หน้า: 1 ... 5 6 7 8 9 10 11 [12] 13 14 15
 
ผู้เขียน หัวข้อ: เพื่อการเข้าถึงพระพุทธศาสนา!!!  (อ่าน 59499 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 ขาจร กำลังดูหัวข้อนี้
ใช่ๆ  ของคุณก็มีหินศักดิ์สิทธ์ ต้องไปกราบไหว้กัน(ผมได้ยินแว่วๆมาน่ะ ไม่มีก็ขออภัย)

ซึ่งมันก็ไม่เห็นแปลก ก็เป็นแค่สัญลักษณ์ให้ระลึกถึงอะไรบางอย่างเท่านั้น

ดินเหนียว อยู่เฉยๆมันก็เป็นดินเหนียว
แต่เอามาปั้นเป็นพระพุทธรูป คนกราบไหว้เขาไม่ได้กราบไหว้ที่ตัวดินเหนียว เขาระลึกถึงพระพุทธเจ้าต่างหาก เหมือนเวลาเรานึกถึงใครที่เสียไปแล้ว เราก็มีพวกรูปถ่าย หรือของอะไรบางอย่างเก็บไว้ไงครับ

 ปลื้ม  แก้ไขนิดส์หน่อย

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04 ม.ค. 2007, 06:01 น. โดย ซ้ายสะเทือนทุ่ง » บันทึกการเข้า

ในหมู่คนตาบอด คนตาบอดข้างเดียวได้เป็นราชา
แอบอ้าง
เหมือนเห็นแว๊บๆอีกเช่นกัน ว่ามีคนถามว่าทำไมพระของพุทธถึงไม่ทำมาหากิน ทำไมถึงต้องขอทาน ขอข้าวคนอื่นกินไปเรื่อยๆ อันนี้อ่านตอนแรกก็ตกใจ แต่ถ้าถามเพราะไม่เข้าใจและถามเพื่ออยากทำความเข้าใจอันนี้ถือว่าไม่ผิด เพียงแต่ใช้คำพูดรุนแรงไปหน่อย
หัวข้อนั้น ดูเหมือนจะมีคนมาตอบแล้ว ว่าเป็นเพราะพระสงฆ์คือผู้ละแล้วซึ่งกิเลสทั้งปวง ต้องไม่มีความอยากมีอยากได้


การบิณฑบาต  เป็นกิจของสงฆ์ที่ระบุไว้   เป็นจิตมหาโพธิสัตว์  ปฏิบัติช่วยเหลือคนทั่วไป สรรพสัตว์ทั้งหลายมีทุกข์ เพื่อไปช่วยเหลือ เพื่อนมนุษย์ หรือสัตว์โลกทั้งหลายให้พ้นทุกข์ เท่าที่จะสามารถทำได้ รู้จักมีเมตตาธรรมนั่นเอง ครับ
บันทึกการเข้า

กินรอบวง


เพราะพระสงฆ์ เป็นเนื้อนาบุญของโลกครับ

+ป้าครับ เพราะป้าพิมพ์เยอะ แก่แล้วเสียสุขภาพ  หมีโหดดดด
บันทึกการเข้า

เราจะต้องการอะไรมากมายไปกว่า อะไรมากมาย
ใช่ๆ  ของคุณก็มีหินศักดิ์สิทธ์ ต้องไปกราบไหว้กัน(ผมได้ยินแว่วๆมาน่ะ ไม่มีก็ขออภัย)

ซึ่งมันก็ไม่เห็นแปลก ก็เป็นแค่สัญลักษณ์ให้ระลึกถึงอะไรบางอย่างเท่านั้น


หินศักดิ์สิทธ์หรือ อัลฮะญัร อัลอัสวัด ที่กะอฺบะหฺ มัสยิดฮะรอม นครเมกกะห์
ไม่ใช่สิ่งเคารพนะครับ

