หน้า: [1] 2 3 4 5 6 7 8 ... 111
 
ผู้เขียน หัวข้อ: กระจู๋สูญเสีย  (อ่าน 385136 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 ขาจร กำลังดูหัวข้อนี้
วันพุธที่ 8 พฤศจิกายน 2549
หลังจากที่กลับจากประชุมที่ กทม. ทันทีที่ก้าวลงจากรถก็มีเสียงโทรศัพท์เข้ามา ดูชื่อที่ปลายสายปรากฏว่าเป็นแม่ก็เลยกดรับสายทันที

แม่ : ตั้มเรอะ นี่แม่นะ  ตั้มย่าเค้าจะเสียแล้ว ตั้มรีบกลับบ้านด่วนเลย
ตู : ??????? อะไรนะแม่
แม่ : ย่าจะเสียแล้ว รีบกลับบ้านด่วนเลย
ตู  :  เรื่องมันเป็นมายังไงกันแน่แม่ ค่อยๆ เล่าหน่อย
แม่  : เมื่อเช้า ย่านอนหลับแล้วไม่ตื่น ไม่หายใจ หัวใจไม่เต้น พวกทางบ้านก็เลยรีบพาย่าส่งโรงพยาบาล หมอก็ช่วยกันปั้มหัวใจย่า แล้วหัวใจก็กลับมาเต้นอีกแต่อาหารแย่มาก ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ เพราะสมองขาดออกซิเจนไปนาน (ไม่รู้นานเท่าไหร่) ตกช่วงบ่ายอาการก็ไม่ดีขึ้นเลยหมอ EXRAY แล้วพบว่าปอดไม่ค่อยดี แล้วก็หายใจเองไม่ได้ หัวใจหยุดเต้นเป็นช่วงๆ หมอบอกว่าย่าอาศัยเครื่องช่วยหายใจในการมีชีวิตอยู่เท่านั้น และก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้มากกว่านี้แล้ว หมอให้ญาติตัดสินใจว่าจะเอาเครื่องช่วยหายใจออกหรือไม่ เพื่อให้ท่านไม่ทรมาน ให้ท่านไปสบาย
ตู  :  ทำไมอาการย่าหนักขนาดนั้นเลยล่ะแม่ หมอเค้าแน่ใจขนาดนั้นเลยเหรอ
แม่  :  ก็เค้าลองถอดเครื่องช่วยหายใจดูแล้ว ย่าแกก็ไม่หายใจ หัวใจก็เต้นบ้างไม่เต้นบ้าง และก็ไม่มีอาการตอบสนองอะๆรเลย
ตู  :  แล้วตอนนี้ย่าเป็นไงบ้าง
แม่  :  อากงและพวกลูกๆ และก็เลยตัดสินใจเอาย่ากลับบ้านเพื่อให้ย่าสิ้นใจที่บ้าน ก็ทางบ้านจ้างพยาบาลมาคนหนึ่ง มาช่วยถือเครื่องช่วยหายใจเพื่อมาถอดที่บ้าน เนี่ยก็รอจังหวะถอดเครื่อง แม่ก็เลยโทรมาบอกให้เรากลับบ้านก่อน ~ เนี่ยเค้ากอดแล้ว ตั้มนึกถึงย่าเอาไว้นะ
ตู  :  !!!!!!!! (จังหวะที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต) แม่ ย่าไปแล้วเหรอ
แม่  : ย่าสงบไปแล้วตั้ม เนี่ยพยาบาลกลับไปแล้ว เดี๋ยวรีบกลับบ้านเลยนะ
ตู  :  !!!!!!!! (จังหวะที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตยังคงอยู่) แม่ ย่าไปแล้วเหรอ
แม่  :  (เงียบ)
ตู  :  ว่าไงแม่
แม่  :  (เงียบ) แม่ว่าย่ายังหายใจอยู่นะ แต่เห็นอาเจ็กบอกว่า หมอบอกว่าหลังจากถอดเครื่องช่วยหายใจออก ย่าจะค่อยๆหมดลมอย่างช้าๆ คงไม่เกินคืนนี้
ตู  :  อ้าวววว งั้นเดี๋ยวตั้มรีบกลับบ้านก่อนเลยดีกว่า จะได้กลับไปดูใจย่าด้วย


