หน้า: [1] 2 3 4 5
 
ผู้เขียน หัวข้อ: เวตาล วานตอบ  (อ่าน 20596 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 ขาจร กำลังดูหัวข้อนี้
ก่อนอื่นขอขอบคุณ นิตยสาร ค คน ที่ทำให้อยากตั้งจู๋นี้ขึ้นมา
ก็เป็นนิทานเป็นตอนๆ เล่าจบแล้วจะมีคำถามที่อยากให้ได้ไปขบคิดและเสนอแนวทางการคิดมากัน
อยากให้อธิบายยาวซัก 25-30 บรรทัดโดยประมาณจะได้มีการอ่านระบบวิธีอธิบายหลักการและเหตุผลอย่างจริงจัง

นิทานเรื่องแรก... (กะว่าเดือนละเรื่องก็เหนื่อยละ  ฮิ้ววว)

เป็นเกร็ดเล็กๆ เกี่ยวกับชาย 2 คนที่มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์
คนแรกชื่อ โสเครติส ในประวัติศาสตร์มักอธิบายรูปพรรณสัณฐานว่า
เป็นชายหลังงุ้ม หน้างอคอหักแบบปลาทูแม่กลอง วันๆ ไม่ค่อยทำอะไรเอาแต่เดินตั้งคำถามกับคนนุ้นคนนี้ คำถามส่วนใหญ่ของโสเครติสฟังเผินๆ อาจดึงดูดอวัยวะใช้เดินของจิ๊กโก๋ หน้าปากซอยยุคนี้เป้นอันมาก

แต่ลองจินตนาการดูว่าในยุค 200ปีก่อนคริสตกาล ซึ่งองค์ความรู้และการศึกษายังไม่ถูกเซตเป็นระบบนั้น
บรรดาผู้คนที่เคยนึกว่า "รู้อะไร" มากพอแล้ว พอเจอคำถามของผู้เฒ่าหน้างอคอหักรายนี้ต้อนเข้า สุดท้ายก็จะพบว่าตัวเอง "ไม่รู้อะไรเลย"

โสเครติสสะสมชื่อเสียงในลักษณะนี้ จนเป็นที่รู้จักกว้างขวาง บรรดาเจ้านายใหญ่โตที่พอมองเห็นคุณค่าการศึกษาในสมัยนั้น ต่างก็พากันส่งลูกหลานข้ามน้ำข้ามทะเลมาเรียนกับโสเครติส จนผู้มีอำนาจในยุคนั้นเริ่มหวาดระแวง
สุดท้ายก็มอบข้อหามีการกระทำอันเป็นภัยต่อเทพเจ้า และมอมเมาผู้คนให้สับสน..
ข้อหานี้มีความรุนแรงถึงขั้นต้องเอาชีวิต

ชื่อเสียงของโสเครติสเพิ่มเป็นทวีคูณก็เพราะเหตุการณ์นี้ เพราะเขาเลือกที่จะเผชิญหน้ากับอาญา กลืนยาพิษฆ่าตัวตาย แทนที่จะยอมอ่อนข้อประนีประนอม ทั้งที่ถ้าจะทำก็พอมีทางเอาชีวิตรอดได้

ราว 2000 ปีถัดมา ในยุคที่ศาสนจักรมีอิทธิพลครอบงำชี้เป็นชี้ตายชีวิตผู้คน มีผู้ชายคนหนึ่งชื่อ
กาลิเลโอ กาลิเลอีชายคนนี้เป็นประเภทเชื่ออะไรต้องมีการทดลองและพิสูจน์ให้ประจักษ์กับตา เขาไม่เชื่อว่าลำพังแค่ตรรกะแบบคอมมอนเซนส์ที่ฟังดูเข้าทีจะเป็นจริง ทุกสิ่งต้องทดลองและพิสูจน์ให้ประจักษ์ทั้งสิ้น

