หน้า: 1 2 [3] 4 5 6 7 8 9 10 ... 162
 
ผู้เขียน หัวข้อ: โครงงานสอบปัญหาธรรมะทางก้าวหน้า  (อ่าน 558489 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 ขาจร กำลังดูหัวข้อนี้
ธรรมกายเป็นยังไงผมไม่ทราบครับ
รู้แต่ธรรมศาสตร์ มีแต่สาวน่ารัก ยิ้มน่ารัก
บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ



เคยแต่สอบข้อเขียนถ้าจำไม่ผิดตอน ม.4
บันทึกการเข้า

Las Noches Rubicundior
ธรรมกายเป็นยังไงผมไม่ทราบครับ
รู้แต่ธรรมศาสตร์ มีแต่สาวน่ารัก ยิ้มน่ารัก
พี่แอน....  เหลือบ
จริงครับจริง...  (อิอิ)
บันทึกการเข้า
อย่างเช่น เอ๋  จ๊วบ
บันทึกการเข้า
ต้องรู้อันที่ถูกก่อนน่ะครับ ถ้าไม่รู้อันถูกชัดเจนเป๊ะๆก็จะไม่เข้าใจว่ามันผิดอย่างไร
บันทึกการเข้า

ในหมู่คนตาบอด คนตาบอดข้างเดียวได้เป็นราชา
ก่อนจะตอบคำถาม
ผมว่าพี่จักรีน่าจะลองมาศึกษาที่วัดดูก่อนนะครับ
ดูจากคำถามแล้วเป็นคำถามที่ฟังมาจากคนอื่นทั้งนั้น เขาว่า < เขาไหนครับ

มันเหมือนกับเรื่องวางระเบิดฟิวเจอร์ฯ เลย
เขาว่า มันวางระเบิดฟิวเจอร์คนเดินห้างเจ็บเพียบ
พออีก ทางฟิวเจอร์เองมาแถลงข่าวเลยว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ซึ่ง
มันก็ไม่มีจริงๆเพื่อนผมก็ไปเดินซื้อของตามปกติ

 เอือม

ตอบนะครับ

คนที่ไปทำบุญหลายคนใช้เงิน เพื่อซื้อพื้นที่ สำหรับนั่งสมาธิจริงมั้ย ที่เป็นอย่างนั้น เพราะเชื่อกันว่าเป็นการใช้เงินเพื่อ ซื้อพื้นที่สวรรค์ชั้นดุสิตจริงหรือ .....?

ไม่จริงครับ ที่วัดไม่เคยบังคับใครทำบุญเลย

ธรรมกายสอนให้นั่งสมาธิแล้วเพ่งไปที่ใจกลางสิ่งใดสิ่งหนึ่งแล้วบอกว่ามันเป็นที่สุดของสมาธิทั้งที่มันเป้นแค่สมถะ จริงหรือ

ผมเองไม่เคยได้ยินคำว่า เป็นที่สุดของสมาธิเลยครับ จากปากครูบาอาจารย์
สมาธิที่เรียกว่า สมถะ คือ สมาธิระดับพื้นฐานทั่วๆไป 40 วิธี ของที่วัดก็จัดเป็น 1 ใน 40 วิธี
คือดูนิมิตแสงสว่าง
สมาธิที่เรียกว่า วิปัสสนา คือสมาธิในระดับของพระอริยบุคคล สามารถพิจารณาอริยสัจ4 เข้าสู่พระนิพพาน

