เห็นคุยๆ เรื่องผมกันหลายวันละ
พี่ก็ไม่ได้ดูทีวีเลยไม่รู้ว่าต้นตอมันคืออะไร
พี่เป็นเด็กที่อยากไว้ผมยาวมาตลอด ไม่ใช่อะไรหรอก อยากมัดผมแน่นๆ
ไม่ชอบปล่อยผมเท่าไหร่ มันคิดเลขไม่ออก
สมัยเด็กโดนบังคับตัดผมติ่งหู ใครยาวเจอตัดโชว์หน้าเสาธง
เด็กผู้ชายโดนเอากรรไกรตัดชิดหนังหัวเป็นขั้นบันไดกะให้ได้อับอายไปทั้งวัน
ก็ไม่เห็นจะอายกัน ขำดี อยู่ๆ มีคนมาทำให้ตูเด่นซะงั้น มันเยี่ยมไปเลย
แต่คนที่ทำแบบนั้นก็เป็นคุณครูบ้าอำนาจแค่บางท่าน
พ่อแม่เราเป็นครูฝ่ายปกครองก็ไม่เห็นไปไล่ตัดผมใคร (ส่วนมากจะไปเคลียร์เรื่องใหญ่ๆ กว่านั้น)
ชุดนักเรียนอีก ถ้าเลือกได้ ก็อยากใส่เสื้อยืด+กางเกงไปเรียนนะ
เพราะเด็กมันก็ต้องซน ทำไมต้องใส่กระโปรง เล่นอะไรก็ไม่ถนัด
ไม่แฟร์เลย ทีเด็กผู้ชายยังปีนต้นไม้ในโรงเรียนได้
เราเล่นตำรวจจับโจรกันทุกวัน ตำรวจที่ไหนใส่กระโปรงวิ่งฟระ มันก็จับเพื่อนมาซ้อมไม่ัทันซักที
เวลาเรียนโรงเรียนรัฐ ไม่มีแอร์ ไม่มีพัดลมในห้อง ใส่เสื้อผ้าแข็งๆ รีดเรียบๆ มันก็ไม่สบายตัว
แต่เกิดเป็นเด็กสมัยพี่ก็ได้แต่บ่นในใจ ยากนักก็ใส่กางเกงขาสั้นไว้ข้างในก็จบละ
เท่าที่รู้เรื่องชุดนักเรียน ทรงผมของบ้านเรามันมีไว้เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ
เด็กจนๆ หรือแม่ไม่แฟชั่นจะได้มีที่ยืนในโรงเรียนบ้าง ไม่โดนล้อเช้าซ้อมเย็น พี่ว่ามุมนี้มีประโยชน์นะ
ส่วนมุมที่ฝึกวินัย อันนี้ในฐานะ เสรีมากๆชน ไม่เห็นด้วย
เพราะว่ายิ่งไปกดมันไว้แต่เด็ก โตมามันจะสติแตกแบบพี่ พอต้องการทำตัวตามวินัย เสือกไม่ยอมทำซะแล้ว
โบนัสมันก็น้อยอยู่ได้ทุกปี จนกว่าจะัตัดสินใจไปทำอะไรของตัวเองโน่น
ถึงตอนนั้นค่อยถามตัวเองว่า อยากได้ลูกน้องแบบไหน เสรีชน หรือ วินัยแมน ?
สำหรับพี่นะ พี่ว่าคนใฝ่ดีมันก็ไปทางดี คนไม่ใฝ่ดีก็มีทางของเขา
ผมเผ้าเสื้อผ้าอะไรมันก็งั้นแหละ สุดท้ายคนเราก็หาที่ทางของตัวเองจนได้ จะทำอะไรก็ทำกันไปเหอะ
ก็วันๆ โฆษณาแม่งแต่จั๊กกะแร้ชมพู ผิวขาว จมูกโด่ง ตัวหอม ผมสลวย ตาเป็นประกาย บิ๊กอาย ฯลฯ
ฟรีทีวีประโคมอยู่แต่อย่างนี้ คนมันโดนสะกดจิตไปครึ่งประเทศ ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่
ค่านิยม วัตถุินิยมพวกนี้ต่างหากรึเปล่า ที่น่าจะควรเอามาดูกันดีๆ
หรืออีกที มันก็เป็นวิถีของการวิวัฒนาการของสปีชีส์หนึ่ง
เรามาอยู่นี่ในช่วงสั้นๆ เลยมองภาพกว้างไม่ออกละมั้ง