หน้า: 1 2 3 4 5 6 7 [8] 9 10 11 12 13 14 15
 
ผู้เขียน หัวข้อ: เพื่อการเข้าถึงพระพุทธศาสนา!!!  (อ่าน 59550 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 ขาจร กำลังดูหัวข้อนี้
 โห โห

คาดไม่ถึงจริงๆนะเนี่ย  ไหว้
บันทึกการเข้า

ยิ้มน่ารัก น้องดำ



มี  คริคริ


เออใช่ มีข้อสอบในวิชาพระพุทธศาสนา รร นานาข้อนึงเป็นสอบย่อยขำๆ

ข้อสี่ - เทวดาในความคิดนักเรียนเป็นอย่างไร ทำอย่างไรจึงจะเป็นแบบนั้น
แล้วนานาตอบว่า ไม่คิดว่าเทวดามีอยู่จริง รู้สึกเหมือนเป็นแรงจูงใจให้คนอยากทำีดีมากกว่าเพราะจะได้สุขสบาย  หมีโหดดดด


 :08:จะเป็นอะไรมั้ยคะตอบแบบนี้


คิดว่าทำดีแล้วจะสุขสบายจริงเหรอครับ


บันทึกการเข้า

งบน้อย
ไม่ค่ะ  หน้ามึน
ถ้าทำดีแล้วหวังจะสุขสบาย นานาึคิดว่าเป็นแบบทำบุญหวังผล
(อันที่จริงแนวคิดเรื่องเทวดาอาจจะเป็นแบบหวังผลก็ได้นะ สงสัยดีกว่าไม่ทำมั้งคะ)

แต่ถ้าบริสุทธิ์ใจ ก็ได้ความสุขทางใจเล็กๆน้อยค่ะ  (อิอิ)
บันทึกการเข้า

ยิ้มน่ารัก น้องดำ

คิดว่าทำดีแล้วจะสุขสบายจริงเหรอครับ



เคยมั้ยที่เวลาคุณช่วยคนแก่ข้ามถนน โดยไม่ได้หวังอะไร  จะรู้สึกว่าปลื้มปิติยินดี ในใจมาก เกิดความสุขใจภายใน ที่ยากจะอธิบาย....... ผมว่า แค่นี้ก็น่าจะเรียกว่าความสุขได้แล้วนะครับ....





.....เมื่อ ก่อน ตอนผมเรียน ผมชอบเรียนพุทธศาสนามาก เพราะผมชอบ บทเรียนที่เกี่ยวกับ พุทธประวัติ

การเรียนพุทธประวัติเยอะๆทำให้เรารู้ว่า พระพุทธเจ้าก็เป้นคนธรรมดา มี สุข มีทุกข์ มีเจ็บมีปวด มีเกิดและมีตาย....

              พระพุทธเจ้าสอนให้อย่าเชื่ออะไรง่ายๆจนกว่าจะได้ลงมือปฎิบัติเอง  เรื่องปาฏิหาริย์ต่างๆเลยไม่ได้ถูกยืนยันอยู่ในพุทธประวัติมากนักเพราะท่านไม่ได้เน้นให้ใครเชื่อ เรื่องฤทธิ์เดชอะไร ท่านเน้นให้เชื่อในคำสอน เกิดศรัทธาและปฎิบัติตามเพื่อพิสูจน์  ผมเชื่อว่าทุกอย่างในคำสอนของท่านสามารถพิสูจน์ได้ด้วยวิทยาศาสตร์......แต่วิทยาศาสตร์ไม่สามารถพิสูจน์ลงลึกเข้าไปในจิตใจและความคิดอันละเอียดอ่อนของมนุษย์ได้



บันทึกการเข้า

ล้ำลึกคนึงหาในดวงจิต ใจเคยคิดตัดสวาทมิอาจสิ้น
ดั่งก้านบัวหักกลางชลาสินธุ์ ผิว่าสิ้นไร้เยื่อยังเหลือใย