แต่เป็นเครื่องหมายกำหนด ของการทำกิจทางศาสนาของมุสลิม
เช่นเวลานมาซต้องหันหน้าไปทางทิศที่มีกะบะห์อยู่ คือนครเมกกะ
หรือเวลาประกอบพิธีฮัจน์จะมีการฏอวาฟเวียนรอบ กะอฺบะหฺ ซึ่งเป็นอุกกาบาตสีหินดำ

(หินดำ  มีรูปลักษณะตามนี้แหละครับ)







ด้วยความเคารพ



















 หื่น
บันทึกการเข้า

...
หินศักดิ์สิทธ์หรือ อัลฮะญัร อัลอัสวัด ที่กะอฺบะหฺ มัสยิดฮะรอม นครเมกกะห์
ไม่ใช่สิ่งเคารพนะครับ

แต่เป็นเครื่องหมายกำหนด ของการทำกิจทางศาสนาของมุสลิม
เช่นเวลานมาซต้องหันหน้าไปทางทิศที่มีกะบะห์อยู่ คือนครเมกกะ
หรือเวลาประกอบพิธีฮัจน์จะมีการฏอวาฟเวียนรอบ กะอฺบะหฺ ซึ่งเป็นอุกกาบาตสีหินดำ

เช่นกันครับ กับพระพุทธรูป แต่พระพุทธรูปเป็นเครื่องกำหนดให้ระลึกถึงพระธรรมตามที่ป้าแป้งว่า

ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา  (ชอบจริงๆ เลยคำนี้ พับผ่าซิ  ฮิ้ววว)

นอกนั้น มนุษย์ปรุงรสตามใจชอบทั้งนั้นละครับ
บันทึกการเข้า

เราจะต้องการอะไรมากมายไปกว่า อะไรมากมาย
การทะเลาะกันเป็นบาปไหมครับ
ผมจำได้แค่ว่า การว่าร้ายผู้อื่น เป็นเรื่องไม่ดี ไม่ควรทำ -วจีกรรม รึเปล่า?







ส่วนกายกรรมนี่ยาก ต้องฝึกตั้งกะเด็กๆ

เอ้า ฮาาาา
บันทึกการเข้า

        AH_LuGDeK, AH_LuGDeK_R
โอ้ย  ฮาจริงๆครับ ลุง  ไม่ได้ล้อเล้นนะเอ้า!!    เอือม
บันทึกการเข้า

ล้ำลึกคนึงหาในดวงจิต ใจเคยคิดตัดสวาทมิอาจสิ้น
ดั่งก้านบัวหักกลางชลาสินธุ์ ผิว่าสิ้นไร้เยื่อยังเหลือใย
ประชดก็บาปนะเฟ้ย  ชิ
บันทึกการเข้า

        AH_LuGDeK, AH_LuGDeK_R


ขอให้อโหสิ ในทุกๆ การกระทำที่ได้ทำไม่ดีไว้

ทั้ง มโนกรรม วจีกรรม กายกรรม เปียงยาง    หมีโหดดดด

สาธุ  ไหว้

บันทึกการเข้า

เราจะต้องการอะไรมากมายไปกว่า อะไรมากมาย
+ป้าแป้ง กับ จ๊ากกรี  ไหว้
บันทึกการเข้า
อ๋อๆ อย่างนี้นี่เอง ขอบคุณที่เข้ามาตอบเรื่องหินศักดิ์สิทธ์ และ การบิณทบาทค่ะ  ไหว้
แต่ตอนแรก นึกว่าการบิณทบาท คือ สิ่งที่เขียนไปตั้งแต่แรกซะอีก เหมือนที่ภิกษุต้องปลงผม คิ้ว แล้วก็ต้องหุ่งห่มผ้าห่อศพ (แต่เดี๋ยวนี้เป็นผ้าจีวรธรรมดา)เพื่อละความสวยงาม ละกิเลสซะอีก

