ขอแบบจริงจังครับ
...
วิชาพระพุทธศาสนา
สร้างทัศนคติที่ไม่ดีของนักเรียน ต่อศาสนาครับ
แต่เดิมศาสนาเป็นเรื่องของวัฒนธรรม และวิถีชีวิต
พอหลังๆ มา คนมันมีที่ให้ไปมากกว่าวัด
กระทรวงศึกษาก็เลยบรรจุวิชาพระพุทธศาสนาลงในหลักสูตร
(รวมถึงในวิชาสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม)
เป็นไอเดียที่ดีครับ...
แต่ในทางปฏิบัติ... พบว่ามันล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงครับ
...
ผมเรียนหลักธรรมซ้ำๆ มา 6-7 รอบแล้วครับ
แต่ความสำคัญของหลักธรรรมกลับมีความสำคัญแค่
ในคืนก่อนสอบ และชั่วโมงสอบ... จากนั้นแม่งก็ไปเดินห้าง
เหล่หญิง ดูหนัง ฯลฯ...
เอาล่ะ
ในเมื่อวิถีชีวิตมันตีห่างศาสนา หากจะเอาไปยัดกลับ
มันก็ผิดธรรมชาติครับ
ไม่ซึมซับ ไม่ซาบซึ้ง... แถมยังทำให้พาลไม่ชอบเข้าวัดเข้าวาไปอีก
...
เรียนพระพุทธศาสนาแต่ไม่ได้ทำให้เป็นคนดีขึ้นเนี่ย... เสียเวลานะครับ
...
การเข้าถึงการเข้าใจพุทธศาสนาจริงๆ
ก็เหมือนการทะลวงลมปราณให้เชื่อมจุดต่างๆ ให้เดินลมปราณสะดวก
ต้องทำลายกำแพงของอคติออกไปก่อน...
บางทีอคติอาจจะมีอยู่บางๆ แต่มองไม่เห็น
...
ดังนั้นการเข้าถึงศาสนาจึงควรจะทำโดยความเข้าใจ
ไม่ใช้การท่องสูตร...
เราน่าจะเข้าใจว่า ทำไมพระุพุทธเจ้าถึงสอนหยั่งงั้น
ทำไมมรรคมีองค์ 8 ทำไมแบ่งเป็น ไตรสิขา ศีล ปัญญา สมาธิ
ไม่ใช่การถามคำถามอจินไตย หรือไร้สาระนะครับ
แต่ในความรู้สึกของผมมันเป็นการพิสูจน์ว่า ทฤษฎีนั้นถูกต้อง
...
พอเราเข้าใจถึงอะไรบางอย่างในหลักธรรม
อคติลึกๆ มันก็จะหายไปเองครับ
...
ทั้งหมดนี้โดยความรู้สึกของผมนะ
ผมเองมีอคติกับคำสั่งคำสอนทุกสิ่งทุกอย่าง
และบางทีมีความคิดลึกๆว่างมงาย...
แต่พอพยายามทำความเข้าใจจริงๆแล้ว
มันทำได้การปฏิบัติตามเป็นไปโดยความสบายใจครับ
อย่างไรก็ดี การใช้เหตุผล การเข้าใจถึงหลักธรรม
ยังคงต้องควบคู่ไปกับการปฏิบัติ การภาวนา ทำสมาธิ
ทำใจให้สงบ และมีสติ...
ยังคงเป็นอะไรที่ผมยังห่างไกลมากเลย