หน้า: 1 2 3 4 5 6 [7] 8 9 10 11 12 13 14 ... 162
 
ผู้เขียน หัวข้อ: โครงงานสอบปัญหาธรรมะทางก้าวหน้า  (อ่าน 558017 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 ขาจร กำลังดูหัวข้อนี้
รอคุณ tmd มา แสนนานครับ ถูกใจครับ  
  
             ชาวตะวันตกหลายคนเชื่ออย่างนั้นครับ  คือตายแล้วสูญ ไปเลย  จึงทำอะไร หลายๆอย่างได้โดยไม่คิด ใช้ชีวิตอย่างที่อยากใช้  ผมว่าเรื่องวัฒนธรรมการฟรีเซ็กนี่ก็น่าใช่   แต่พอถึงจุดหนึ่ง เขาก็จะมีความรับผิดชอบ เองโดยส่วนตัว
บันทึกการเข้า

ล้ำลึกคนึงหาในดวงจิต ใจเคยคิดตัดสวาทมิอาจสิ้น
ดั่งก้านบัวหักกลางชลาสินธุ์ ผิว่าสิ้นไร้เยื่อยังเหลือใย
กระจู๋นี้ได้แต่อ่าน เพราะไม่มีความรู้ลึกซึ่งด้านพระพุทธศาสนา
...
เรื่องพระไตรปิฎก มีของมหาวิทยาลัยมหิดลที่ได้ทำเอาไว้เรียบเรียงโดยผู้ชำนาญการภาษาบาลี
...
เรื่องศาสนา เรื่องนิพพาน เรื่องศรัทธา ผมเชื่อว่าแต่ละศาสนามีจุดคล้ายกันอยู่ที่ว่า มันไม่ใช่สิ่งที่เข้าใจได้ด้วยการพูด แต่ต้องด้วยการทำ
และต้องไม่ปักใจฝังใจกับสิ่งนั้น แต่ต้องก้าวข้ามไปเอง
บันทึกการเข้า

ฝันซ่อนสับสนวุ่นวาย หย่อนคล้อย

ความคิดเห็นแบบนั้นเรียกตามศัพท์ทางพุทธศาสนาเรียกว่า "อุทเฉททิฏฐิ"
เป็นมิจฉาทิฏฐิ ที่ ถือว่าเป็นความคิดที่สุดโต่งไปข้างหนึ่ง และไม่ใช่ความเชื่อตามพระพุทธศาสนาครับ

ถ้าพระพุทธเจ้าสอนว่าคนเราเกิดมาแล้วก็ตายสูญกันไปเลย
มันก็คือไม่มีการกระทำ ไม่มีผลของกรรม
การทำอะไรทุกอย่างก็แค่สักว่าทำ ตายแล้วก็จบกัน

คำสอนเรื่องนิพพานก็คงไม่มี...

เพราะทุกคนเกิดมา เดี๋ยวตายก็สูญกันไป (เบื่อโลกมากก็เอามีดปาดคอตัวเองก็จบ)

 เกย์ออก

ถ้าแบบนั้น เอาพุทธศาสนาวางไว้ข้างๆ ก่อน
ก็มีสิทธิ์คิดได้ ใช่ไหม
บันทึกการเข้า


ความคิดเห็นแบบนั้นเรียกตามศัพท์ทางพุทธศาสนาเรียกว่า "อุทเฉททิฏฐิ"
เป็นมิจฉาทิฏฐิ ที่ ถือว่าเป็นความคิดที่สุดโต่งไปข้างหนึ่ง และไม่ใช่ความเชื่อตามพระพุทธศาสนาครับ

ถ้าพระพุทธเจ้าสอนว่าคนเราเกิดมาแล้วก็ตายสูญกันไปเลย
มันก็คือไม่มีการกระทำ ไม่มีผลของกรรม
การทำอะไรทุกอย่างก็แค่สักว่าทำ ตายแล้วก็จบกัน



ผมไม่เชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมครับ แล้วก็ไม่เชื่อเรื่องชาติภพด้วยแหละ
นี่คือเป็นการสุดโต่ง และเป็นมิจฉาทิฏฐิใช่ไหม
(พระพุทธตั้งบอกว่า อย่าเชื่อเพียงเพราะผมหน้าตาดี)