 ฮิ้ววว แหะๆ ป้าก็ตีความไปเป็นเรื่องเดียวกันตั้งนาน











..คงไม่ใช่ป้าตีความผิดอีกนะ  เอือม  เดี๋ยวหน้าแตกอีก  หน้าแตก



 ยิ้มน่ารัก



บันทึกการเข้า

เราแก้ไขอดีตไม่ได้ แต่เราทำปัจจุบันให้ดีได้
บวกป้าแป้ง  เจ๋ง

ป.ล. ศาสนา ใช้เผยแผ่ครับ
บันทึกการเข้า
เผยแผ่  ฮิ้ววว ป้าก็ว่าคุ้นๆ เหมือนเคยใช้มาก่อน  ฮิ้ววว
บันทึกการเข้า

เราแก้ไขอดีตไม่ได้ แต่เราทำปัจจุบันให้ดีได้
กดบวกไปหลายครั้งครับ
ขอบคุณหลายๆ ความเห็น

คุณชัยวุฒิยังสงสัยอะไรอีกไหมครับ ฮิ้ววว
เห็นว่าโดนคุมประพฤติอยู่ ยังอยากให้อ่านเลยยังไม่ย้ายขึ้นหิ้ง
บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ
ผมหา กระจู๋ หรือที่คนตอบและคัยกันเรื่อง หมากับ มุสลิม ไม่เจอ
เลยเอาที่คุยกับเพื่อน มาให้อ่าน เรื่อง หมาและ มุสลืม
....................

โจรบาทเดียว เสียวว้อย!!! says:
เช ทำไมมุสลิม ไม่ชอบหมา มาจากแนวคิดอะไรรึ

บุรุษไปรษณีย์ของกวีหนุ่ม says:
ผมเคยตอบไว้

โจรบาทเดียว เสียวว้อย!!! says:
แถวไหนท่าน

บุรุษไปรษณีย์ของกวีหนุ่ม says:
พี่สมัครไทยไรเตอรไว้ป่าว

บุรุษไปรษณีย์ของกวีหนุ่ม says:
ลอคอินก่อนดิ

โจรบาทเดียว เสียวว้อย!!! says:
ไม่ได้สมัครท่าน

บุรุษไปรษณีย์ของกวีหนุ่ม says:
มันอยู่ในห้องสโม

โจรบาทเดียว เสียวว้อย!!! says:
งี้ก้เข้าไปดูไม่ได้สิ

บุรุษไปรษณีย์ของกวีหนุ่ม says:
เดี่ยวผมไปหาก่อน

บุรุษไปรษณีย์ของกวีหนุ่ม says:
เรื่องหมาๆๆเลย

โจรบาทเดียว เสียวว้อย!!! says:
เจ๋ง


บุรุษไปรษณีย์ของกวีหนุ่ม says:
http://www.thai-writer.com/forum/index.php?topic=1405.0

บุรุษไปรษณีย์ของกวีหนุ่ม says:
หรือจะอ่านทางนี้

บุรุษไปรษณีย์ของกวีหนุ่ม says:
สุหมา ไม่ใช่สัตว์ต้องห้ามในอิสลาม ไม่ต้องงกับคำตอบ อันนี้กูรู ตอบเอง ฮ่า ๆๆที่จริงกฏว่าด้วยสุหมาในอิสลาม เป็นเรื่องของความสะอาด นะยิส คือ ความสกปรก หรือสิ่งสกปรกเกี่ยวกับสุหมา มีหลักว่า หากตัวสุหมาเปียก หรือคนเปียก ไม่ว่าฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่งเปียก กระทบกัน หรือสัมผัสกัน ถือเปนนะยิส(หมายถึงตัวเปียก)หรือไม่ตัวเปียก แห้งทั้งคู่แต่โดนน้ำลายสุหมาเลียเอา ให้ล้างด้วย seven water เจ็ดน้ำ