การทดลองที่มีชื่อเสียงของกาลิเลโอ  เริ่มตั้งแต่มีการหักล้างความเชื่อตามเหตุผลคอมมอนเซนส์ที่บอกว่า เมื่อปล่อยหินสองก้อนที่มีมวลไม่เท่ากัน หินก้อนที่หนักกว่าจะตกถึงพื้นก่อน ซึ่งผลการทดลองปรากฏว่า - ไม่จริง

แต่ที่เป็นเรื่องเป็นราวก็คือ การทดลองส่องกล้องเพื่อนพิสูจน์ว่าโลกกลมและหมุนรอบดวงอาทิตย์ ไม่ใช่แบนและเป็นศูนย์กลางจักรวาลเหมือนที่ศาสนจักรพร่ำสอนผู้คน

พูดแบบนี้ก็มีเรื่องซิท่านเอ๋ย ที่ประชุมศาสนจักรลากตัวกาลิเลโอมาลงทัณฑ์ ในระหว่างขั้นตอนการพิจารณาความนั้น ที่ประชุมได้ถามกาลิเลโอว่า ยังเชื่ออยู่ไหมว่าโลกกลมและหมุนรอบดวงอาทิตย์

ว่ากันว่าเหตุผลที่ทำให้กาลิเลโอถูกลดโทษเหลือเพียงจองจำและยังแอบเขียนตำราความรู้ของเขาได้ต่อไป จนกลายเป็นความรู้ใหม่ให้กับโลกอีกในภายหลังก็คือ ณ นาทีที่อยู่ต่อหน้าที่ประชุมศาสนจักรนั้นกาลิเลโอยอมพูดในสิ่งที่ตรงข้ามกับความเชื่อของตนเอง

ต้องรออีกหลายร้อยปี กว่าที่สำนักวาติกันจะตีพิมพ์แสตมป์รูปกาลิเลโอ กาลิเลอี อันมีนัยแสดงความยอมรับถึงบางเรื่องในอดีต

คำถามที่เวตาลฯ อยากรู้ก็คือ
1. ถ้าไม่นับส่วนที่เป็น "องค์ความรู้" หากคุณผู้อ่านมีบุตรหลาน คุณผู้อ่านจะส่งบุตรหลานของท่านไปรับการศึกษาจากใครในระหว่างผู้ชาย 2 คนนี้
2. โดยรสนิยมส่วนตัว คุณผู้อ่าน "นับถือ" วิถีทางของใครมากกว่ากัน

โปรดอย่าลืมว่าคำตอบไม่มีถูกผิด ไม่มีผลแพ้ชนะเหมือนฟุตบอล ขอแค่ความซื่อสัตย์และคำอธิบายดีๆ เท่านั้น

(พิมพ์เหนื่อยมากเลย  ง่ะ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05 ม.ค. 2007, 11:21 น. โดย ^-FakE-^ » บันทึกการเข้า

เราจะต้องการอะไรมากมายไปกว่า อะไรมากมาย
มาทักเรื่องไม้โท ฮิ้ววว



ชิ แก้แล้วนี่หว่า  ชิ
บันทึกการเข้า

Today you , Tomorrow me.
ประชุมก่อนเดี๋ยวกลับมาอ่าน  หมีโหดดดด
บันทึกการเข้า

รับงานถ่ายภาพ
www.rpash.com
อ่านแล้วคันมืออยากตอบ แต่ยังกั๊กไว้ก่อน
(+1) ค่าตั้งกระจู๋ที่ทำให้สมกับเป็น "นักปั่นดีเด่น" ขึ้นมาหน่อยครับ


ป.ล.นึกถึงเรื่องนิทานเวเตย ของธวัชชัย คิดอ่าน คริคริ
บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ
1. ไม่นับรวมองค์ความรู้  ก็แสดงว่า ต้องการให้บุตรหลานไปศึกษานิสัยใจคอรูปแบบการดำเนินชีวิตของ
เขานะซิ ใช่มั้ยครับ ถ้าผมมีลูกผมคงไม่อยากให้ลูกผมตาย ......   
แค่นี้คงจะรู้นะครับว่าผมเลือกที่จะส่งไปเรียนกับใคร