เพราะเชื่อในตอนนี้ว่าเวลาเราตายไปก็จบครับ หยอดเหรียญเล่นต่อไม่ได้


ชาวตะวันตกหลายคนเชื่ออย่างนั้นครับ  คือตายแล้วสูญ ไปเลย  จึงทำอะไร หลายๆอย่างได้โดยไม่คิด ใช้ชีวิตอย่างที่อยากใช้  ผมว่าเรื่องวัฒนธรรมการฟรีเซ็กนี่ก็น่าใช่   แต่พอถึงจุดหนึ่ง เขาก็จะมีความรับผิดชอบ เองโดยส่วนตัว

ส่วนตัวคิดว่าไม่เห็นจะเกี่ยวกันตรงไหน
กับการไม่เชื่อแล้วต้องปล่อยชีวิตให้เหลวแหลกครับ
เหมือนกับว่ามันไม่เป็นเหตุเป็นผลซึ่งกันและกัน
(ตูหิว มีร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ดอยู่ปากซอย แต่ตูไม่อยากกิน ไม่ได้แปลว่าตูไม่หิว... ตัวอย่างอะไรของมันวะ)


ตรงนี้ผมพยายามคุมประเด็นให้อยู่ในเรื่องนิพพาน และการตั้งคำถามกับคำว่านิพพาน
ว่าถ้าใครคนหนึ่งที่ไม่ได้รู้จักหรือมีความเชื่อตามมายาคติแบบอินเดียมาก่อน
เขาจะสามารถหลุดพ้น หรือไปถึงปรมัตถ์ได้ไหม
ถ้าเขาไม่รู้เรื่องชาติภพ (ศาสนาอื่นก็ เขาไม่รู้เรื่องข่าวดีของพระเจ้า)
เขาจะมีสิทธิ์อย่างชาวพุทธเพศชายที่ผ่านการบวชไหม



ใครที่เพิ่งเข้ามารู้จักกันแล้วมาอ่านอาจดูเหมือนชวนทะเลาะนะ แต่ไม่ใช่
ละไว้ในฐานที่เข้าใจว่าเราข้ามเรื่องของการชวนทะเลาะไปเลยละกันครับ
อยู่ที่นี่ดีอย่างตรงที่สามารถพูดกันตรงๆ แบบร่าเริงได้.. ก็จริงใจดี หมีโหดดดด
บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ
สูญนะครับ  (อิอิ)
แนวคิดป้าแป้งเหมือนอ่าน ชาแมนคิงเลย

ว๊ายเขิน เขียนผิดอีกแล้ว ฮิ้ววว
ปล. ชาแมนคิงไม่เคยอ่าน แต่เคยเห็นที่ช่อง 9 หรือ ไอทีวีนี่แหละ แว๊บๆ ประมาณว่า ที่มันเป็นพวกต่อสู้โดยใช้เวทมนต์ เล่นแร่แปรธาตุอะไรงี้เป่า?

ปล. อันนี้ถามเพื่อความเข้าใจนะ เพราะป้าก็ไม่แน่ใจ
ดูเหมือนว่า คำสอนของพระพุทธเจ้าเนี่ย พูดถึงเรื่องสัจจะ หลักธรรมมะ และบอกว่ากรรมคือการกระทำกรรมดีก็ส่งผลดี กรรมชั่วก็ให้โทษ ไม่มีเรื่องชาตินี้ ชาติหน้า

ส่วนเรื่องชาตินี้ ชาติหน้า นรก สวรรค์ เทวดา อิทธิปาฎิหาร และการบำเพ็ญเพียรเป็นร้อยๆชาตินั้น เกิดมาจากการสังคายนาในครั้งต่อๆมา ที่เอาความเชื่อไตรภูมิมาเสริมเพื่ออธิบายเรื่องหลักธรรมให้เป็นรูปธรรมได้ง่ายขึ้น

อีกอย่างบทสวดต่างๆ(อ่านแบบที่แปลแล้ว มาจากบาลี) ก็ไม่พูดเรื่องว่าทำดีขึ้นสววรค์ทำชั่วตกนรก สั่งสมบุญบารมีได้ระดับนึงก็จะไปเสวยสุขที่ดาวดึงค์ ส่วนใหญ่บทสวดเหมือนจะบอกให้หมั่นทำความดี มีสติ ทดแทนคุณพ่อแม่ อะไรประมาณนี้...รึเปล่า?

