่ใช่เป็นแบบนั้นละ หมายถึงว่า ถ้ามันมีมากกว่า
ร.1 ยึดอำนาจพระเจ้าตากละ ถ้ามันมีตื้นลึกหนาบางมากกว่านั้นละ  สมมติว่า คนธรรมดาอย่าง ร.9
ต่างจากคนธรรมดาทั่วไปละ  ความคิดที่มันทำร้ายคนดี มีเยอะเลยนะ ผมก็กลัวอยุ่เหมือนกันว่าความคิดผมอัตตาผม
ข้อมูลผม เหตุผลผมมันจะทำร้ายคนดีคนอื่น

เอาละคิดต่าง ไม่เป็นไร แต่อย่าเอาความคิดของตนตัดสินอะไร  เช่น  
- คิดว่าไม่จำเป็นต้องยืนเพราะไม่เคารพ(โอเค ไม่ผิดเพราะคิดต่าง)
- ไม่ยืน เพราะ ไม่เคารพ ด้วยเหตุผล ที่ตั้องข้ามกับคนยืน (อันนี้เริ่มผิดแระ เพราะไปดูถูกคนที่ยืน
    ดูถูกวิจาณญานคนอื่น ด้วยพฤติกรรมที่ตนเห็นว่าถูก)
-ไม่ยืน เพราะ ท่านเป็นคนที่ไม่เหมาะสมต้องทำความเคารพ  (อันนี้ผิดละ เพราะเอาความคิดตัวเอง เหตุผลตัวเองตัดสินคนอื่น
แล้วรุ้ได้ไงว่าไม่เหมาะสม )

พูดเรื่อง การเอาความคิดเห็นของตัวเองตัดสินคนอื่นนี่มันเป็นเรื่องปกติธรรมดาของมนุษย์นะผมก็เป็น
ดังนั้น เขาพยายามสอนให้คิดให้ถูกไง จะได้ตัดสินคนอื่นได้ถูกด้วย อย่างเรื่อง
การเห็นมนุษย์ทุกคนเป็นคนธรรมดา เป็นเรื่องปกติ สำหรับคนมองคนด้วยตาและเหตุผลทางทฤษฎีที่แน่นปึ๊กกว่าคนอื่น  
แต่สำหรับ คนบางคนเห็น มนุษย์ทุกคนแตกต่างกัน บางคนเป็นคนธรรมดา บางคนไม่ธรรมดา บางคนเป็นสัตว์เดรัจฉาน
คนพวกนี้นอกจากใช้เหตุผลที่สัมผัสได้และตาเปล่าแล้ว เขายังใช้ใจมองด้วย.....
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25 เม.ย. 2008, 03:55 น. โดย จักรี » บันทึกการเข้า

ล้ำลึกคนึงหาในดวงจิต ใจเคยคิดตัดสวาทมิอาจสิ้น
ดั่งก้านบัวหักกลางชลาสินธุ์ ผิว่าสิ้นไร้เยื่อยังเหลือใย
ต้องเสริมอีกโพส นะครับขอโทษจริงๆ


คนประเภทใดมักมองผู้อื่นเป็นประเภทนั้น - คำจากนักบุญคนใดจำไม่ได้แน่ชัดแต่ความหมายไม่ผิดเพี้ยนแน่

คนฉลาดก็มองคนอื่นต้องฉลาด
คนโง่ก็มองนอื่นว่าต้องโง่
คนขี้โกงก็มองคนอื่นว่าต้องขี้โกง

ถ้ามีคนประเภท "ฉันคือคนฉลาดซึ่งมีอยู่น้อยในสังคม เป็นผู้ถูกเลือกแล้วให้เหนือกว่านส่วนใหญ่"

อันนี้ เขาเรียกว่าคนยังไม่เข้าใจในโลกครับ มีเยอะตามระบบการศึกษา โรงงานเลี้ยงไก่
บันทึกการเข้า

ไม่ว่าคุณจะรอบรู้ เก่งกาจ กล้าหาญ เท่าไหร่ ก็ไม่มีค่าอะไร ถ้าไม่มีใครรักคุณ
คนฉลาดก็มองคนอื่นต้องฉลาด
คนโง่ก็มองนอื่นว่าต้องโง่
คนขี้โกงก็มองคนอื่นว่าต้องขี้โกง

(ขอเป๋นิดนึงนะครับ)