ส่วนเรื่องคำสอนผมไม่รุ้ว่าบิดเบือนรึเปล่า นะครับ เพราะผมไม่ได้เข้าไปศิกษาเรื่องราวเกี่ยวกับธรรมกายอย่างจริงจัง
แต่ที่ได้ยิน ธรรมกายบิดเบือนแก่นของศาสนา ที่ว่าด้วยเรื่องนิพพาน   เพราะ เท่าที่ผมรู้และผมเชื่อ
นิพพานคือการหลุดพ้น หลุดพ้นจากวัฏสงสาร การเวียนว่ายตายเกิด คือสูญ ไปเลยอะไรประมาณนี้ น่ะครับ 
แต่ธรรมกาย ไม่บอกอย่างนั้น ซึ่งบอกในทำนองว่าด้วยผลตอบแทนจากการทำบุญ สุขสบาย มีความสุข
ขึ้นสวรรค์อะไรประมาณนี้ จึงทำให้ ได้รับความศรัทธาจากผู้คนที่ยังคงมีกิเลส ซึ่งไม่รุ้ตัว ใช้เงินมากมายเพื่อจะให้ได้ซึ่งนิพพาน.......
หรือเพราะกลัวว่าถ้าไม่บิดเบือนจะไม่มีคนมาทำบุญก็ไม่รู้


http://www.dhammakaya.or.th/meditation/dhammakaya_scriptures_th.php
ผมคิดว่า มนุษย์ทุกวันนี้ บิดเบือนตนเองมากกว่า
แล้วยังจะมาโทษพระโทษเจ้าว่าบิดเบือนคำสอน

ไปๆมาๆ มันก็เข้าข่ายที่ว่า

อยากรู้ว่าเกมนี้มันส์อย่างไร ก็ต้องไปเล่นเองมานั่งดูคนอื่นเค้ามาเล่ามันก็ไม่ได้
อยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับธรรมกาย ก็มาบวชเลยครับ
มาลุยด้วยตัวเองเลยศึกษาเองเลย
ที่วัดไม่มี yuri ครับ

ปล.บวชภาคฤดูร้อนที่วัดเริ่มรับสมัครละ ระยะบวชประมาณ 2 เดือน  ฮิ้ววว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09 ม.ค. 2007, 00:06 น. โดย ชาร์ป » บันทึกการเข้า

รับงานถ่ายภาพ
www.rpash.com
ลิงค์เสียครับ

แล้วถ้าอยากบวชที่วัดนี้มีเงื่อนไขอะไรพิเศษที่แตกต่างจากวัดทั่วไปไหมครับ
บันทึกการเข้า

กินรอบวง
 งง ผมยังเปิดดูได้อยู่เลยครับ
บันทึกการเข้า

รับงานถ่ายภาพ
www.rpash.com
แอบอ้าง
ลิงก์ที่ไหนเขามี 3 จุดกันล่ะครับ
บันทึกการเข้า

Today you , Tomorrow me.
อ้าว  ฮิ้ววว ลืมดู

ขอบคุณครับ
แก้แล้วครับ
http://www.dhammakaya.or.th/meditation/dhammakaya_scriptures_th.php

แอบอ้าง
แล้วถ้าอยากบวชที่วัดนี้มีเงื่อนไขอะไรพิเศษที่แตกต่างจากวัดทั่วไปไหมครับ

ต้องท่องคำขานนาคได้เองครับ
ถ้าท่องไม่ได้จะไม่ผ่านการรับสมัครครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09 ม.ค. 2007, 00:28 น. โดย ชาร์ป » บันทึกการเข้า

รับงานถ่ายภาพ
www.rpash.com

วันหลังผมจะมาขอคำชี้แนะประเด็นหลักๆ  คงอาจจะหลังจากการทำความเข้าใจ กับลิ้งที่พี่ชาร์ปให้มา
 ทั้งหมดก่อน