คือป้าก็ไม่ได้แตกฉานเรื่องพุทธศาสนาหรอกนะ  ฮิ้ววว
บันทึกการเข้า

เราแก้ไขอดีตไม่ได้ แต่เราทำปัจจุบันให้ดีได้
เคยได้ยินมาแบบป้าเหมือนกัน
แต่อันนี้ตูดันเชื่อ
บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ
อ่านสีแดงนะ

วันหลังผมจะมาขอคำชี้แนะประเด็นหลักๆ  คงอาจจะหลังจากการทำความเข้าใจ กับลิ้งที่พี่ชาร์ปให้มา
 ทั้งหมดก่อน

        และขอออกตัวนิดนึงครับว่า ผม เองก็เคยลองฝึกวิธี แบบธรรมกายอยุ่ช่วงหนึ่งเหมือนกัน
        เพราะช่วงนั้นผมอยุ่ มัธยม อาจารย์ ที่สอนสังคมกับภาษาไทย ผม เขา ศรัทธาธรรมกายมาก
จึงเกณฑ์ นักเรียนไปทำบุญ นั่งสมาธิ และ ไปบวช ที่วัด โดยบอกว่า ถ้าใครไม่ไป ไม่ให้จิตพิสัย 
ซึ่งนี่อาจจะเป็นสิ่งที่ผมคิดว่ามันไม่ถูกต้องและ อาจจะลามไปจนถึงทำให้ผมเริ่มอคติต่อธรรมกาย...
แต่ผมไม่ปฏิเสธ อะไร เพราะผมก็อยากลองเหมือนกัน....ผมไป ครั้งแรก รุ้สึกขนลุกเลย คือคนหลายร้อย
คนนั่งสมาธิกัน เงียบมาก อืม.. ในใจก็คิดว่า อืมดีๆเป็นการ ฝึกสมาธิที่ดี แต่หลายอย่างที่
ที่มันไม่ใช่ก็ตามมาเรื่อยๆ ในความคิดผม....เมื่อมีคนมากก็ย่อมเกิดปัญหา ซึ่งผมเชื่อว่าเกิดจาก
คนที่ไม่เต็มใจมาแต่ถูกบังคับให้มาอย่างโรงเรียนผมตอนนั้น......

      --- หลังจากกลับมาจากธรรมกาย ผมได้เรียนรู้อะไรมาหลายอย่างรวมทั้งจิตใจที่เป็นสมาธิด้วย
           
         และอีกหลายอย่างที่ผมได้เรียนรู้จากที่นั่น คือ ศรัทธาของคน ที่ แรงกล้าและเอ่อล้น...จนน่ากลัว
 น่ากลัวว่าสักวันหนึ่ง  ถ้าเกิดมีอะไรผิดพลาดเรื่องการเข้าใจผิดที่เกิดจากศรัทธาแรงกล้าเหล่านี้
จะก่อเกิดปัญหา ตามมา.....   ซึ่งปัญหาต่างๆที่ผมได้ยินมาเรื่อยๆ มันทำให้ผมรุ้สึกว่ามันมีความเป็นไปได้มาก.....

      * ที่พี่ชาร์ปบอกว่า ทางวัดไม่ได้บังคับ ~~ แต่ก็ไม่ได้ปรับหรือแนะนำ ผู้ที่ทำบุญเลยเหรอครับทั้งที่น่าจะทำได้
หรือมองว่า ไม่ใช่กิจ.....

การทำบุญก็ใช้หลัก บุญกิริยาวัตถุ 10 อยู่แล้วครับ
และก็บอกอานิสงส์ของการทำบุญ
ไม่มากไปจนเดือดร้อน ไม่กู้ ไม่ยืนเงินคนอื่นมาทำบุญ


     ---- พอกลับมาผมก็ไม่ได้คิดอะไรกับคำสอนมากนักเพราะผมคิดว่าสิ่งเหล่านี้ มันเป็นเรื่องที่รู้ได้เฉพาะ
ตนจริงๆ  หรืออาจเป็นเพราะว่าผม ใช้เวลาช่วงสั้นในการศึกษาและปฏิบัติก็ไม่รุ้นะ... เพราะสำหรับผมการ
นั่งสมาธิกำหนดจิต ไปที่สิ่งใดสิ่งหนึ่งเพื่อให้เกิดสมาธิ นั้นเป็นเรื่องที่ผมถูกสอนมาจนเป็นพื้นฐาน
ว่าทำแบบนี้แล้วจะทำให้เกิดสมาธิได้จริง.....

    ---- อย่างโพสต์ ที่ แล้ว ที่ผมอ้าง คำว่า "เขาว่า" นั้น เพื่อที่จะได้ไม่ก่อให้เกิดปัญหาที่ตามมาทีหลัง ......
ซึ่งแน่นอน ที่คนเราอาจจะรับรุ้ข่าวสาร มาต่างๆนานา ผิดๆถูกๆ ถ้า
ผมเชื่อตามนั้นทั้งหมดผมคงไม่อ้าง คำนี้แน่นอน......