ไม่ค่ะ  หน้ามึน
ถ้าทำดีแล้วหวังจะสุขสบาย นานาึคิดว่าเป็นแบบทำบุญหวังผล
(อันที่จริงแนวคิดเรื่องเทวดาอาจจะเป็นแบบหวังผลก็ได้นะ สงสัยดีกว่าไม่ทำมั้งคะ)

แต่ถ้าบริสุทธิ์ใจ ก็ได้ความสุขทางใจเล็กๆน้อยค่ะ  (อิอิ)


นั่นแหละ แค่จะบอกว่าทำดีไม่ต้องเดี๋ยว เอ้ย ทำบุญไม่ต้องหวังผล


บันทึกการเข้า

งบน้อย
ถ้า เป็นผม  จะตอบแบบให้โดนใจอาจารย์เลยนะ

  "เทวดาในความคิดนักเรียนเป็นอย่างไร ทำอย่างไรจึงจะเป็นแบบนั้น"
                   
                     - เทวดา เป็นผู้ที่ เราเห็นว่าท่านเป็นคนดี บริสุทธิ์  ท่านทำประโยชน์ ทั้งแก่ตัวเราและคนอื่น
                        ดังนั้นจึงมี คำกล่าวบางคำว่า เทวดาสำหรับเราคือผู้ที่มีพระคุณสูงสุดของเรา นั่นก็คือพ่อแม่
ที่ท่านทำทุกอย่างให้เราโดยใจบริสุทธิ์ไม่หวังผลตอบแทนใดๆจากเราเลย เป็นคนดีสำหรับเราเสมอมา
ดังนั้น พ่อแม่เป็นเทวดาที่คอยคุ้มครองปกป้องเรา สั่งสอนอบรมเรา 
ครูบาอาจารย์ที่ดีสอนศิษย์โดยเจตนาที่บริสุทธิ์ต้องการที่จะให้วิชาความรู้อย่างแท้จริง
โดยไม่อิงค่าเทอม นั่นก็อาจเรียกได้ว่า ท่านคือเทวดาสำหรับศิษย์เช่นกัน.....................


ประมาณนี้ครับ    ฮิ้ววว

เยี่ยม ให้สิบเต็ม เจ๋ง

แต่ข้างบนนู้น ปักใจค่ะ
บันทึกการเข้า



เป็นวิชา ปั้นน้ำเป็นตัวครับ

บรรยายความดีที่โดนใจ อ. ที่สุดได้คะแนน  หมีโหดดดด
บันทึกการเข้า

เราจะต้องการอะไรมากมายไปกว่า อะไรมากมาย
สาธุ  ไหว้
บันทึกการเข้า

เราแก้ไขอดีตไม่ได้ แต่เราทำปัจจุบันให้ดีได้
 หน้ามึน
บันทึกการเข้า

รับงานถ่ายภาพ
www.rpash.com
http://www.rosenini.com/spiritualtheatre/

พอดีกำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับห้องเรียนเสมือน
เจอเว็บนี้เข้า  คำสอนของท่านพุทธทาสภิกขุ  น่าสนใจดีค่ะ  ลันล้า
บันทึกการเข้า
แล้วทำยังไงถึงได้เป็นพ่่อแม่ครับ  หื่น
บันทึกการเข้า
ก็มีลูกซิคะ   กร๊าก
 แต่ถ้าคิดว่าเด็กเป็นผ้าขาวแล้วสังคมเอาสีไปแต่งแต้มละก็ผิดถนัดค่ะ   
ถ้าตรงๆ ใครเคยสอนให้เราโกหกบ้าง  แล้วโกหกกันเองได้มั้ย   ได้นี่  ใครสอนให้หยิบของแล้วไม่บอกเจ้าของบ้าง(ขโมย)  ไม่มีหรอกค่ะแต่ก็ทำกันได้เอง  แต่สิ่งที่สังคมเอาไปแต่งแต้มคือสิ่งที่เกินธรรมชาติความบาปในตัวเด็กค่ะ  กินเหล้าเมายาไรงี้   ลันล้า
บันทึกการเข้า