        และขอออกตัวนิดนึงครับว่า ผม เองก็เคยลองฝึกวิธี แบบธรรมกายอยุ่ช่วงหนึ่งเหมือนกัน
        เพราะช่วงนั้นผมอยุ่ มัธยม อาจารย์ ที่สอนสังคมกับภาษาไทย ผม เขา ศรัทธาธรรมกายมาก
จึงเกณฑ์ นักเรียนไปทำบุญ นั่งสมาธิ และ ไปบวช ที่วัด โดยบอกว่า ถ้าใครไม่ไป ไม่ให้จิตพิสัย 
ซึ่งนี่อาจจะเป็นสิ่งที่ผมคิดว่ามันไม่ถูกต้องและ อาจจะลามไปจนถึงทำให้ผมเริ่มอคติต่อธรรมกาย...
แต่ผมไม่ปฏิเสธ อะไร เพราะผมก็อยากลองเหมือนกัน....ผมไป ครั้งแรก รุ้สึกขนลุกเลย คือคนหลายร้อย
คนนั่งสมาธิกัน เงียบมาก อืม.. ในใจก็คิดว่า อืมดีๆเป็นการ ฝึกสมาธิที่ดี แต่หลายอย่างที่
ที่มันไม่ใช่ก็ตามมาเรื่อยๆ ในความคิดผม....เมื่อมีคนมากก็ย่อมเกิดปัญหา ซึ่งผมเชื่อว่าเกิดจาก
คนที่ไม่เต็มใจมาแต่ถูกบังคับให้มาอย่างโรงเรียนผมตอนนั้น......

      --- หลังจากกลับมาจากธรรมกาย ผมได้เรียนรู้อะไรมาหลายอย่างรวมทั้งจิตใจที่เป็นสมาธิด้วย
           
         และอีกหลายอย่างที่ผมได้เรียนรู้จากที่นั่น คือ ศรัทธาของคน ที่ แรงกล้าและเอ่อล้น...จนน่ากลัว
 น่ากลัวว่าสักวันหนึ่ง  ถ้าเกิดมีอะไรผิดพลาดเรื่องการเข้าใจผิดที่เกิดจากศรัทธาแรงกล้าเหล่านี้
จะก่อเกิดปัญหา ตามมา.....   ซึ่งปัญหาต่างๆที่ผมได้ยินมาเรื่อยๆ มันทำให้ผมรุ้สึกว่ามันมีความเป็นไปได้มาก.....

      * ที่พี่ชาร์ปบอกว่า ทางวัดไม่ได้บังคับ ~~ แต่ก็ไม่ได้ปรับหรือแนะนำ ผู้ที่ทำบุญเลยเหรอครับทั้งที่น่าจะทำได้
หรือมองว่า ไม่ใช่กิจ.....

     ---- พอกลับมาผมก็ไม่ได้คิดอะไรกับคำสอนมากนักเพราะผมคิดว่าสิ่งเหล่านี้ มันเป็นเรื่องที่รู้ได้เฉพาะ
ตนจริงๆ  หรืออาจเป็นเพราะว่าผม ใช้เวลาช่วงสั้นในการศึกษาและปฏิบัติก็ไม่รุ้นะ... เพราะสำหรับผมการ
นั่งสมาธิกำหนดจิต ไปที่สิ่งใดสิ่งหนึ่งเพื่อให้เกิดสมาธิ นั้นเป็นเรื่องที่ผมถูกสอนมาจนเป็นพื้นฐาน
ว่าทำแบบนี้แล้วจะทำให้เกิดสมาธิได้จริง.....

    ---- อย่างโพสต์ ที่ แล้ว ที่ผมอ้าง คำว่า "เขาว่า" นั้น เพื่อที่จะได้ไม่ก่อให้เกิดปัญหาที่ตามมาทีหลัง ......
ซึ่งแน่นอน ที่คนเราอาจจะรับรุ้ข่าวสาร มาต่างๆนานา ผิดๆถูกๆ ถ้า
ผมเชื่อตามนั้นทั้งหมดผมคงไม่อ้าง คำนี้แน่นอน......