   ---- พอแค่นี้ก่อนครับ  เรื่องชวนผมไปบวชที่นั่น ผมคงปฏิเสธนะครับ
เพราะผมมีจุดประสงค์และทางปฏิบัติของผมอยุ่แล้ว  และที่สำคัญ ผมไม่ชอบยูนิฟอร์มสงค์ที่นั่น  ฮิ้ววว 

ไม่เป็นไรครับ  ฮิ้ววว

อีกอย่างครับ จุดมุ่งหมายของ โพสต์แรก คือการปรับอคติที่ผมมีต่อธรรมกาย...ที่ผมต้องการปรับ
เพราะผมสนใจหัวข้อตอบปัญหาธรรมนี้แหละครับ สมมตินะครับ ว่า ผม เข้าใจว่า นิพพาน คือการหลุดพ้น...
แต่ทางธรรมกายไม่ได้บอกอย่างนั้น  แล้วผมจะตอบคำถามถูกมั้ยครับ....??

ก็บอกอย่างนั้นแหละครับ นิพพานคือการหลุดพ้น ไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดอีก และเป็นอัตตา

หรือ จะให้ผมไปอ่านหนังสือแล้วยึดตามหนังสือ แล้วเอามาตอบ ~~

หรือว่าจะมองผมเป็นบัวในตรมที่ สอนอะไรไปบอกอะไรไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น จึงไม่เลือกที่จะชี้แนะผม 
ถ้าคิดอย่างนั้นก็ต้องขอโทษไว้ ณ ที่นี้ด้วยแล้วกันนะครับ

ไม่หรอกครับ ผมอยู่ที่ไหนก็เจอแบบนี้ประจำมีคนมาถามตลอดแหละครับ


บันทึกการเข้า

รับงานถ่ายภาพ
www.rpash.com
รอคุณ tmd มา แสนนานครับ ถูกใจครับ  
  
             ชาวตะวันตกหลายคนเชื่ออย่างนั้นครับ  คือตายแล้วสูญ ไปเลย  จึงทำอะไร หลายๆอย่างได้โดยไม่คิด ใช้ชีวิตอย่างที่อยากใช้  ผมว่าเรื่องวัฒนธรรมการฟรีเซ็กนี่ก็น่าใช่   แต่พอถึงจุดหนึ่ง เขาก็จะมีความรับผิดชอบ เองโดยส่วนตัว

เท่าที่เคยดูหนัง  ฮิ้ววว ชาวตะวันตก โดยเฉพาะพวกนับถือคริส(เอ๊ะมันแล้วแต่นิกายรึเปล่า?)  เมื่อก่อนเค้าจะถือเรื่องผัวเดียวเมียเดียวเป็นหลัก แม้แต่การหย่าร้างก็เป็นบาปไม่ใช่รึ? พวกเค้าไม่มีวัฒนธรรมการฟรีเซ็กซ์ แต่ว่า ถ้าจะหาเศษหาเลยจะเน้นไปทางพวกหญิงงามเมืองหรือโสเภณีแบบนี้มากกว่า
บันทึกการเข้า

เราแก้ไขอดีตไม่ได้ แต่เราทำปัจจุบันให้ดีได้
การเปลี่ยนความเชื่อคน นี่ ยากนะครับ ผมจึงทำได้แค่ แสดงความคิดเห็นที่เข้าใจและเสนอแนะพอสมควร ซึ่งนั่นก็ ไม่รุ้เหมือนกันว่า จะถูกผิดประการใด...

และจริงๆผมก็ไม่ได้หมายความว่า การเชื่อว่าตายแล้วสูญไป นี่ จะทำให้คนใช้ชีวิตเหลวแหลก เพียงอย่างเดียวนะครับ ยังหมายถึงการใช้ชีวิตเต็มที่ ไม่ได้คิดอะไรมากในการกระทำ  ซึ่งนั่นก็อาจมีทั้งดีและไม่ดี ด้วย
บันทึกการเข้า

ล้ำลึกคนึงหาในดวงจิต ใจเคยคิดตัดสวาทมิอาจสิ้น
ดั่งก้านบัวหักกลางชลาสินธุ์ ผิว่าสิ้นไร้เยื่อยังเหลือใย
ผมถึงเชื่อนักเชื่อหนา
เชื่อเอาจริงเอาจัง
ว่าถ้าจิตว่าง มันถึงนิพพานได้  ฮี่...