อันโตนิโอกะเมโระ ~~


ก็สอนซิ  หน้ามึน

สอนๆๆๆๆๆ เข้าไป

ทำให้ดู

ไม่งั้นจะเรียนพระพุทธศาสนาทำไม เรียนเลขทำไม  เอือม
บันทึกการเข้า

เราจะต้องการอะไรมากมายไปกว่า อะไรมากมาย
พระพุทธศาสนามีบทบาทในชีวิตคนเราอย่างไรมั่งครับ

นอกจากจะทำบุญเพื่อหวังผลบุญ  ถามจริงๆเถอะครับ มีใครมั่งที่ทำอะไรลงไป

แล้วไม่อยากรู้ว่ามันจะเป็นผลยังไง  ก็คล้ายๆกับการทำบุญใช่ไหมครับ

ผมรู้สึกว่า พระพุทธศาสนาที่คนเราสัมผัสได้ มันเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น

เป็นส่วนที่คนเราเอามาปรุงแต่งอีกที  เพื่อเพิ่มความน่าสนใจเข้าไป

แล้วเราจะทำยังไงดีครับ  เพื่อให้คนเราได้เข้าถึงหรือสัมผัสกับพระพุทธศาสนา

อย่างมีคุณค่า  และได้ประโยชน์สูงสุด



พระพุทธศาสนามีบทบาทในชีวิตเราในฐานะของศาสนาที่สอนหลักการดำเนินชีวิตที่เป็นสุข  และในระดับขั้นสูงสอนหลักให้หลุดพ้นจากกิเลสทั้งปวง  เข้าถึงสภาวะที่จิตว่างเปล่าอยู่ตลอดเวลา

หากศึกษาหลักธรรม  พระพุทธศาสนามีอะไรให้คิด  มีหลักให้ปฏิบัติ  เพื่อชีวิตที่สงบสุขเยอะแยะ  ทำบุญเพื่อหวังผลนั้นไม่น่าใช่พระพุทธศาสนานะครับ  เพราะพุทธ  ไม่ได้หมายถึงสิ่งนั้น  พุทธคือความว่างในตัวเรานั่นเอง  พวกทำบุญเพื่อหวังผลน่าจะเป็นเรื่องทีเป็นไปตามสัญชาตญาณคนโดยทั่วไปที่ทำอะไรก็ย่อมหวังสิ่งนั้น  เพียงแต่มาทำกับพระสงฆ์  แล้วติ๊งต่างว่าเป็นชาวพุทธที่ดี  เป็นสิ่งที่ชาวพุทธต้องปฏิบัติ  จะได้ไม่ตกนรก  จะได้ขึ้นสวรรค์  จะได้ขอพรได้  ฯลฯ

แต่ทำบุญในทางพุทธศาสนาเท่าที่ผมพอทราบ  ล้วนไม่ได้ให้ผลแบบพิสูจน์ไม่ได้  เช่น  พวกขึ้นสวรรค์  อะไรพรรค์นั้น  แต่เหตุผลที่การทำบุญมีดี  เพราะทำบุญแล้วมีอานิสงส์ที่ทำให้จิตใจเราปลอดโปร่ง  รู้จักปล่อยวาง  เสียสละ  จิตใจที่ปิติเช่นนี้จะเข้าถึงนิพพานได้ง่ายกว่าจิตใจที่ร้อนรน  เต็มไปด้วยกิเลส ความละโมบ  และช่วยสืบทอดพระพุทธศาสนาด้วย 

พระพุทธศาสนาที่คนเราสัมผัสได้  มีมากมายทีเดียว  ส่วนใหญ่จะเป็นธรรมะอันเป็นส่วนย่อยเป็นองค์ประกอบของชีวิตที่สงบสุข  ส่วนธรรมะที่แท้  ที่มุ่งค้นหาพุทธในใจเรานั้น  แม้จะเข้าถึงได้ยาก  แต่ผมเชื่อว่าคนเรามีขีดความสามารถที่จะเข้าถึงได้