ทันที่ที่วางโทรศัพท์จากแม่ ก็ต่อสายไปยังเพื่อนสนิทที่เป็นหมอทันที แล้วเล่าเรื่องพร้อมอาการให้ฟังอย่างละเอียดทั้งหมด

ตู : เฮ้ย !!!!!!! มีกี่เปอร์เซ็นต์วะที่หมอจะวินิจฉัยโรคผิด ทำไมหมอให้เอาย่ากลับบ้าน แล้วทำไมย่ากูยังหายใจอยู่วะ
เพื่อนหมอ : ใจเย็นๆ เว้ยเพื่อน
ตู : ใจเย็นอะไรล่ะ ย่ากูจะตายอยู่แล้วเนี่ย
เพื่อนหมอ : ถ้าหมอเค้าพูดอย่างนั้นแสดงว่าหมดหวังแล้วล่ะว่ะ น่าจะแย่จริงๆ เพราะตามประสบการณ์กูเนี่ย หมอโรงพยาบาลรัฐส่วนมากไม่ค่อยจะมีหมอที่นิสัยไม่ดี (ส่วนมากจะทุ่มเทรักษาคนไข้อย่างเอาใจใส่) แล้วที่แกไม่เสียไปทันทีเนี่ยเพราะว่าการตายมันมีหลายระยะ ระยะนี้เค้าเรียกว่าระยะผัก คือระยะที่คนจะไม่ตอบสนองอะไรใดๆ เพียงแต่อาจจะทานอาหารเหลวได้ หายใจและขับถ่ายเองได้บ้าง ร่างกายจะค่อยๆหยุดทำงาน หายใจจะช้าลงเรื่อยๆ หัวใจเต้นช้าลง และก็จะเสียชีวิตที่สุด แต่ในกรณีย่าเนี่ย ระบบการควบคุมการหายใจเค้าอาจจะดีในขณะที่ระบบอื่นๆอาจจะค่อยๆเสื่อมลงแล้ว
ตู : แล้วระยะนี้กินเวลานานเท่าไหร่วะ
เพื่อนหมอ : นานสุดเท่าที่เคยเจอก็ราวๆ 1 วัน แต่คนไข้ที่ผ่านเครื่องช่วยหายใจมาแล้วก็ทำใจเอาไว้ได้เลย โอกาสรอดมีประมาณ 1 ใน 100 เท่านั้น เพราะเครื่องนี้มันจะใช้ท้ายๆสุดของการรักษา หรือเรียกง่ายๆว่าช่วยยืดความตายให้นานขึ้น แต่ไม่ได้มีผลต่อการรักษามากนัก เฮ้ยตูอยากรู้ข้อมูลเพิ่มเติมเดี๋ยวถึงบ้านแล้วช่วยเช็คความถี่ในการหายใจต่อนาที การับถ่าย รูม่านตา
ตู : เออๆ เดี๋ยวตูดูให้


เดี๋ยวมีต่อ  ฮือๆ~


บันทึกการเข้า

ฮิ้วววววววววววววววววววววววววววววว






เดาจากหัวกระจู๋...


เสียใจด้วยครับ การจากไปอย่างสงบถือเป็นความโชคดีอย่างหนึ่งของชีวิตนะ


บันทึกการเข้า

งบน้อย
เสียใจ ด้วยอย่างสุดซึ้งครับ
บันทึกการเข้า

ล้ำลึกคนึงหาในดวงจิต ใจเคยคิดตัดสวาทมิอาจสิ้น
ดั่งก้านบัวหักกลางชลาสินธุ์ ผิว่าสิ้นไร้เยื่อยังเหลือใย
แบบนี้เรียก โรคชรา ป่ะคับ
ยังไงก็ต้องเสียใจด้วยกับการพรัดพรากครับ
ถึงมันเป็นสัจธรรม แต่ก็เป็นความจริงที่ทำใจได้ยากนะ  เศร้า
บันทึกการเข้า
ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ  เศร้า
อ่านล่าสุดแล้ว....  ง่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12 พ.ย. 2006, 23:27 น. โดย หมอแมว » บันทึกการเข้า