แต่ผมก็ไม่เชื่อชาติภพเหมือนกัน
(อันนี้ส่วนบุคคล เถียงกันตายไปข้างนึงก็ยืนยันแบบเดิม)


หยั่งป้าบอก
วันชลประทานฯ
และ สวนโมกข์
วัดสวนแก้ว

สวดพระอภิธรรม ถึงมีบทแปลด้วย
บาลีพอแปลไทย ดูไม่สามารถไล่ผีได้เลย
แต่กระจ่างใจตนดีครับ


ชาร์ป ผมว่าพูดคุยแบบนี้ก็ก้าวหน้าได้ดีนะครับ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10 ม.ค. 2007, 14:52 น. โดย 'ระจัน » บันทึกการเข้า


ถ้าไม่ได้เชื่อว่ามีนิพพานอะไรนี้เลยละครับ  ฮิ้ววว

แค่เอาหลักธรรมคำสอน ต่างๆมาเป็นหลักกระบวนการในการคิด กล่อม หลอก หลอน ตัวเอง

ให้ไม่ไปวิ่งไล่ฆ่าใคร ไม่ไปรังแกใคร ไม่ไปขโมยเงินใคร

ให้รู้จักเผื่อแผ่ ให้รู้จักเมตตา ให้รู้จักสงสาร

แค่เห็นความเป็นไปในตัวตน และทำหน้าที่ตามวัฐสังขารของตัวเองให้ดีที่สุด

จะว่าไม่ยึดติดก็ไม่ได้ 
จะให้ปล่อยวางก็ไม่ดี
ทำตัวตามสบาย ในมโนธรรมนี้ละครับ  ยิ้มน่ารัก

ศาสนา แบบ ง่ายๆ ไปรึเปล่านี้ (ศาสนาไม่ได้ยุ่งยากหรอก คนเรานั้นละทำให้ยุ่งยากไปเอง)
บันทึกการเข้า

เราจะต้องการอะไรมากมายไปกว่า อะไรมากมาย
ถ้าไม่ได้เชื่อว่ามีนิพพานอะไรนี้เลยละครับ  ฮิ้ววว

แค่เอาหลักธรรมคำสอน ต่างๆมาเป็นหลักกระบวนการในการคิด กล่อม หลอก หลอน ตัวเอง

ให้ไม่ไปวิ่งไล่ฆ่าใคร ไม่ไปรังแกใคร ไม่ไปขโมยเงินใคร

ให้รู้จักเผื่อแผ่ ให้รู้จักเมตตา ให้รู้จักสงสาร

แค่เห็นความเป็นไปในตัวตน และทำหน้าที่ตามวัฐสังขารของตัวเองให้ดีที่สุด

จะว่าไม่ยึดติดก็ไม่ได้ 
จะให้ปล่อยวางก็ไม่ดี
ทำตัวตามสบาย ในมโนธรรมนี้ละครับ  ยิ้มน่ารัก

ศาสนา แบบ ง่ายๆ ไปรึเปล่านี้ (ศาสนาไม่ได้ยุ่งยากหรอก คนเรานั้นละทำให้ยุ่งยากไปเอง)

เห็นด้วยครับ


บันทึกการเข้า

รับงานถ่ายภาพ
www.rpash.com
นั่นแหละเป๊ะ!! เจ๋ง


เท่านี้นาย A ก็ไปนิพพานได้แล้ว (บอกแล้วว่ามันเป็นสัญลักษณ์)
บันทึกการเข้า

ทำมาหากินด้วยการเปิดร้านสกรีนเสื้อยืด จ้ะ
อ่านสีแดงนะ



ก็บอกอย่างนั้นแหละครับ นิพพานคือการหลุดพ้น ไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดอีก และเป็นอัตตา



อันนี้แหละครับ ที่มีปัญหาให้ถกกัน
 เจ๋ง

ธรรมกายว่า อัตตา
ผมในฐานะ ไปเอา ออมสิน ที่วัดสวนโมกข์ บ่อยๆ ว่าเป็น อนัตตา

ก็ว่ากันไป ดีไหม ?
บันทึกการเข้า

ครับผม
บันทึกการเข้า

รับงานถ่ายภาพ
www.rpash.com
หน้า: 1 2 3 4 5 6 [7] 8 9 10 11 12 13 14 ... 162
 
 
Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.21 | SMF © 2006-2007, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!