เราจะทำอย่างไรให้เข้าถึงพุทธศาสนาที่แท้จริง  ก่อนอื่นเริ่มต้นด้วยการศึกษาพุทธศาสนาที่แท้จริง  แนะนำหนังสือ สมบัติจากพระพุทธวัจจนะ  ของท่านอาจารย์พุทธทาสครับ

ผมเป็นคนไม่เข้าวัดเลย  เรียนวิชาพระพุทธศาสนาเพื่อให้ได้เกรดเท่านั้น  แต่หลังจากได้ไปฝึกสมาธิที่สวนโมกข์  ผมรู้ได้เลยว่านี่แหละพระพุทธศาสนาแบบที่สามารถทำให้เรามีชีวิตที่สงบสุข  มีสุขได้จริงๆ  และเป็นเหตุเป็นผลมากที่สุดเท่าที่ผมได้รับรู้มาตลอด 19 ปีที่เกิดมาเป็นพุทธศาสนิกชนครับ

เมื่อศึกษาแล้ว  ลองเอามาปฏิบัติดูครับ  แค่เรื่องง่ายๆคือการตามรับรู้อารมณ์ของเราโดยอาณาปานสติ  ทำให้เรานิ่งขึ้น  แค่นิ่งขึ้น  ชีวิตก็ได้อัพเกรดขึ้น 3 เท่าจากที่เป็นอยู่แล้วครับ

ปล.มีอะไรหรือเปล่าที่ทำให้ จขกจ.  ท้อแท้  และมุ่งแสวงหาคำตอบของพระพุทธศาสนา  ลองแบ่งปันข้อเท็จจริงกันได้นะครับ  เพราะมีช่วงหนึ่งที่ผมคิดว่าศาสนาเป็นเรื่องไร้สาระเหมือนกัน  เพราะอาจารย์สอนแต่บทสวดมนต์  สอนเนื้อหาตามหนังสือเรียน  ซึ่งก็ไม่ได้ผิด  แต่มันก็เขียนแบบเดิมๆตั้งแต่ป.1-ม.6  ไม่ได้สอนแก่นของพระพุทธศาสนาเลย  ผมเลยหมดศรัทธาว่าขนาดศาสนาพุทธที่ไอน์สไตน์ว่าเป็นเหตุเป็นผล  ยังไร้สาระขนาดนี้แล้วศาสนาอื่นจะเหลืออะไร

แต่ปัจจุบันหลังได้สัมผัสกับการสอนธรรมแบบสวนโมกข์  ผมเชื่อมั่นว่า  ไม่ว่าศาสนาใด  ก็ทำให้คนเรามีความสุขได้  เพียงแต่มองมันให้ลึกถึงแก่นของมันเท่านั้นพอ
บันทึกการเข้า

โล่ง
ผมไม่ได้จะลบหลู่นะครับเพียงแต่สงสัย ย้ำนะครับ ผมไม่ได้จะลบหลู่นะครับเพียงแต่สงสัย
เพราะศาสนาของใคร ย่อม มีความศรัทธา อย่างแรงกล้าอยู่แล้ว

พระพุทธรูปที่พวกคุณไหว้ กันอยู่ เป็นแค่ปูน ตึกที่ผมอยู่ มันก็ปูน
พระเจ้าของพวกคุณอยู่ในนั้นเหรอ แล้วผมเห็นพระ เอาน้ำมาสาดไล่ผี (เรียกสาดหรือเปล่า คือเอาใบไม้มาจุ่มๆ แล้ว สบัด) และที่เอาอวัยวะเพศชายมาห้อย  ผมรู้สึกงง แปลก นะครับ
ผมไม่เข้าใจ
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 3 4 5 6 7 [8] 9 10 11 12 13 14 15
 
 
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2007, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!