ฝันซ่อนสับสนวุ่นวาย หย่อนคล้อย
เสียใจด้วยนะคะ

คุณย่าคงดีใจเพราะยังไงพี่ตั้มก็ยัง

นึกถึงคุณย่าเสมอ
บันทึกการเข้า

นานๆ จะเข้ามาที
 เศร้า เศร้า เศร้า เศร้า เศร้า

แสดงความเสียใจด้วยครับ
บันทึกการเข้า

กินรอบวง
หมอแมวมาพอดีเลยดู CASE นี้ให้หน่อยครับ


เมื่อกลับถึงบ้าน บ้านตูถูกประดับไปด้วยไฟสีขาวทั่วบริเวณบ้าน มีเก้าอี้ พัดลม และหนังสือสวดมนต์เตรียมเอาไว้สำหรับงานเรียบร้อยแล้ว ด้วยความตกใจจึงรีบขึ้นไปดูอาการย่าที่บนบ้านทันที

ตู : หายใจ 33 ครั้งต่อนาที มีปัสสาวะ 1 ครั้ง แล้วเรื่องรูม่านตาตูไม่ได้ดู ยอมรับเพราะตูกลัวและดูไม่เป็น
เพื่อนหมอ : อาการก็ถือว่า ok นี่หว่า
ตู : แล้วยังไงต่อดีวะ
เพื่อนหมอ : อาการยังถือว่าปกติมากๆ แต่ตูว่าดูอาการต่อไปอีกซักวันนึงดีกว่า แต่ถ้ามีอะไรคืบหน้าโทรมาหาตูได้ตลอดนะ
ตู : เออๆ ขอบใจเว้ย

บรรดาญาติๆ ก็ลงความเห็นตามที่เพื่อนหมอและหมอจากโรงพยาบาลว่าเราเสียย่าไปแล้ว (ทั้งๆที่แกยังนอนหายใจกึ่งหอบอยู่บนเตียง) แต่ดูสภาพก็แย่มาก หน้าขาวซีดเผือด ดูท่าไม่ดีเลย

บรรยากาศในบ้านตอนนั้น ลูกๆ หลานๆ ทุกคนก็พากันทำความสะอาด บ้างก็ออกไปตระเตรียมซื้ออาหารมาเลี้ยงแขกและญาติในงาน เพราะย่าท่านสามารถไปได้ในทุกๆวินาที ลูกๆบางคนก็พยายามดูดเสมหะแล้วก็ป้อนน้ำให้เพราะดูท่านะคอแห้งเพราะปากท่านแตกมาก แต่ก็ทำไม่ได้เพราะท่านหายใจไมเป็นจังหวะ และน้ำก็ถูกลมดันออกมาจากปากตลอด คืนวันนั้นลูกๆ หลานๆ ก็นอนหลับกันด้วยความเศร้าสลดร่วมกับบรรยากาศที่สลดเป็นที่สุด





วันที่ 9-10  พฤศจิกายน 2549

ย่ายังนอนอยู่ในสภาพเดิม ไม่มีน้ำและอาหารใดๆ ตกถึงท้อง
การดำเนินการเตรียมงานยังคงดำเนินต่อไป เป็นภาพที่น่าสลดสำหรับตูมาก เพราะมันเป็นภาพที่ลูกๆต้องทำใจและตระเตรียมงานศพให้แม่ ทั้งๆที่ท่านยังนอนหายใจอยู่ 

ตูก็ซึ่งเป็นรุ่นหลานก็ทำอะไรไม่ได้มาก นอกจากโทรไปขอความเห็นเพื่อนที่เป็นหมออีกรอบว่าควรนำย่าส่งโรงพยาบาลอีกครั้งหรือไม่ เพื่อนแนะนำว่า ถึงส่งไปหมอก็ได้แต่ให้น้ำเกลือ ให้อาหารเหลว และบางทีการขนส่งอาจจะทำให้เกิดอะไรที่ไม่ดีขึ้น (อาจจะอาการแย่ลง) จากการลองด้วยตัวเอง ด้วยการจับย่าพลิกตัวเพื่อปองกันแผลกดทับ แกทำท่าจะไม่หายใจเอา ก็เลยวางตัวท่านลงและเชื่อเพื่อนในทันที เพื่อนหมอแนะนำว่าควรดูอารไปอีก ถ้าพ้นคืนนี้น่าจะได้คำตอบว่าท่านจะเสียหรือไม่