2. ส่วนตัวถ้าให้ย้อนไปยุคนั้น ผมว่า ทั้งสองท่านนี้ เกิดอยุ่ในยุคที่ต้องก้มหัวให้กับกฏระเบียบของสังคมอย่างมาก การฉีกตัวออกมาโดดเด่นจึงเป็นลักษณะเฉพาะตัวที่หาได้ยาก คนแรก โสเครติส  ส่วนตัว
คิดว่าเขา มีความยึดมั่นถือมั่นมากเกินไป บางที่คำว่าชื่อเสียงอาจทำให้เขาไม่กล้าลงจากหลังเสือจึงตัดสินใจตายซะบนนั้น....ส่วนกาลิเลโอ   ส่วนตัวคิดว่าเขาไม่ใช่นักอุดมการณ์แต่เป็นนักวิทยาศาสตร์ ดังนั้นการมีชีวิตอยุ่เพื่อต่อยอดความรู้จึงเป้นหนทางที่เขาคิดว่าดีที่สุด .....  และถ้าให้เปลียบบุคคลสองท่านนี้แล้ว
ให้ชี้ชัดว่าชอบใคร  ความเป็นจริงชอบ คนละแบบ  แต่บางครั้งคนเราจำเป้นต้องเลือกอย่างเดียว ผมจึงเลือกที่จะชื่นชอบ กาลิเลโอ  มากกว่า  อนาคตเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ใช่อยุ่เพื่อตัวเองแต่อยุ่เพื่อความก้าวหน้า
ของวิทยาการ.........
บันทึกการเข้า

ล้ำลึกคนึงหาในดวงจิต ใจเคยคิดตัดสวาทมิอาจสิ้น
ดั่งก้านบัวหักกลางชลาสินธุ์ ผิว่าสิ้นไร้เยื่อยังเหลือใย
เชื่อว่าอีตอนที่กาลิเลโอจะโดนสั่งตัดสินประหาร
แกคงไม่ได้มาคิดเรื่องประมาณว่า "กูจะต้องอยู่รอดเพื่อวิทยาการ" หรอกครับ
บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ
อ้าวเหรอ  !!  งั้นเปลี่ยนๆๆ



                 


          แต่ก็ยังเลือก  กาลิเลโอ อยุ่ดี  เอือม
บันทึกการเข้า

ล้ำลึกคนึงหาในดวงจิต ใจเคยคิดตัดสวาทมิอาจสิ้น
ดั่งก้านบัวหักกลางชลาสินธุ์ ผิว่าสิ้นไร้เยื่อยังเหลือใย

คำถามที่เวตาลฯ อยากรู้ก็คือ
1. ถ้าไม่นับส่วนที่เป็น "องค์ความรู้" หากคุณผู้อ่านมีบุตรหลาน คุณผู้อ่านจะส่งบุตรหลานของท่านไปรับการศึกษาจากใครในระหว่างผู้ชาย 2 คนนี้

ตอบ   กาลิเลโอ เพราะทั้งความรู้หลากหลายสาขาวิชา  ปฏิภาณ ความรู้จักเอาตัวรอดดีกว่าโสเครติส 

2. โดยรสนิยมส่วนตัว คุณผู้อ่าน "นับถือ" วิถีทางของใครมากกว่ากัน

ตอบ   กาลิเลโอ เพราะรู้จักเอาตัวรอดมากกว่า คนเราความรู้อย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะเอาตัวรอดได้ ดังนี้ บางครั้งเราต้องรู้จักเอาตัวรอดด้วย  เช่น ถ้าวันนั้นกาลิเลโอบอกว่าตัวเองยังเชื่อว่าโลกกลม  ทฤษฎีอีกมากมายที่กาลิเลโอคิดขึ้นก็คงไม่มีขึ้นในโลกนี้ หรือถ้ามีก็อาจจะช้ากว่าที่กาลิเลโอคิดไป 200-300ปี 

 หมีโหดดดด


บันทึกการเข้า

นานๆ จะเข้ามาที
กาลิเลโอ กาลิเลอี ชายคนนี้เป็นประเภทเชื่ออะไรต้องมีการทดลองและพิสูจน์ให้ประจักษ์กับตา