   ---- พอแค่นี้ก่อนครับ  เรื่องชวนผมไปบวชที่นั่น ผมคงปฏิเสธนะครับ
เพราะผมมีจุดประสงค์และทางปฏิบัติของผมอยุ่แล้ว  และที่สำคัญ ผมไม่ชอบยูนิฟอร์มสงค์ที่นั่น  ฮิ้ววว   

อีกอย่างครับ จุดมุ่งหมายของ โพสต์แรก คือการปรับอคติที่ผมมีต่อธรรมกาย...ที่ผมต้องการปรับ
เพราะผมสนใจหัวข้อตอบปัญหาธรรมนี้แหละครับ สมมตินะครับ ว่า ผม เข้าใจว่า นิพพาน คือการหลุดพ้น...
แต่ทางธรรมกายไม่ได้บอกอย่างนั้น  แล้วผมจะตอบคำถามถูกมั้ยครับ....??

หรือ จะให้ผมไปอ่านหนังสือแล้วยึดตามหนังสือ แล้วเอามาตอบ ~~

หรือว่าจะมองผมเป็นบัวในตรมที่ สอนอะไรไปบอกอะไรไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น จึงไม่เลือกที่จะชี้แนะผม 
ถ้าคิดอย่างนั้นก็ต้องขอโทษไว้ ณ ที่นี้ด้วยแล้วกันนะครับ...............


.......................................................................................................
บันทึกการเข้า

ล้ำลึกคนึงหาในดวงจิต ใจเคยคิดตัดสวาทมิอาจสิ้น
ดั่งก้านบัวหักกลางชลาสินธุ์ ผิว่าสิ้นไร้เยื่อยังเหลือใย
(+2) จักรี เลขสวยดี




อคติจากคนนอกที่มองเข้าไปยังคำว่า "ธรรมกาย"
ก็คือความอึดอัดเวลาคุยกับผู้ศรัทธานี่แหละครับ
อารมณ์ประมาณว่า มึงจะอะไรกันนักกันหนานักวะ

จ่าที่ผมเคยต้องเป็นลูกมือแก ชวน (จริงๆ คือบังคับ) ไปนั่งสมาธิอย่างบ่อย แต่ไม่เคยไป
เวลาต้องออกไปไหนทีแกก็เปิดเทปเพลงธรรมกายตลอดเวลา (ขอต้อย หมวกแดง ได้ไหมครับ)
พอเห็นแววตาผม (ที่แสดงออกค่อนข้างชัดว่าพยายามจะต่อต้านความอึดอัดนี้) แกก็แสดงอาการไม่พอใจละ

เชื่อว่าชาร์ปเป็นคนเข้าใจง่าย ก็คงเข้าใจฟิลนี้และไม่ถือสากันนะครับ


ที่โพสต์นี้เพื่ออยากเสนอว่า ทางธรรมกายน่าจะมีกุศโลบายอะไรสักอย่าง
ที่คัดกรองความศรัทธา ไม่ให้เกิดเป็นความงมงาย
แล้วสาระที่เชื่อว่ามีอยู่ให้ตักตวงนั่น จะสามารถเผยแพร่ได้อย่างเต็มที่กว่านี้ครับ




ป.ล.
อันนี้ไม่ค่อยเกี่ยวกัน แต่อ่านบทความใน ผจก รายสัปดาห์
เจอมอตโต้เด็ดของทั่นพุทธทาสภิกขุบอกว่า "อย่าบ้าบุญกันนักเลย"
โคตรเจ๋งเลยครับ
บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ


จริง ๆ คือไม่ค่อยชอบวัดที่มีเงินเยอะ โดยส่วนตัว  หมีโหดดดด

มันดูไม่ วัดๆ ยังไงไม่รู้
บันทึกการเข้า

เราจะต้องการอะไรมากมายไปกว่า อะไรมากมาย
ธรรมกายบิดเบือนคำสอนเกี่ยวกับนิพพาน
ซึ่งถือเป็นปลายยอดของพุทธศาสนา
พวกเรามนุษย์เดินดิน ส่วนมากก็จะปฏิบัติกันอยู่แถวๆฐานของพุทธศาสนาน่ะครับ
ส่วนนิพพานเป็นปลายยอด  เหมือนเส้นชัย  แต่มันไปถึงยากครับ  มันไม่ใช่เรื่องของคนธรรมดาๆน่ะครับ(หมายถึงพุทธศาสนิกชนทั่วๆไป)