ตกเย็นลูกๆ หลานๆ ทุกคนประชุมลงความเห็นกันว่าพรุ่งนี้เช้า (11 พฤศจิกายน 2549) ถ้าอาการยังทรงแบบเดิมอยู่ก็จะส่งย่าเข้าโรงพยาบาลทันที

เที่ยงคืน ของวันที่ 10

ตู : เฮ้ยสรุปว่าย่าตูเค้ายังคงอาการเดิมอยู่ว่ะ ตูตัดสินใจกันแล้วว่าจะส่งย่าเข้า รพ เช้านี้ เพราะถ้าทิ้งต่อไปเนี่ยมันจะกลายป็นว่าพวกตู พวกลูกๆ หลานๆ เนี่ยแหละที่ปล่อยให้แกตายเพราะขาดน้ำขาดอาหาร
เพื่อนหมอ : ตูก็ว่ามันแปลกๆว่ะ นี่มันก็นานผิดปกติแล้วด้วย ผิดปกติมากๆ
ตู : เห็นญาติที่อยู่ในเหตุการณ์บอกว่าก่อนกลับจากโรงพยาบาลหมอฉีดยาอะไรไม่รู้ให้เข็มหนึ่ง แล้วก่อนนางพยาบาลกลับก็ฉีดให้ 2 เข็ม มันใช่ยากระตุ้นอะไรรึเปล่า
เพื่อนหมอ : ไม่น่านะตูว่า เป็นได้หลายอย่างอาจจะเป็นยาฆ่าเชื้อ หรือน้ำกลั่นก็เป็นไปได้เพื่อล้างสาย แต่ไม่น่าจะเป็นยากระตุ้นเพราะยาพวกนี้ออกฤทธิ์ไม่เกิน 2 ชม.
ตู : จริงเหรอวะ เออ แต่ถ้าหมอถอดใจเค้าก็คงไม่ให้ยากระตุ้นอย่างที่มึงว่า
เพื่อนหมอ : แต่กูชักอยากรู้แล้วว่าย่ามึงเป็นอะไร มึงเดินขึ้นไปเปิดตาย่าดูหน่อย แล้วเอาไฟฉายส่องดูว่ามีการตอบสนองต่อแสงรึเปล่า เพราะการตอบสอนงเนี่ย ชี้ได้ค่อนข้างชัดว่าย่าท่านอาการโดยรวมเป็นยังไง มีการกรอลูกตาหรือไม่

เดินขึ้นไปบนบ้าน เห็นย่านอนหลับตาอยู่ ทำใจไม่ได้เดินลงมาข้างล่าง
ตู : เฮ้ยตูกลัวว่ะ ตูทำไม่ได้
เพื่อนหมอ : เออๆ งั้นรอดูอาการพรุ่งนี้

และตูก็เข้าไปนอนด้วยอาการเป็นห่วงย่าสุดจิตสุดใจ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12 พ.ย. 2006, 23:18 น. โดย I_AM_SUD_YOD » บันทึกการเข้า

ฮิ้วววววววววววววววววววววววววววววว
สู้ ๆ นะ  แต่ถ้าท่านเวียก็เสียใจด้วยนะ เศร้า เศร้า
บันทึกการเข้า

Jo * W h o : ...
แสดงความเสียใจด้วยครับ  เศร้า
บันทึกการเข้า

เราจะต้องการอะไรมากมายไปกว่า อะไรมากมาย
 เศร้า เสียใจด้วยนะครับ...
บันทึกการเข้า
บันทึกการเข้า
ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ
บันทึกการเข้า
รอเล่าถึงเหตุการณ์ปัจจุบันครับ  เศร้า
บันทึกการเข้า

กินรอบวง
ขอแสดงความเสียใจด้วยครับ
บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2 3 4 5 6 7 8 ... 111
 
 
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2007, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!