ทั้งสองข้อเลยตอบ กาลิเลโอ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05 ม.ค. 2007, 11:44 น. โดย kitty » บันทึกการเข้า

+เ ครับ
บันทึกการเข้า

รับงานถ่ายภาพ
www.rpash.com
 (แจ๋ว แจ๋ว)
บันทึกการเข้า

เราแก้ไขอดีตไม่ได้ แต่เราทำปัจจุบันให้ดีได้
ผมไม่รู้จัก ทั้งสองท่านนี้เป็นการส่วนตัวนะครับ  ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการ พบเจอ หรือพูดคุยกัน หรือ การเรียนรู้ถึงลักษณะนิสัยใจคอกันเลย  ฮิ้ววว

ทีนี้ เมื่อรู้จัก 2 ท่านนี้ แค่ ตามที่คุณเปี๊ย เล่ามา บวกกับเคยอ่าน และ ฟังคนอื่นพูดถึงมาบ้าง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าถูกต้องมาน้อยเพียงใด ( ด้วยความรู้สึกส่วนตัวนะ ประวัติบุคคลสมัยนั้น มีความน่าเชื่อถือน้อยมาก จะออกแนวไปตามความรู้สึก ของคนเล่า หรือคนเขียน และยิ่งเพิ่มเติมขึ้นไปอีกตามเวลา ขนาดบุคคล ที่อยู่สมัยเดียวกัน เดี๋ยวนี้ ตอนนี้ เรายังไม่รู้จักเค้า จริงๆจังๆเลย) เอ๊ะ เริ่มออกแนวเถลไถล ไปไกล (เหงื่อแตกพลั่ก)

เอาตามข้อมูลที่ให้มา  องค์ความรู้ เปรียบเทียบกันไม่ได้อยู่แล้ว เนื่องจาก อยู่คนละยุคสมัยกัน
การสั่งสมความรู้มาจาคนรุ่นก่อนๆ พื้นฐานก็ไม่เท่ากัน จะเปรียบเทียบได้ก็คง พวก ลักษณะการแสวงหาความรู้ ลักษณะการคิด จินตนาการ
-ทั้ง2คนรักการเรียนรู้เหมือนกัน
-คนนึงชอบถามเป็นหลัก คนนึงชอบพิสูจน์ด้วยตนเอง : การถาม จะทำให้ได้ข้อมูลมาอย่างรวดเร็ว และจะได้ข้อมูลมาประมาณ 80% ของผู้ตอบซึ่งถือเป็นการย่อยความรู้ที่เร็วมาก แต่ถ้าผู้ตอบตอบมาผิดๆ ก็ตัวใครตัวมัน ไอ้มืดหมี ส่วนการลองด้วยตนเองใช้เวลานานกว่ามาก แต่จะได้ความเข้าใจในแบบตัวเองกลับมา เจ๋ง ข้อนี้ผมชอบทั้ง2อย่างครับ แต่ถามบ่อยกว่าเพราะว่าเร็วดี คนที่ผมถามบ่อยสุดคือ google ลันล้า
-ทั้ง 2 คนมีแนวคิดและวิถีทางเป็นของตัวเอง เป็นต้นแบบเด็กแนวแท้ๆ
-คนนึง ปรับเปลี่ยนได้ เพื่ออยู่รอด อีกคน ยึดมั่น แม้ตายก็ยอม หมีโหดดดด โดยส่วนตัวอีกแล้ว ผมไม่ชอบคนไม่กลัวตายนะ ดูน่ากลัวยังไงไม่รู้ (เหงื่อแตกพลั่ก) นึกถึงพวกระเบิดพลีชีพ อะไรแนวๆนี้