บุรุษไปรษณีย์ของกวีหนุ่ม says:
น้ำแรกด้วยน้ำผสมดิน หกน้ำต่อมา น้ำเปล่า ๆหากจับต้องสุหมา หรือสัมผัส แบบแห้ง ๆ ไม่ต้องล้างมันก็เลยดูยุ่งยากสำหรับมุสลิมที่จะเลี้ยงสุหมาไว้ในบ้าน หรือเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงที่จริงไม่ได้มีข้อห้ามเรื่องการเลี้ยงเลย หากใครทนได้ที่จะต้องล้างน้ำ เซเวนวอเตอร์จากความยุ่งยากดังกล่าวทำให้กลายเป็นวัฒนธรรมที่ซึมลึกว่ามุสลิมไม่เลี้ยงสุหมาจนพัฒนากลายเป็นความรู้สึกขัดแย้ง ไม่อยากเข้าใกล้สุหมา

บุรุษไปรษณีย์ของกวีหนุ่ม says:
คือถ้าเป็นไปได้ไม่อยากยุ่งกับสุหมา


บุรุษไปรษณีย์ของกวีหนุ่ม says:
มันมีหลายประเดนที่คนสงสัย

โจรบาทเดียว เสียวว้อย!!! says:
ว่าไป


บุรุษไปรษณีย์ของกวีหนุ่ม says:
มีคนถาม

บุรุษไปรษณีย์ของกวีหนุ่ม says:
ครั้งหนึ่งแฟนผมมาเล่าให้ฟังว่า ในสวนใกล้ ๆอพาร์ทเมนต์ที่เธอพักอยู่ ซึ่งมีเจ้าของเป็นมุสลิมนั้นมีหมาดำตัวหนึ่งพลัดหลงเข้ามา (คาดว่ามาจากหมู่บ้านจัดสรรที่อยู่ใกล้ ๆ)มันจึงโดนล้อมและถูกรุมตีด้วยเสียม จอบ และไม้หน้าสามชะตาขาดอยู่ตรงนั้นแต่เธอมีรายละเอียดและเล่าได้น่าเศร้ากว่านี้มากผมเองถึงแม้จะคิดว่าเป็นความเชื่อของพี่น้องมุสลิมและแม้จะไม่ได้ชอบหมามากมายอะไรนักแต่ผมก็เศร้าครับ

บุรุษไปรษณีย์ของกวีหนุ่ม says:
คนถามชื่อ ไอ้ปลง

บุรุษไปรษณีย์ของกวีหนุ่ม says:
ผมตอบ- ในกรณีของไอ้ปลง เล่ามา เคยเกิดขึ้นบ่อยในสามจังหวัด บ้านเกิดของผมหากมีสุหมาหลงเข้ามาในดงหมู่บ้านมุสลิม เป็นอันว่ารอดยากต้องเข้าใจว่า หลักการ กับ ผู้ปฏิบัติ บางครั้งไม่ได้สอดคล้อง หรือ เข้าใจผิด ตีความผิด คิดไปเองสุหมา ไม่มีทางเป็นสัตวืต้องห้าม ในอิสลาม สัตว์ต้องห้ามในอิสลามถ้าชัดๆ คือ สุหมู แต่ก็เพียง ห้าม รับประแดกเท่านั้น

บุรุษไปรษณีย์ของกวีหนุ่ม says:
ไม่ได้ให้ทำร้ายสุหมู ในกรณีสุหมา หากเกิดเหตุ อย่างไอ้ปลงว่า นั้นเป็นอคติที่ผิดเพี้ยน บิดเบี้ยวมาจากคำสอนในทางตรงกันข้าม ในคัมภีร์ กลับมีตำนานของสุหมากับเซเว่นสลีปเปอร์ สุหมาเฝ้าถ้ำให้กับผู้ศรัทธาเรื่องนี้มีอยู่ทั้งในกุรอานและไบเบิล

