ไม่รู้ว่าต้องบวชหรือเปล่าถึงจะนิพพานได้
แต่ที่แน่ๆ ต้องฝึก ต้องปฏิบัติครับ
อย่างณัฐว่าแหละครับ เข้าโรงเรียนเหมาะกว่า
/
สมัยพุทธกาล ที่คนฟังพระพุทธเจ้าแสดงธรรมเสร็จ
ก็บรรลุอรหันต์ได้ เนื่องจากคนสมัยนั้น มีการบำเพ็ญเพียรกันขนาดหนัก
มีการฝึกสมาธิกันเป็นกิจวัตร จนได้ฌานกันอยู่แล้ว
พระอาจารย์ของผมท่านบอกว่า อย่างพวกโยคีที่อินเดีย
บางท่านฝึกสมาธิจนถึงขนาดว่า ให้ผู้หญิงไปลูบลึงค์ ก็ไม่รู้สึกอะไร
แต่อย่างในปัจจุบัน ปัญหาก็คือ
เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่า โรงเรียนไหนที่จะเหมาะกับจริตของเรา
จนกว่าจะได้เข้าไปเรียน แล้วจะฝึกปฎิบัติ
แล้วอีกอย่างนึง คนสมัยนี้จะหาคนที่ตั้งใจ
ปฎิบัติธรรม ไปให้ถึงพระนิพพานได้เนี่ย ยากยิ่งกว่ายาก
แต่จะหาครูบาอาจารย์ ที่จะคอยชี้แนะให้ไปถึงได้ยิ่งยากกว่า
เพราะคนที่จะบอกได้ว่า คนๆนั้น ''รู้'' ก็คือคนที่ "รู้" แล้วเท่านั้น
กรณีของธรรมกาย หรือแม้กระทั่งกรณีของท่านพุทธทาส
ก็ยังมีคนบอกว่า ท่านพุทธทาสสอนผิด
ผมไม่อาจก้าวล่วงไปวิจารณ์ ทั้งธรรมกาย หรือ ท่านพุทธทาส
เพราะตัวผมเอง ก็ไม่ได้ "รู้" จริง
ก็ได้แค่พยายามเป็น พุทธศาสนิกชนที่ดี
ที่แม้จะไม่ค่อยดีนัก
ปฎิบัติธรรมบ้างในบางโอกาส
ผมยังเชื่ออยู่ว่า แค่การเข้าใจ ไม่เพียงพอ เราไม่สามารถ "รู้" ได้
้จากการถกเถียงหาข้อยุติ หรือจากการอ่านท่องพระไตรปิฎก
แต่เราจะ "รู้" ได้จากการปฎิบัติเท่านั้น
กรณีของกระจู๋นี้ผมว่าเป็นเรื่องของเจตนาดี
ที่จะชักชวนผู้คนให้สนใจ พระพุทธศาสนา
ส่วนที่ว่า จะผิดจะถูกในส่วนยอด
เชื่อว่าผู้มีปัญญาแต่ล่ะท่าน คงมีสติ รับรู้ และแยกแยะได้ในที่สุด
ป.ล. คิดต่อนะครับว่า ถ้าต้องบวช นี่เป็นสาเหตุนึงใช่ไหมครับ
ที่ผู้หญิงจะไม่มีโอกาสไปถึงนิพพาน