สรุปคือ กาลิเลโอ เฉือนไปนิดเดียว ตรงกลัวตายนี่แหละครับ กร๊าก
บันทึกการเข้า

E entao pergunta Se eu estou em paz E eu digo sim, i feel wonderful tonight
1. ถ้าไม่นับส่วนที่เป็น "องค์ความรู้" หากคุณผู้อ่านมีบุตรหลาน คุณผู้อ่านจะส่งบุตรหลานของท่านไปรับการศึกษาจากใครในระหว่างผู้ชาย 2 คนนี้
โสเครติส เพราะ เราไม่ได้เรียนเรื่องราวของท่านผ่านหลักสูตร สปช.และเรื่องราวของท่าน ก็แทบจะไม่มีบันทึกไว้เป็นตัวอักษร

2. โดยรสนิยมส่วนตัว คุณผู้อ่าน "นับถือ" วิถีทางของใครมากกว่ากัน
นับถือ กาลิเลโอ  เพราะ  รู้จักการเอาตัวรอดได้ เดินไปเจอต้นตาลขวางหน้าอยู่ เราเดินอ้อมก็ได้ไม่จำเป็นต้องปีนข้ามไป ครับ

และ่ก็นับถือโสเครติสตรงที่ ไม่ละทิ้งอุดมการณ์ ถึงตัวท่านจะตาย แต่อุดมการณ์ ยังคงอยู่
บันทึกการเข้า

กินรอบวง
1.
ถ้าไม่นับองค์ความรู้ หรือนับก็ตามแต่ จะส่งลูกหลานไปเรียนกับโสเครติส
ชอบครูบาอาจารยืที่สอนให้เด็กช่างคิดช่างสงสัย

ที่โสเครติสถามนั้น ไม่ใช่ว่าโสเครติสไม่รู้ บางเรื่องโสเครติสรู้แล้ว แต่ถามเพื่อสร้างความกระจ่างให้แก่ตัวผู้ถูกถามเอง ว่าที่ตนเองรู้จริงหรือไม่
ซึ่งแนวคิดและหลักการถามเพื่อให้เกิดปัญญา เป็นเหมือนปูรากฐานขั้นต้นให้แก่ลูกของเราเอง
เพราะการถามของโสเครติสไม่ใช่ถามเพื่อต้องการคำตอบ แต่ถามเพื่อให้นำไปคิดแล้วต่อยอด

การให้ลูกเราไปเรียนกับกาลิเลโอก็เหมือนกับการเลือกโรงเรียนที่มี อ. เก่งให้ลูกไปเรียน
แต่ให้ไปเรียนกับโสเครติสเพื่อไปซึมซับแนวคิดหรือหลักการณ์ต่างๆ ที่สอนกันผ่านตัวหนังสือไม่ได้

2.
โดยส่วนตัวนับถือ กาลิเลโอ ในแง่ของการประนีประนอม เป็นดั่งต้นไผ่ต้องลม
แต่ตรงส่วนนี้เราสามารถสอนลูกหลานของเราเองได้ 

 ยิ้มน่ารัก
บันทึกการเข้า

เราจะต้องการอะไรมากมายไปกว่า อะไรมากมาย
คุณเชื่อมั้ย   ?

         ว่า เมื่อ ลูกเรายังเด็กเขาจะ ถามคำถามเรา ซ้ำแล้วซ้ำอีก  เราก็จะเพียรตอบมันอยุ่อย่างนั้นด้วยความเอ็นดู ในความชั่งสังเกตุ

และเชื่อมั้ยว่า ?

        เมื่อเราแก่ตัวไป เราก็จะเพียรถามคำถามเดิมๆกับลูกซ้ำแล้วซ้ำอีก เหมือนกัน   แต่ลุกจะไม่ตอบคำถามเราซ้ำแล้วซ้ำอีกหรอก

เผลอๆ โดนลูกตะคอกใส่หน้าอีกด้วยนะ.....ว่า "ถามอะไรนักหนาน่ารำคาญ!!!"
บันทึกการเข้า

ล้ำลึกคนึงหาในดวงจิต ใจเคยคิดตัดสวาทมิอาจสิ้น
ดั่งก้านบัวหักกลางชลาสินธุ์ ผิว่าสิ้นไร้เยื่อยังเหลือใย
หน้า: [1] 2 3 4 5
 
 
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2007, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!