คือมันเป็นเรื่องของพระ(คนที่บวชเรียน)น่ะครับที่จะต้องศึกษา และปฏิบัติ
ส่วนคนอย่างเรา(คนที่ไม่ได้บวชเรียน)เขาแค่ให้ปฏิบัติกันแบบง่ายๆน่ะครับ พวกศีล5 นั่งสมาธิก๊อกๆแก๊กๆ

แต่พระธรรมวินัยที่พระสงฆ์ต้องปฏิบัติมันจะยุ่งยากกว่ามาก 

ทีนี้ ไอ้นิพพานนี่มันส่วนยอด  เราไม่เกี่ยวอยู่แล้ว

แต่ปลายยอดของมันคือสาระสำคัญของมันจริงๆน่ะครับ
อธิบายไม่ถูก
ถ้าโครงสร้างมันผิดเพี้ยน มันจะเพี้ยนไปกันใหญ่
เหมือนกับถ้าเราเปลี่ยนเป้าหมายซะแล้ว  มันก็จะกลายไปเป็นอีกเรื่องไปเลย

นิพพานเป็นเป้าหมาย ของพุทธศาสนา เป็นสภาวะที่เหมือนกับหมดเชื้อปะทุน่ะครับ

ซึ่งลองนึกภาพว่ามันเป็นยอดดอยน่ะครับ  เราต้องขึ้นไปถึงยอดดอย เราจึงจะบอกได้ว่า  ถึงยอดแล้ว
แต่ธรรมกายสอนให้ขึ้นมาแค่ครึ่งดอย แล้วบิดเบือนบอกว่า
มาถึงยอดดอยแล้ว  ทั้งๆที่มันยังไม่ถึง

มันเสียหลักการ แล้วทำให้ยอดด้วน  ถ้ามันผิดไปเรื่อยๆ มันก็จะด้วนไปเรื่อยๆน่ะครับ

อยากรู้เรื่องแบบชัดเจน ไปฟังท่านเจ้าคุณ พระธรรมปิฎก (ป. อ. ปยุตโต)
แกตอบดีกว่า
แต่ว่ายาวมาก
http://rabob.tripod.com/tmk.html

 ปลื้ม
ไอ้ สอนให้เป็นคนดี อะไรทำนองนั้น มันเบสิกๆน่ะ  มันเพี้ยนตรงยอดนู้น ซึ่งบางทีมันมาไม่ถึงเรา หรือเราไม่มีทางไปถึงอยู่แล้ว
แต่ว่า
คือถ้ายอดมันยังอยู่ ลูกหลานเราหรือคนรุ่นต่อไปก็จะยังมีทางให้ไปถูกน่ะครับ(ถ้าอยากจะไปนะ)
แต่ถ้ายอดมันด้วนเสียแล้ว มันหมดหนทางไปเลยนะครับ

แล้วจะมานั่งใต้ต้นไม้คิดกันใหม่นี่  มันเป็นไปไม่ได้นะครับ  ไม่มีทางคิดได้กันเองใหม่ได้หรอก
จริงๆนะ
บันทึกการเข้า

ในหมู่คนตาบอด คนตาบอดข้างเดียวได้เป็นราชา
จำเป็นไหมว่าต้องบวช ถึงจะไปนิพพานได้  งง

คุ้นๆว่า ในพุทธประวัติ ก็มีตั้งหลายคนนะ
แต่คงเปรียบเทียบกับสมัยนี้ไม่ได้
เพราะสมัยนั้น คนเรามุ่งแสวงหาสัจธรรม
มุ่งแสวงหานิพพานกันอยู่แล้ว
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 [3] 4 5 6 7 8 9 10 ... 162
 
 
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2007, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!