สวัสดีครับ
คุณแอน ผมเข้ามาอ่านกระทู้นี้ได้หลายวันแล้ว
แต่ผมไม่ได้ออกความเห็น เนื่องจากว่า มันมีหลากหลายประเด็นมาก
ผมจะแยกเป็นประเด็นคร่าวๆนะครับ และอธิบายแบบหลักๆก่อน
ส่วนในเนื้อหารายละเอียด ถ้ามีใครสงสัยก็สอบถามเพิ่มเติมได้นะครับ
คือในส่วนของลิขสิทธิ์ หรือการได้มาซึ่งลิขสิทธิ์นะครับ
ลิขสิทธิ์คือผลงานสร้างสรรค์ ซึ่งต่างจากสิทธิบัตร
จากประเด็นที่ว่า เจ้าของลิขสิทธิ์เรียกเก็บค่าลิขสิทธิ์แพง เกินไป หรือเรียกเก็บไม่เท่ากัน
ตามการใช้งานนั้น สามารถทำได้ครับ
จากตัวอย่างที่เห็นจาก กรณีค่าลิขสิทธิ์เพลงใช่มั๊ยครับ
ที่เรียกเก็บจากผู้ฟังทั่วไป (ใช้ในที่พักอาศัยเท่านั้น) กับใช้เพื่อการค้า
ราคาไม่เท่ากัน!!!!
อันนี้เรียกเก็บจากการใช้งาน เหมือนที่มียุคนึง ทาง บ.พีเอสแอล เคยทำ คือขายสำหรับ
นักศึกษา ประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้ใช้ในการทำการค้า เพียงแผ่นละ สามร้อยกว่าบาท
(ที่ศูนย์หนังสือจุฬาก็เคยมี จัดจำหน่ายโดยไทยซอฟท์) ขออภัยที่ต้องเอ่ยนาม
ลิขสิทธิ์เป็นของเจ้าของผลงานครับ ไม่มีใครไปบังคับเค้าได้ เจ้าของสิทธิ์คือผู้ทรงสิทธิ์ครับ
เช่นถ้าใครมีฟอนต์อยู่หนึ่งชุด
เค้าพึงใจกับใครคนนึงมาก เค้าให้ใช้ฟรีก็ได้ หรือเก็บจะฟอนต์ละบาทก็ได้
หรือเก็บฟอนต์ละสองหมื่นก็ได้ หรือเก็บฟอนต์ละล้านก็ได้ หรือไม่ขายและไม่ให้ใช้เลยก็ได้
ทั้งหมดขึ้นอยู่กับเจ้าของสิทธิ์ครับ
คือเราจะไปบอกเค้าไม่ได้ครับ ว่าคุณต้องขายเท่านี้นะ เท่านั้นนะ เราในฐานะผู้ซื้อไม่มีสิทธิ์ไปกำหนดเค้าครับ
แต่ถามว่าอะไรจะเป็นตัวกำหนด กลไกทางตลาดครับ คือถ้าเค้าทำแล้วอยากขาย
ถ้าขายแพงมาก คนก็ไม่ซื้อ ถ้าขายถูกไป ไม่คุ้มค่าพัฒนา ก็ไปไม่รอดทั้ง สองแบบครับ
ฉะนั้นราคาที่เค้าตั้งก็ต้องให้เหมาะสมครับ
ต่อข้อถามที่ว่าในกรณีลิขสิทธิ์ดีวีดี ที่ว่านั่นเป็นเรื่องของสำนึกครับ
ถามว่าผิดกฎหมายมั๊ย คำตอบคืออย่างที่ศาลท่านว่า ไม่ผิดครับ
แต่ความจริงควรติดต่อเจ้าของสิทธิ์ครับเพื่อจะได้มาซึ่งสิทธิ์นั้นครับ
การทำซ้ำโดยกฎหมายสามารถทำได้ครับ เช่นคุณอาจทำสำเนาแผ่นเพลง
ที่คุณใช้ฟังบ่อยๆ เนื่องจากคุณกลัวแผ่นแท้จะได้รับความเสียหายเป็นต้น
อธิบายแล้วมันแตกออกเป็นหลายประเด็น เนื่องจากมีหลายๆท่านทิ้งทุ่นไว้
เอาเป็นว่าถ้าสงสัยในกรณีใดๆแล้ว ถามตอบกันเป็นรายกรณีจะดีกว่าครับ
ไปหละ จุ๊บๆ