บุรุษไปรษณีย์ของกวีหนุ่ม says:
ที่มากไปกว่านั้นคือ ในอัลกุรอานกล่าวถึง สุหมาที่เลี้ยงเพื่อการล่าสัตว์ตามปกติแล้ว มุสลิม ถ้าจะรับประทานเนื้อสัตว์ ต้องผ่านการเชือดและกล่าวพระนามเท่านั้นแต่กรณีของสัตว์ที่ล่ามาจากสุหมาที่ผ่านการฝึกเพื่อล่า เพียงคุณกล่าวนามตอนปล่อยมันให้ล่าเท่านั้น หากสัตว์ที่ล่ามาได้ หากตายแล้วก็รับประแดกได้ แต่ต้องตัดชิ้นส่วนตรงที่สุหมากัดทิ้งไปในกรณีเหยื่อที่ล่ายังมีชีวิต ให้ทำการเชือดตามปกติ

บุรุษไปรษณีย์ของกวีหนุ่ม says:
ความเข้าใจว่า สุหมาเปนแอนิมอลต้องห้ามนั้น ผิดครับผิดทั้งจากคนภายนอกมอง และคนภายในเองมีส่วนที่ทำให้คนภายนอกเข้าใจผิดด้วยผมเคยเขียนตอบยาว ๆ ลงในเวบบอร์ดนิตยสารฟ้าเดียวกัน ที่ลงข้อความว่าสุหมาเป็นสัตว์ต้องห้ามในอิสลามแต่หาไม่เจอแล้ว.....ถ้ามีข้อสงสัยไรอีก จะมาตอบอีก

บุรุษไปรษณีย์ของกวีหนุ่ม says:
วันก่อน ผมได้ดูยูบีซี เกี่ยวกับสุหมาชั้นเยี่ยมที่ใช้ล่าสัตว์ของชาวอาหรับเป็นสุหมาตัวผอม ๆ แต่ว่องไว ในบทกวีอาหรับก็มีการพรรณาถึงความงามสง่าของสุหมาพวกนี้ไว้เหมือนกันในประเทศที่ยังมีการล่าสัตว์ เช่นในบางประเทศแถบตะวันออกกลาง ยังนิยมเลี้ยงเพื่อฝึกในการล่าสัตว์แต่ในสังึคมที่ไม่มีการล่าสัตว์แล้ว ความนิยมในการเลี้ยงจึงไม่มีให้เห็น และด้วยเนื่องจากความยุ่งยากของการต้องล้างเจ็ดน้ำ

บุรุษไปรษณีย์ของกวีหนุ่ม says:
จึงเป็นสาเหตุหนึ่งทำให้มุสลิมทั่วโลกไม่นิยมเลี้ยงสุหมา และการพัฒนากลายเป็นเหมือนสัตว์ต้องห้ามจึงเป็นเพียงความรู้สึกและเป็นพัฒนาการที่ผิดเพี้ยนอย่างแน่นอนแม้กระทั้งตัวผมเอง เคยมีความคิดเช่นนั้นอยู่ในอดีต เพราะเกิดและโตในบริบทดังกล่าวครั้งได้ศึกษา จึงเข้าใจความจริงแท้คืออะไร

บุรุษไปรษณีย์ของกวีหนุ่ม says:
แต่...ความรู้สึกเกร็ง ๆ เวลาเจอสุหมาก็ยังอยู่ในสำนึกเพราะไม่มีสุหมาตัวใดเลยในหมู่บ้าน สุหมาจึงกลายเป็นสัตว์ต่างวัฒนธรรมของมุสลิมไปเลยความรู้สึกอยากที่จะล้างให้หมด แต่ความเข้าใจที่ถูกต้องสามารถทำได้ เมื่อรู้แจ้งหลาย ๆ อย่างที่เราเห็นบางครั้งเป็นศาสนาระดับชาวบ้านจึงไม่อาจสรุปทันทีว่านั้นคือ คำสอนทางศาสนา

บุรุษไปรษณีย์ของกวีหนุ่ม says:
OK ไหมว่ะ กระจ่างสุดแล้ว
บันทึกการเข้า

หน้า: 1 ... 5 6 7 8 9 10 11 [12] 13 14 15
 
 
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2007, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!