ผมขอไม่เห็นด้วยกับสามประโยคนี้ครับ กร๊าก
เอ้าจริงๆ นะ ผมคนนึงแหละที่กล้ายืนยันได้ว่าตัวเองไม่ขี้โกง
ทำไมถึงมองหลายคนขี้โกง หลายคนเฉยๆ หลายคนดี๊ดีได้ล่ะครับ
บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ
คนขี้โกง คือ คนที่รู้จักการขี้โกง จะทำไม่ทำอีกเรื่องนะ
เปรียบเป็นคุณแอนไม่รู้จักว่า ข้าวเหนียวเป็นยังไง จะมองออกไหมว่าอันไหนข้าวเหนียว
รู้ว่าการขี้โกงเป็นยังไง ผมใช้ความขี้โกงของตัวเองมองตัดสินความขี้โกงของคนอื่น
คนๆนึง ก็รู้จักหมดยังไงล่ะว่าความฉลาด โง่ ขี้โกง เป็นยังไง
แต่จะทำตัวยังไงเป็นแบบไหน
ผมโพสข้อความนั้นเพราะว่า อยากจะบอกว่า ใครๆก็รู้ แต่จะเอาความฉลาดมาตัดสินนอื่นหรือจะะเอาความโง่มาตัดสิน
เห็นจักรีเขายกเื่รื่องฉลาด โง่ ขึ้นมา เลยบอกว่า คนที่พูดเหมือนคนอื่นโง่น่ะ เอาความโง่ของตัวเองตัดสิน
ถ้าคนโง่ ไม่มีความโง่ จะรู้ได้ยังไงว่าคนอื่นโง่
เปลี่ยนคำว่า โง่ เป็น สารพัดคุณศัพท์เอาเลยนะ

แอนไม่ขี้โกง แล้ว รู้จักความขี้โกงไหม มีความขี้โกงในใจไหม จะทำไหมนั้นอยู่ที่ความดีเลวของแต่ล่ะคน


ปล. การรับรู้และหันหน้าเข้าหน้าผู้อื่นน่ะ อยากให้ฉลาดๆใส่กัน จะได้ไม่ต้องเหมือนท้าทาย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25 เม.ย. 2008, 05:00 น. โดย แน็ก » บันทึกการเข้า

ไม่ว่าคุณจะรอบรู้ เก่งกาจ กล้าหาญ เท่าไหร่ ก็ไม่มีค่าอะไร ถ้าไม่มีใครรักคุณ
คนขี้โกง คือ คนที่รู้จักการขี้โกง จะทำไม่ทำอีกเรื่องนะ
เปรียบเป็นคุณแอนไม่รู้จักว่า ข้าวเหนียวเป็นยังไง จะมองออกไหมว่าอันไหนข้าวเหนียว
รู้ว่าการขี้โกงเป็นยังไง ผมใช้ความขี้โกงของตัวเองมองตัดสินความขี้โกงของคนอื่น
คนๆนึง ก็รู้จักหมดยังไงล่ะว่าความฉลาด โง่ ขี้โกง เป็นยังไง
แต่จะทำตัวยังไงเป็นแบบไหน
ผมโพสข้อความนั้นเพราะว่า อยากจะบอกว่า ใครๆก็รู้ แต่จะเอาความฉลาดมาตัดสินนอื่นหรือจะะเอาความโง่มาตัดสิน
เห็นจักรีเขายกเื่รื่องฉลาด โง่ ขึ้นมา เลยบอกว่า คนที่พูดเหมือนคนอื่นโง่น่ะ เอาความโง่ของตัวเองตัดสิน
ถ้าคนโง่ ไม่มีความโง่ จะรู้ได้ยังไงว่าคนอื่นโง่
เปลี่ยนคำว่า โง่ เป็น สารพัดคุณศัพท์เอาเลยนะ

แอนไม่ขี้โกง แล้ว รู้จักความขี้โกงไหม มีความขี้โกงในใจไหม จะทำไหมนั้นอยู่ที่ความดีเลวของแต่ล่ะคน


ปล. การรับรู้และหันหน้าเข้าหน้าผู้อื่นน่ะ อยากให้ฉลาดๆใส่กัน จะได้ไม่ต้องเหมือนท้าทาย

คนขี้โกง ความหมายไม่เหมือนกับ
คนที่รู้จักการขี้โกง แน่ๆ ครับ  ไม่ล่ะ
เพราะความหมายของคนขี้โกง
นี่คือ คนที่กระทำการไม่สุจริตไปเรียบร้อยแล้ว  หมีโหด~

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25 เม.ย. 2008, 05:15 น. โดย ณต » บันทึกการเข้า
อื้อ

ขี้โกง เป็น กริยานี่น่า ต้องใช้คำว่าคนใจคดสินะ  ฮิ้ววว

น้อยใจตัวเองอ่อนภาษาทุกภาษาเลย  ฮือๆ~
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25 เม.ย. 2008, 05:25 น. โดย แน็ก » บันทึกการเข้า

ไม่ว่าคุณจะรอบรู้ เก่งกาจ กล้าหาญ เท่าไหร่ ก็ไม่มีค่าอะไร ถ้าไม่มีใครรักคุณ
หน้า: 1 2 3 4 5 [6] 7 8 9 10 11 12 13 ... 34
 
 
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2007, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!